
นายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนากำลังคนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV-HRD) ระหว่างกระทรวงแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยมีนายสมชาติ สุภารี รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นตัวแทนกรมฯ ในการลงนาม ณ ห้องกมลทิพย์บอลรูม 2 โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพมหานคร

นายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนนี้ว่า ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานร่วมในพิธีลงนามในครั้งนี้ ซึ่งประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์มาอย่างยาวนาน เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยมีความเข้มแข็งเป็นลำดับต้น ๆ ในอาเซียน แต่ปัจจุบันด้วยเหตุผลสิ่งแวดล้อม การลดการพึ่งพาพลังงานน้ำมันแสวงหาพลังงานทางเลือก ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็วนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้ทางเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีความต้องการกำลังแรงงานที่มีความรู้ด้านการซ่อมและการบำรุงรักษาด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก และเพื่อให้เป้าหมายการพัฒนากำลังแรงงานในอุตสาหกรรมนี้ประสบความสำเร็จ ผลิตแรงงานที่มีทักษะฝีมือตอบโจทย์ความต้องการของนายจ้างและสถานประกอบกิจการ จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งผลิตแรงงานในสาขานี้ โดยความร่วมมือจะเป็นกลไกสำคัญให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการตามเป้าหมายที่ไว้วางได้ประสบความสำเร็จ
ด้านนายสมชาติ สุภารี รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวในฐานะตัวแทนของกรมว่า สำหรับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานความร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ต้องการ Upskill และ Reskill ด้านทักษะฝีมือ โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดทำ "โครงการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่" ดำเนินการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในหลักสูตรต่าง ๆ เช่น หลักสูตรแบตเตอรี่และระบบประจุไฟฟ้า ยานยนต์ไฟฟ้า การซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า การติดตั้งและทดสอบสถานีอัดประจุไฟฟ้า การติดตั้งระบบจ่ายไฟยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ เป็นต้น ในการดำเนินการฝึกอบรมและทดสอบฯ จำเป็นต้องอาศัยวิทยากร บุคลากร อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความร่วมมือจึงมีส่วนเติมเต็มในส่วนนี้ เป้าหมายที่ 5 หน่วยงานวางไว้ในการพัฒนากำลังคนยานยนต์ไฟฟ้าจำนวนอย่างน้อย 150,000 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี จะเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน และยังส่งผลต่อการเตรียมพร้อมของทักษะฝีมือและเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในสู่ระบบยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศในทุกด้าน