ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้การคลังเป็นความเสี่ยงต่อการทบทวนปรับอันดับความน่าเชื่อถือ ต้องมีแผนลดขาดดุลการคลังอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ

ข่าวทั่วไป Friday November 14, 2025 14:17 —ThaiPR.net

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้การคลังเป็นความเสี่ยงต่อการทบทวนปรับอันดับความน่าเชื่อถือ ต้องมีแผนลดขาดดุลการคลังอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับมุมมองอันดับเครดิตของประเทศไทยจาก "มีเสถียรภาพ" (Stable Outlook) เป็น "เชิงลบ" (Negative Outlook) แม้ยังคงอันดับเครดิตที่ BBB+ สะท้อนความกังวลหลักต่อฐานะการคลังของไทยที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องหลังวิกฤตโควิด ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งบทเรียนจากต่างประเทศชี้ต้องมีการลดขาดดุลการคลังอย่างเป็นรูปธรรม

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่มอันดับเดียวกัน (BBB+ หรือ Baa1) จะเห็นว่าฐานะการคลังของไทยอ่อนแอกว่า โดยเฉพาะหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว และการขาดดุลการคลังที่ยังสูงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในกรณีเศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2% ต่อปีในระยะข้างหน้า การขาดดุลการคลังอาจยังอยู่สูงกว่า -4.0% ของ GDP และหนี้สาธารณะมีแนวโน้มแตะกรอบเพดาน 70% ภายในปี 2570 ทั้งนี้ รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการคลังระยะปานกลาง ซึ่งน่าจะเห็นรายละเอียดแผนลดการขาดดุลการคลังที่ชัดเจนขึ้น

ดร.ลลิตา เธียรประสิทธิ์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บทเรียนจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือได้ มักมีการดำเนินนโยบายลดขาดดุลอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น อิตาลี ที่สามารถลดการขาดดุลจาก 8.0% เหลือต่ำกว่า 4.0% ของ GDP ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ผ่านแผนเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่ฝรั่งเศสซึ่งถูกปรับลดทั้งมุมมองและอันดับเครดิตจากการขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น รวมถึงอันดับความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลบางรายถูกปรับลดตาม อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไม่ได้หมายความว่าอันดับเครดิตของภาคเอกชนจะถูกปรับลดไปด้วย ขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินของแต่ละบริษัท

นางสาวปริชญา ฤทธิ์สุข นักวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวทางลดขาดดุลการคลังของไทยอาจไปที่การเพิ่มรายได้ภาครัฐ เนื่องจากรายจ่ายส่วนใหญ่เป็นรายการที่ปรับลดได้ยาก ในระยะสั้น มาตรการเพิ่มรายได้แบบเฉพาะจุด (Piecemeal) อาจช่วยประคองสถานการณ์ได้บ้าง แต่ในระยะปานกลางถึงยาว การปฏิรูปการคลังอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องพึ่งพาการพัฒนาฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อออกแบบนโยบายสวัสดิการอย่างตรงเป้า ควบคู่กับการขยายฐานภาษีและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ