การเดินทางของเชื้อโรคตัวน้อย "ฤดูฝนที่ชุ่มชื้น ฤดูหนาวแสนเย็นสบาย ไข้หวัดทั้งหลายแพร่กระจายเต็มพื้นที่"

ข่าวทั่วไป Wednesday November 5, 2025 15:50 —ThaiPR.net

การเดินทางของเชื้อโรคตัวน้อย

เนื่องจากความชื้นสูงและอากาศที่เย็นลง ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดี และทนทานมากขึ้น นอกจากนี้การสัมผัสกับเชื้อโรคที่พัดพามากับลมฝน ทำให้รับเชื้อ และป่วยง่ายขึ้น ซึ่งบทความให้ความรู้โดย พญ.พวงรัตน์ ตั้งธิติกุล (ว.38200) แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายถึงหลักการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ เพื่อใช้สำหรับดูแลตนเองและคนรอบข้างได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

การเดินทางของเชื้อโรคตัวน้อย

เจ้าเชื้อโรคตัวน้อย แพร่กระจายหลัก ๆ ได้ 3 วิธี

  • Contact transmission คือการสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น การสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือการสัมผัสทางอ้อมเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ลูกบิดประตู, โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ แล้วนำมือที่ปนเปื้อนมาสัมผัสกับปาก จมูก หรือตา เช่น แบคทีเรีย
  • Droplet transmission คือการที่โรคแพร่กระจายไปกับฝอยละอองขนาดใหญ่ จากการ ไอ จาม หรือพูด ละอองฝอยที่มีเชื้อจะแพร่กระจายในอากาศในระยะทางใกล้ ๆ (ประมาณ 1 เมตร) เช่น ไข้หวัดใหญ่
  • Air-borne transmission คือการที่โรคแพร่กระจายไปกับฝอยละอองขนาดเล็ก ฝอยละอองที่มีเชื้อสามารถกระจายไปได้ไกลในอากาศ เช่น วัณโรค

เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุช่องทางเดินหายใจส่วนบนและเริ่มแบ่งตัว โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 1 ถึง 3 วัน ก็จะเริ่มแสดงอาการ

หากเจ้าเชื้อโรคตัวน้อย ก่อโรคในจมูก ? ทำให้มีน้ำมูก คัดจมูก แสบจมูก จาม

หากลุกลามไปในคอ ? ทำให้มีอาการเจ็บคอ ระคายคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ไอ

หากลุกลามลงไปถึงหลอดลม ? ทำให้มีเสมหะ ไอ เสียงแหบ

หากเจ้าเชื้อโรคตัวน้อย ก้าวร้าวมาก ลุกลามไปที่ปอด ? ทำให้ ไอ เสมหะ เจ็บหน้าอก เหนื่อย

โดยส่วนมาก เจ้าเชื้อโรคตัวน้อย มักเป็นไวรัส (70 - 80%) ให้เกิดอาการไข้หวัด ซึ่งการรักษา คือการรักษาตามอาการ ไม่มีประโยชน์ของยาปฏิชีวนะ และการทานยาปฏิชีวนะที่เกินความจำเป็น ส่งเสริมให้เกิดเชื้อดื้อยา ถึงจะเป็นส่วนน้อยที่เป็นแบคทีเรีย แต่การรักษาช่างต่างกัน การได้ยาปฏิชีวนะนั้น ช่วยให้การรักษาเหมาะสมและหายไว

บางช่วงที่ไข้หวัดใหญ่หรือโควิดระบาด หากไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก คัดจมูก เจ็บคอ ไอ เหนื่อย เจ็บหน้าอก ควรตรวจเชื้อเพื่อยืนยัน เพราะการได้รับฆ่าเชื้อไวรัสอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทำให้หายป่วย ลดภาวะแทรกซ้อน และการเสียชีวิต

"เพื่อคนที่คุณรัก"

หากไม่อยากเจ็บป่วย เราต้องช่วยดูแลกันและกัน

  • ลดการกระจายเชื้อ เมื่อเจ็บป่วยสวมหน้ากากอนามัย
  • ส่งเสริมสุขภาพ โดยทานอาหารครบ 5 หมู่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • กระตุ้นภูมิต้านทาน โดยวัคซีนอย่างเหมาะสม ตามช่วงวัย และโรคประจำตัว

"วัคซีนไข้หวัดใหญ่" วัคซีนหลักที่แนะนำสำหรับทุกช่วงวัย

แต่หลายคน กลัวเลือด กลัวเข็ม ถ้าต้องฉีดวัคซีน ขอ "ไม่" ดีกว่า

วัคซีน (Live Attenuated Influenza Vaccine : LAIV) ... วัคซีนแบบไม่เจ็บตัว อีกทางเลือกเพื่อสุขภาพ

สำหรับผู้มีอายุ 2-49 ปี

ประสิทธิภาพการป้องกันโรคได้สูงถึง 88% ลดการนอนโรงพยาบาล 63% และภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานถึง 12 เดือน

ข้อจำกัดการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิดใหม่แบบพ่นจมูก

  • ไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดรุนแรง หรือมีภาวะหลอดลมไว
  • ใช้ยาในกลุ่ม Aspirin
  • ผู้ที่เพิ่งป่วยเป็น Guillain-Barre syndrome ภายใน 8 สัปดาห์
  • ผู้ที่เคยมีอาการแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบของวัคซีน

หากเราใส่ใจ ดูแลกันและกัน เพียงเท่านี้ ก็สามารถป้องกันตนเองและคนที่เรารักให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคตัวน้อย และห่างไกลจากโรคได้ ทั้งนี้ แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพการรักษา มาตรฐานการให้บริการ ระบบการดูแลผู้ป่วยด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองมาตรฐาน AACI (American Accreditation Commission International) ประเทศสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2025 รวมถึง โปรแกรมการรับรอง AACI "ความเป็นเลิศด้านสตรีมีครรภ์" AACI Clinical Excellence Certification Maternity Services ค.ศ.2025, ISO 7101:2023 - Health Care Organization Management และ ISO 9001:2015 - Quality Management Systems กรณีหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ โทร.1507 Line: @navavej


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ