
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พร้อมจัดงาน "การประชุมบุคลากรไทยที่มีความสามารถระดับสูง ประจำปี พ.ศ. 2568 (Thailand Talent Summit 2025: Fostering Thailand Future; Advancing Innovation and National Impact)" งานที่รวมพลนักวิจัยไทยกว่า 2,000 คน จากทั้งนักวิจัยรุ่นใหม่ นักวิจัยรุ่นกลาง และนักวิจัยอาวุโส จากทั่วประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ และนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติพีช (PEACH) โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา จังหวัดชลบุรี

ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า "การประชุมบุคลากรไทยที่มีความสามารถระดับสูง Thailand Talent Summit 2025 เป็นเวทีที่จะสร้างพลังแห่งการรวมตัวของนักวิจัยไทยกว่า 2,000 คน เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างนักวิจัยรุ่นใหม่และนักวิจัยอาวุโสในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพสามารถตอบโจทย์ประเทศ และนำไปสู่ผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน" โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างนักวิจัยทุกระดับ และยกระดับศักยภาพงานวิจัยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ภายใต้แนวคิด SRI for All วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเพื่อทุกคน"
ศาสตราจารย์ ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า "Thailand Talent Summit 2025 เป็นมากกว่าการประชุมประจำปี สกสว. ตั้งใจให้เป็น 'ฮับคนเก่ง' (Hub of Talents) ที่รวมบุคลากรผู้มีความสามารถจากทุกภาคส่วน ทั้งนักวิจัย, ภาคเอกชน และผู้กำหนดนโยบาย มาพบปะ แลกเปลี่ยน และสร้างสรรค์ร่วมกัน งานนี้มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการลงทุนกับ 'คน' อย่างจริงจัง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สกสว. มองว่าเวทีนี้จะเป็น จุดเริ่มต้นของความร่วมมือใหม่ๆ ที่จะสร้างการเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างงานวิจัยในห้องปฏิบัติการ, การกำหนดนโยบาย และการนำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่จริง สกสว. พร้อมทำหน้าที่เป็น "สะพานเชื่อม" (Connecting Bridge) ในระบบ ววน. ทั้งในมิติของการเชื่อมโยงแหล่งทุน, การเชื่อมโยงโจทย์วิจัยที่ตอบสนองความต้องการของประเทศ และการเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรผู้มีความสามารถให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า "กระทรวง อว. มีวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับ 'คน' ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสาขาต่างๆ ซึ่งเป็น ผู้นำการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนนวัตกรรม เวทีนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการ รับฟัง 'เสียงจากพื้นที่จริง' (Voices from the Field) ของบุคลากรเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการและอุปสรรคที่พวกเขากำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงทุนวิจัย, การมีกติกาและกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทำงาน, หรือโอกาสในการทำงานร่วมกับนานาชาติ ข้อมูลที่ได้จากเวทีนี้จะถูกนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงนโยบายและออกแบบเครื่องมือสนับสนุนของกระทรวงให้มีความยืดหยุ่น ทันสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของ 'คนเก่ง' ของประเทศ ได้อย่างแท้จริง เพื่อส่งเสริมระบบ ววน. ให้แข็งแกร่งและก้าวหน้า"
นางสาวเสาวนีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า "วช. ให้ความสำคัญในการพัฒนากำลังคนตั้งแต่ทุนระดับบัณฑิตศึกษา ตลอดจนส่งเสริมผู้มีศักยภาพสูงให้เข้าสู่เส้นทางอาชีพของบุคลากรกลุ่มวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับนักวิจัยและหน่วยวิจัยทั่วประเทศ มองว่าบทบาทของนักวิจัยนั้นกว้างไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ผลิตบทความวิชาการ แต่คือ ผู้สร้าง 'หลักฐานเชิงประจักษ์' (Evidence Generators) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรองรับการตัดสินใจเชิงนโยบาย, การออกแบบมาตรการภาครัฐ, และการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และแก้ไขปัญหาในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับบุคลากรที่มีความสามารถระดับสูงนั้น พวกเขามักจะเป็น ผู้นำทีมวิจัย, ผู้บุกเบิกเครือข่ายวิชาการ และเป็น 'ต้นแบบ' (Role Model) ของนักวิจัยรุ่นใหม่ในระบบ ววน. การเสริมพลังและจัดหาพื้นที่ให้กลุ่มบุคลากรเหล่านี้ได้แลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์กับภาคนโยบาย, ภาคเอกชน และภาคสังคม ผ่านเวทีอย่าง Thailand Talent Summit 2025 จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เกิดความเข้าใจร่วมกันและ มองเห็น 'เส้นทาง' (Pathway) ที่ชัดเจนว่า งานวิจัยจะสามารถเดินทางจากห้องทดลองไปสู่การใช้ประโยชน์จริงและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมได้อย่างไร"
ดร.รัฐภูมิ ตู้จินดา รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) กล่าวว่า "บทบาทสำคัญของ บพค. คือ สนับสนุนให้ 'คน' มีโอกาสเติบโตและพัฒนาศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นพัฒนากำลังคนทักษะสูงที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม ให้ทุนสนับสนุนนักวิจัยและบุคลากรหลังปริญญาโทและปริญญาเอก รวมถึงสนับสนุนการวิจัยขั้นแนวหน้า และโปรแกรมที่จับคู่การทำงานวิจัยกับภาคอุตสาหกรรมและพื้นที่จริง เพื่อให้เกิดการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์จริง เวที Thailand Talent Summit 2025 จึงเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ บพค. ได้รับฟัง 'เสียงสะท้อน' โดยตรงจากผู้รับทุนและเครือข่าย ว่าอะไรคือปัจจัยที่ช่วยให้พวกเขาสามารถใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ และอะไรคืออุปสรรคที่ขัดขวางการทำงาน ข้อมูลและข้อเสนอแนะเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำไป ปรับปรุงและพัฒนาโครงการทุนให้ 'ทันสมัย' (Adaptive Programs) และตอบรับกับบริบทใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล, เศรษฐกิจสีเขียว และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและสร้างพลวัตให้กับระบบ ววน."
นอกจากนี้ ภายในงาน Thailand Talent Summit 2025 ได้จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบตลอด 3 วัน ประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ อาทิ
วันแรก (11 ธันวาคม 2568) เริ่มต้นด้วยพิธีเปิดงานโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมปาฐกถาพิเศษและบรรยายพิเศษ 3 หัวข้อสำคัญ:
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. การบรรยายจะเชื่อมโยงวิสัยทัศน์ประเทศกับบทบาทของนักวิจัยรุ่นใหม่ พร้อมชี้ทิศทางการลงทุนด้าน ววน. ในทศวรรษหน้า
โดย ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธาน กสว. บรรยายสะท้อนบทเรียนจากเวทีโลกและแนวทางออกแบบนโยบาย SRI ที่มุ่งผลกระทบจริง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
วันที่สอง (12 ธันวาคม 2568) เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้กับ:
วันสุดท้าย (13 ธันวาคม 2568)
การรวมตัวของนักวิจัยกว่า 2,000 คนในครั้งนี้ จะสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการที่เข้มแข็ง นำไปสู่การพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ประเทศในทุกมิติ การถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างนักวิจัยรุ่นใหม่และรุ่นอาวุโส จะยกระดับศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจให้นักวิจัยรุ่นใหม่พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ www.tsri.or.th