
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เร่งแก้ไขปัญหาสุขภาพสำคัญของเด็กไทย โดยผลักดันชุดสิทธิประโยชน์ "เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก" เข้าสู่ระบบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค แบบจ่ายตามรายบริการ (PP-Fee schedule) ในปีงบประมาณ 2569 เพื่อให้เด็กเล็กได้เข้าถึงการเสริมธาตุเหล็กและการคัดกรองภาวะโลหิตจางได้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ณ หน่วยบริการของรัฐทั่วประเทศ
นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการนี้ว่า ปัญหาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในเด็กไทยยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง จากผลสำรวจภาวะโภชนาการเด็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งล่าสุด พบตัวเลขที่น่าตกใจ คือ 1 ใน 2 ของเด็กทารก (อายุ 5-9 เดือน) และ 1 ใน 3 ของเด็กเล็ก (อายุ 1-4 ปี) มีภาวะซีด ซึ่งตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ถือเป็นปัญหาระดับ "รุนแรง" ที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยธาตุเหล็ก คือกุญแจสำคัญในการสร้างและพัฒนาเซลล์สมอง รวมถึงช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้และความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เด็กที่ขาดธาตุเหล็กตั้งแต่ทารกจะมีความเสี่ยงที่ไอคิวจะลดต่ำลงถึง 5-10 จุด เมื่อเข้าสู่วัยเรียน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อศักยภาพการเรียนรู้ในระยะยาวและคุณภาพประชากรของประเทศ กรมอนามัย และ สปสช. จึงร่วมกันผลักดันชุดสิทธิประโยชน์ "เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก" ในปีงบประมาณ 2569 โดยมีเป้าหมายหลักในการเพิ่มการเข้าถึงบริการป้องกันและแก้ไขภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในเด็กปฐมวัย และสร้างรากฐานด้านสติปัญญาและพัฒนาการที่ดีของเด็กไทย
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมว่า การดำเนินงานตามสิทธิประโยชน์ดังกล่าวที่สำคัญ คือ การจ่ายยาน้ำเสริมธาตุเหล็ก สำหรับเด็กในช่วงอายุ 6-12 เดือน และการคัดกรองภาวะโลหิตจาง ในเด็ก 2 ช่วงวัย คือ 6-12 เดือน และ 3-5 ปี ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานเข้ารับบริการดังกล่าวได้ฟรีที่หน่วยบริการของรัฐใกล้บ้าน โดยชุดสิทธิประโยชน์นี้ได้เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2569 นอกจากสิทธิประโยชน์ด้านยาและการคัดกรองแล้ว กรมอนามัยยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้อาหารตามวัยที่ถูกต้อง เมื่อลูกอายุครบ 6 เดือน แนะนำให้เริ่มอาหารมื้อแรกของชีวิตได้เลย โดยไม่ต้องรอ ด้วยเมนูที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เช่น ข้าวผสมตับบด เนื้อสัตว์บด ไข่แดงบด พร้อมเสริมด้วยผักใบเขียวเข้ม เช่น ตำลึง บรอกโคลี และ ผักโขม เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน และหลีกเลี่ยงการให้เพียงกล้วยบด หรือข้าวบดผสมนมแม่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากสารอาหารจะไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองในช่วงวัยสำคัญนี้