นายสยามรัฐ เรืองนาม ผู้อำนวยการเขตพระนคร กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกต 10 จุดอันตรายในพื้นที่เขตพระนคร เนื่องจากสภาพพื้นที่บางจุดมืด เปลี่ยว มีกลุ่มคนไร้บ้าน-คนเมาสุรา และเป็นจุดเสี่ยงเกิดอาชญากรรมว่า สำนักงานเขตฯ ได้เร่งแก้ไขปัญหาและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทั้ง 10 จุดที่มีการร้องเรียน พร้อมสำรวจพื้นที่โดยรอบที่อาจมีความเสี่ยงใกล้เคียง มุ่งเน้นตรวจสอบบริเวณที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ จุดลับตา หรืออยู่ในมุมอับ พื้นที่ที่พบคนไร้บ้าน หรือผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงพักอาศัยในที่สาธารณะ รวมถึงจุดที่เคยมีประวัติเหตุอาชญากรรม หรือเป็นทางสัญจรยามค่ำคืนของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดแนวทางปรับปรุงเร่งด่วนและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้ประสานสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ชนะสงคราม สน.พระราชวัง และสน.สำราญราษฎร์ เพื่อเพิ่มความถี่การตรวจตราพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน พร้อมสนับสนุนการวางกำลังจุดตรวจ จุดสกัด และสายตรวจเคลื่อนที่ในจุดที่มักเกิดเหตุซ้ำ หรือจุดที่พบกลุ่มคนเมาสุราและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดโอกาสเกิดเหตุอาชญากรรม และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ได้ประสานสำนักการโยธา (สนย.) ดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมระบบ เพิ่มจุดติดตั้งไฟในจุดที่มืด รวมถึงตรวจสอบสภาพทางเท้า แสงรบกวน จุดบังสายตา และตัดแต่งกิ่งไม้ที่บดบังแสงไฟ อีกทั้งประสานสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เพื่อพิจารณาเพิ่มกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในจุดที่มีประวัติการเกิดเหตุอาชญากรรม หรือมีความเสี่ยงสูงในช่วงกลางคืน เพื่อช่วยป้องปรามผู้ก่อเหตุและสนับสนุนการสอดส่องพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันยังได้ประสานหน่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์และองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดเก็บข้อมูลให้ความช่วยเหลือส่งต่อสถานสงเคราะห์ที่เหมาะสมและจัดระเบียบพื้นที่ให้เกิดความเรียบร้อย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสิทธิของทุกฝ่าย
นอกจากนี้ สำนักงานเขตฯ ได้ให้คำแนะนำประชาชนป้องกันความเสี่ยงช่วงเวลากลางคืน เช่น หลีกเลี่ยงการเดินคนเดียวในพื้นที่ลับตา เลี่ยงการใช้โทรศัพท์ขณะเดิน แจ้งพิกัดให้คนใกล้ชิดทราบเมื่อจำเป็นต้องผ่านพื้นที่เสี่ยง และหากพบสถานการณ์ผิดปกติให้รีบเข้าพื้นที่สว่าง หรือขอความช่วยเหลือจากร้านค้า ป้อมตำรวจ รวมทั้งสามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วน 191 หรือศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กทม. 1555
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวว่า สนย. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะในพื้นที่เขตพระนครทั้ง 10 จุดแล้ว พบว่า เส้นหลังวัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหารฝั่งสวนรมณีนาถ พบว่า ค่าความสว่างสูงกว่ามาตรฐาน ส่วนบริเวณท่าพระจันทร์-ท่ามหาราช-ท่าช้าง ระบบไฟฟ้าส่องสว่างสามารถใช้งานได้ตามปกติ และค่าความสว่างอยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานเช่นกัน ขณะที่บริเวณถนนราชดำเนินถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทั้งสองฝั่งระบบไฟฟ้าทำงานปกติ แต่พบปัญหาการบดบังแสงจากกิ่งไม้ในแนวสายไฟ ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตัดแต่งต่อไป
ส่วนพื้นที่ริมคลองหลอด (หลังกระทรวง) ถึงปากคลองตลาด ตรวจพบการลักลอบตัดสายไฟฟ้า ซึ่งจะเร่งแก้ไขชั่วคราวให้กลับมาใช้งานได้ภายใน 1 สัปดาห์ เช่นเดียวกับบริเวณถนนข้าวสารจาก สน.ชนะสงครามถึงป้ายรถโดยสารประจำทางหน้ากองสลากเก่า พบเสาไฟฟ้าดับจำนวน 7 ต้น และจะซ่อมแซมให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์เช่นกัน ส่วนเส้นหลังวัดบวรนิเวศราชวรวิหารถึงโรงเรียนสตรีวิทยา พบว่า ระยะเสาไฟฟ้าห่างเกินค่ามาตรฐาน จึงเตรียมปรับเปลี่ยนอุปกรณ์และเพิ่มกำลังหลอดไฟ เพื่อยกระดับความสว่าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ ขณะที่เส้นหลังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถึงปากคลองตลาดและหลังสวนสราญรมย์ พบว่า ความสว่างยังไม่เพียงพอและมีต้นไม้บดบัง จึงได้ประสานตัดแต่งกิ่งไม้และจะติดตั้งไฟ LED Floodlight ในแนวถนนเพิ่มเติม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางเดือน ธ.ค. 68
นอกจากนี้ บริเวณแนวเส้นเลียบสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ถึงสำนักงานสรรพากร พบการลักลอบตัดสายไฟและอุปกรณ์ภายในเสาไฟ โดยได้ลงบันทึกประจำวันที่ สน.ชนะสงคราม และจะเร่งแก้ไขให้กลับมาใช้งานได้ภายในกลางเดือน ธ.ค. 68 เช่นเดียวกับทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา จากเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ไปสวนสันติชัยปราการที่จะเร่งแก้ไขให้พร้อมใช้งานภายในปลายเดือน ธ.ค. 68
นายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวว่า จากการตรวจสอบและปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่างในพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์และบริเวณใกล้เคียงมีข้อสังเกตว่า หลายจุดไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง หรือแม้จะมีโคมไฟอยู่แล้ว แต่ยังให้ความสว่างไม่เพียงพอ รวมถึงจะพิจารณาติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมเพื่อเสริมความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่โซนพระนครมีการติดตั้งกล้อง CCTV และบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงอาจยังไม่สมบูรณ์ จึงได้ประสาน สน. พื้นที่ กองบัญชาการตำรวจสันติบาลและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อร่วมกันกำหนดตำแหน่งติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมให้ครอบคลุมตรอก ซอย และจุดเสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่สาธารณะซึ่งมีประชาชนและนักท่องเที่ยวสัญจรจำนวนมาก โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 กทม. ได้รับงบประมาณสำหรับติดตั้งกล้อง CCTV ตลอดแนวถนนสายหลัก รวมถึงพื้นที่เขตพระนคร ซึ่งได้ติดตั้งจำนวน 8 จุด รวม 23 กล้อง ขณะเดียวกันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ได้สำรวจจุดติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมในตรอก ซอย ของเขตพระนคร เพื่อใช้ประกอบการจัดทำคำของบประมาณ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สัญจรในย่านพระนครมากยิ่งขึ้น