
โค้งสุดท้ายรุกขยายตลาดเต็มพิกัด ดันผลงานปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย
บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดผลงาน Q3/68 กวาดรายได้จากการขาย 618.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.60% เทียบงวดเดียวกันกับปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 89.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.98% รับอานิสงส์จากการเติบโตของลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม B2B (7-Eleven) การพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ CPALL ในฐานะ Key Strategic Partner และกลุ่ม B2C (Non 7-Eleven) ฟากบิ๊กบอส "ชัชชวี วัฒนสุข" ระบุเดินหน้ารุกตลาดโค้งสุดท้ายปีนี้เต็มพิกัด มั่นใจสร้างรายได้รวมเติบโตตามเป้าหมาย พร้อมมุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านการดำเนินงานภายในอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อผลักดันผลงานเติบโตอย่างยั่งยืน

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 (สิ้นสุด 30 กันยายน 2568) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 618.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.65 ล้านบาท คิดเป็น 28.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 481.32 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.59 ล้านบาท หรือ 48.98% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 60.41 ล้านบาท
ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,726.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289.67 ล้านบาท คิดเป็น 20.16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 1,436.96 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 242.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.02 ล้านบาท หรือ 28.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 189.13 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง มาจากการเติบโตของลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม B2B (7-Eleven) การพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ CPALL ในฐานะ Key Strategic Partner และกลุ่ม B2C (Non 7-Eleven) รวมถึงการบริหารจัดการด้านการดำเนินงานภายในทั้งทางตรงและทางอ้อมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
"รายได้ในไตรมาส 3/2568 เติบโตตามยอดขายที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า B2B (7-Eleven) เนื่องจากการเติบโตของปริมาณการบริโภคในประเทศ กระแสความนิยมของเครื่องดื่มชาไทยและชาเขียวที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายเครื่องดื่มของบริษัทฯ ปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน ขณะที่กลุ่มลูกค้า B2C เติบโตจากการขยายสาขาของธุรกิจ Cafe Business และยังคงเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง" นายชัชชวี กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะสดใสต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) และกลุ่ม B2C (Non 7-Eleven) โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu รวมถึงออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner เช่น เครื่องดื่มเย็นในโถกด (7-Select) พร้อมผลักดันการใช้แนวคิด ESG เป็นแนวคิดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการงานภายในทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมั่นใจว่าจะสนับสนุนรายได้ปี 2568 เติบโตตามเป้าหมาย