วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอภาพยนตร์เรื่อง "TORQUE"

ข่าวทั่วไป Friday January 23, 2004 14:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
TORQUE
Final Production Information
สิงห์นักบิด แครี่ ฟอร์ด (มาร์ติน เฮนเดอสัน) หวนกลับมาบ้านเกิดเพื่อสานสัมพันธ์อีกครั้งกับแฟนสาว เชน (โมเน็ต มาเซอร์) และเพื่อสะสางธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่
ในตอนที่เขาละถิ่นฐานไปเมื่อหลายเดือนก่อนนั้น ฟอร์ดได้ครอบครองรถจักรยานยนตร์หลายคัน ซึ่งเป็นของเฮนรี่ (แมทซ์ ชูลซ์) นายหน้าค้ายาใจโหดซึ่งเป็นหัวหน้าแกงค์นักขี่เฮลไลออนส์ ตอนนี้เฮนรี่กดดันฟอร์ดอย่างหนักเพื่อให้คืนรถมอเตอร์ไซค์ที่มีของ ซึ่งมีราคาแพงกว่าน้ำมันซุกซ่อนอยู่ในถัง และเมื่อฟอร์ดไม่ยินยอมพร้อมใจให้ความร่วมมือ เฮนรี่จึงใช้วิธีตีกรอบเขาด้วยข้อหาฆาตกรรม จูเนียร์ น้องชายของเทรย์ (ไอซ์ คิวบ์) หัวหน้าที่น่ากลัวของแกงค์รีพเปอร์
ด้วยความช่วยเหลือจาก ดัลตัน (เจย์ เฮอร์นานเดซ) และ วาล (วิล ยุน ลี) สองสหายผู้ซื่อสัตย์ของเขา ฟอร์ดต้องหนีให้พ้นจากเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ (อดัม สก็อต) ซึ่งกำลังเครื่องร้อนในการตามหาเบาะแส ในขณะที่คอยหลบหลีกทั้ง เทรย์ ที่ถูกบิดเบือนข้อมูลและกระหายที่จะแก้แค้นให้สาสม กับเฮนรี่ซึ่งตามทวงคืนของที่เป็นของตนโดยชอบธรรมอย่างเอาเป็นเอาตาย
ฟอร์ดต้องขี่รถข้ามทะเลทรายฝ่าภยันตราย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา และทำให้เชนมั่นใจว่าเขามีค่าพอที่จะขอโอกาสเป็นครั้งที่สอง รวมทั้งหนีให้พ้นจากบรรดาศัตรู หากเขาต้องการจะล้างมลทินและมีชีวิตอยู่เพื่อขี่รถต่อไปอีกวัน
วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ร่วมกับ วิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ผลงานของ นีล เอช. มอริทซ์ ในภาพยนตร์เรื่อง Torque นำแสดงโดย มาร์ติน เฮนเดอร์สัน, ไอซ์ คิวบ์, โมเน็ต มาเซอร์, อดัม สก็อต, แมตต์ ชูลซ์, ไจเม เพรสลีย์ และ เจย์ เฮอร์นานเดซ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย โจเซฟ คาห์น และอำนวยการสร้างโดย นีล เอช มอริทซ์ และแบรด ลัฟ เขียนบทภาพยนตร์โดย แมท จอห์นสัน อำนวยการบริหารโดย ไมเคิล แรชมิล, เกรแฮม เบิร์ก และบรูซ เบอร์แมน ดนตรีประกอบโดย เทรเวอร์ เรบิน กำกับภาพโดย ปีเตอร์ เลวีย์ A.C.S., A.S.C. ; ปีเตอร์ เจ แฮมพ์ตันเป็นผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ และโฮเวิร์ด อี สมิธ A.C.E. และเดวิด แบล็กเบิร์น เป็นผู้ลำดับภาพ
Torque จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส, บริษัทของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอนเตอร์เทนเมนท์ และวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส www.torquemovie.com / AOL Keyword: Torque
Torque: n. แรงที่ทำให้เกิดการหมุนหรือบิด;
ประสิทธิภาพของการหมุนหรือแรงบิด
งานสร้าง
นักขี่มอเตอร์ไซค์ที่ทิ้งเพื่อนในเรื่อง Torque รุดไปในถิ่นตะวันตกสมัยใหม่เพื่อหาโอกาสปลุกนรกให้กับบรรดานักบิดที่ทรงพลังที่สุดในโลก แต่โลกแห่งความเร็ว มีอ็อคแทนสูงของเขาต้องระเบิดขึ้นเมื่อแก็งค์มอเตอร์ไซค์ที่อาฆาตแค้นต้องเผชิญหน้ากัน นีล มอริทซ์ ผู้อำนวยการสร้าง และหัวหน้าทีมของ Original Film ยกความดีให้กับเพื่อนผู้อำนวยการสร้าง แบรด ลัฟฟ์ ที่เป็นผู้นำสคริปท์ Torque มาให้เขาดู "ผมมีความคิดอยากทำหนังเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์มาพักหนึ่งแล้ว" ลัฟฟ์ย้อนความ "และ Torque มีองค์ประกอบทุกอย่างที่ผมมองหาอยู่ : สัญชาติญานแอ็คชั่น, ดราม่า และตัวละครที่มีผลอย่างมากต่อการขับเคลื่อนเรื่องราว" เมื่อได้รับไฟเขียวจากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส มอริทซ์ และลัฟฟ์ก็เริ่มงานชิ้นแรกของพวกเขา - หาตัวผู้กำกับที่มีสัญชาติญานของสไตล์ที่เด่นชัด คนที่จะสามารถสร้างโลกที่รวดเร็วแบบสายฟ้าแลบของมอเตอร์ไซค์ และบรรดาสตันท์ที่ท้าความตาย มาสู่จอภาพยนตร์ ด้วยรูปแบบที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์
และแล้วโจเซฟ คาห์น ผู้กำกับมิวสิควิดีโอชื่อดังก็ก้าวเข้ามา รูปแบบที่น่าตื่นเต้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแอ็คชั่นที่ฉับไว และยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมาก่อนในหนัง กับเรื่อง Torque ในสิ่งที่นับเป็นการทำงานกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของเขา คาห์นได้นำประวัติการทำงานกำกับฯ งานกว่า 200 ชิ้นติดตัวมาด้วย ทั้งกับศิลปินอย่าง U2, เจเน็ต แจ็คสัน , โมบี้, บริตนีย์ เสปียร์ส, KoRn, Aerosmith, Destiny's Child และ DMX คาห์นยังได้รับรางวัล Best Director จากงาน 2002 MTV Video Music Awards จากผลงานฮิตของ Eminem - Without Me
"ผมรู้จักโจเซฟมานาน" มอริทซ์กล่าว "และได้เฝ้าดูอาชีพการงานของเขาผลิบาน ผมว่าเขาทำงานวิดีโอที่ยอดเยี่ยมและบันลือโลก ตอนนั้นเรามองหาคนที่สามารถสร้างภาพและความรู้สึกสร้างสรรค์ให้กับ Torque ดังนั้นจึงไม่มีใครอื่นที่เหมาะสมเท่ากับโจเซฟ"
ลัฟฟ์เห็นด้วยอารมณ์นี้ เขาให้คำจำกัดความกับมิวสิควิดีโอของคาห์นว่า "น่าทึ่ง และเฉียบขาดอย่างแท้จริง เราเห็นด้วยว่าสไตล์ของเขาจะนำมาซึ่งความดั้งเดิมและทันเหตุการณ์ของหนังเรื่องนี้"
คาห์นถูกดึงดูดโดยหนังเรื่อง Torque เพราะการกำกับฯ ภาพยนตร์จะเป็นโอกาสให้เขาก้าวไปสู่อาณาเขตใหม่ของการทำงาน และในการทำเช่นนั้นก็จะปรับปรุงงานให้ดีขึ้น "ไม่เคยมีหนังขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่าที่ยิ่งใหญ่มาก่อน" เขากล่าว "และคิดว่าหนังเรื่องนี้คงทำให้ผมมีโอกาสที่จะแสดงสไตล์วิชวลของผม ผมยังรู้สึกอีกว่าในการปูพื้นงานแอ็คชั่นในหนังรัก เหนือวิชวลทุกอย่าง ผมทำให้ตัวละครหายใจได้ ผมอยากให้คนดูรู้สึกถึงอารมณ์ของเรื่องราว เพื่อให้ได้ความรวบรัดแห่งจินตนาการ"
เพื่อให้ได้ความสำเร็จนั้น ทีมผู้สร้างได้รวบรวมบรรดาตัวแสดงหน้าใหม่ที่มีพรสวรรค์ เริ่มต้นด้วย มาร์ติน เฮนเดอร์สัน ซึ่งได้รับเลือกให้รับบท แครี่ ฟอร์ด นักบิดที่หลบลี้หนีหน้า และหลังจากการทดสอบบทของมาร์ติน ทุกคนก็เห็นด้วยในทันทีว่าพวกเขาได้พบตัวพระเอกแล้ว
"เมื่อเขาเดินเข้าประตูมา และอ่านบท เราดูเหมือนสื่อกันได้ - เขาพูดภาษาผม ผมพูดภาษาเขา" คาห์นนึกย้อน เขาเห็นคุณสมบัติในตัวเฮนเดอร์สันว่าเป็นเช่นเดียวกับของบรรดาแอ็คชั่นฮีโร่ที่เขาชื่นชม อย่างสตีฟ แมคควีน, เมล กิ๊บสัน และแฮริสัน ฟอร์ด "เขาหน้าตาดี มีเสน่ห์ และความสามารถทางการแสดง - ส่วนผสมที่มีพลังมาก"
ในฐานะที่เป็นคนหน้าใหม่กับงานแอ็คชั่น เฮนเดอร์สันถูกดึงดูดโดยทัศนคติที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ของฟอร์ดที่นำมาสู่ภาพยนตร์ ในตอนที่ทำงานเกี่ยวกับตัวละครนั้น "โจเซฟและผมลงความเห็นว่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากถ้าทำให้เขาเป็นคนที่มีความสามารถในการพูด และมีอารมณ์ขันหน่อย" นักแสดงหนุ่มรำลึก "เป็นเรื่องสนุกที่ได้แสดงเป็นคนที่ผมเห็นว่าดูฉลาดมากกว่าที่จะเป็นคนที่ดุดันเพียงอย่างเดียว เขาเป็นชอบยั่วคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องสนุกมาก ฟอร์ดพยายามทำตัวเป็นคนดี - เขาเป็นคนประเภทที่ว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็จะตกที่นั่งลำบากอยู่เสมอ ซึ่งนับเป็นสูตรของหายนะเมื่อเขากลับมาบ้านเกิด"
ปัญหาดาหน้าเข้ามาหาฟอร์ดในหลายรูปแบบ แต่ที่น่ากลัวที่สุดนั้นแน่นอนว่า คือ เทรย์ หัวหน้าแกงค์มอร์เตอร์ไซค์ที่มีอำนาจ ที่ถูกหว่านล้อมให้เชื่อว่าฟอร์ดเป็นคนฆ่าน้องชายของเขา ในการคัดเลือกนักบิดที่แสนร้ายกาจคนนี้ ทีมผู้สร้างได้เลือก ไอซ์ คิวบ์ นักแสดง/ผู้อำนวยการสร้าง/เจ้าตำนานฮิพฮอพ "เมื่อเราเริ่มคุยกันถึงตัวละคร เทรย์ เขาเป็นคนแรกที่ผมนึกถึงและเราโชคดี ที่เขาเองก็อยากเล่นหนังด้วย" มอริทซ์ให้ความเห็น
ก่อนหน้านี้คาห์นแคยร่วมงานกับคิวบ์ ในมิวสิควิดีโอของเขาเมื่อปี 1997 ในชุด The World is Mine และมีความสนใจมากที่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง "ผมว่ามันน่าสนใจที่เลือกไอซ์ คิวบ์ให้รับบทนี้" คาห์นอธิบาย "เพราะเขาเล่นได้ทั้งบทร้าย เล่นได้ทั้งบทโหดเหี้ยม แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้าคิดไปถึงหนังที่เขาเล่นแล้วดังมาก่อน เขาเป็นคนดีจริงๆ โดยเฉพาะในบรรดาหนัง Friday ทั้งหลาย เขาเป็นคนที่น่ารัก ดังนั้นการที่ได้รู้จักคนที่เป็นคนดี แต่รู้ว่าเขาเล่นร้ายก็ได้ นับเป็นสิ่งมีพลังที่น่าสนใจที่จะใส่ลงไปในบทของเทรย์ เพราะถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกสงสารเขา เราก็รู้ว่าเขากำลังทำสิ่งที่ผิด และเราก็รู้ว่าเขาจะฆ่าฟอร์ดหากจับเขาได้" "เทรย์อยู่เหนือจุดของการที่เขาจะทำให้เรากลัว" คิวบ์กล่าว "เมื่อเราพบคนอย่างเทรย์เราจะรู้ว่าเขาทำธุรกิจ และเขาอาจเป็นคนประเภทที่เราไม่อยากรู้จัก เพราะอาจโกรธกันได้ในวันข้างหน้า ไม่ว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ก็ตาม เขาเป็นคนที่เราไม่อยากจะมีเรื่องด้วย"
โมเน็ต มาเซอร์ รับบท เชน หญิงสาวที่ฟอร์ดทิ้งไปเมื่อตอนที่เขาหลบหนีไป แต่เชนก็ไม่ได้นั่งทอดอาลัยกับชีวิต - เธอเป็นสาวนักบิดที่เก่งกาจ และเจ้าของร้านมอเตอร์ไซค์ขายดี ผู้อำนวยการสร้างลัฟฟ์ยืนยันว่าเธอไม่ได้แตกต่างไปจากหญิงสาวทั้งหลายที่อยู่ในบรรดาหนังของ Original "สิ่งหนึ่งที่เรามุ่งมั่นให้มีในหนังของเรา โดยเฉพาะในหนังแอ็คชั่น ก็คือเราอยากได้ผู้หญิงที่เข้มแข็ง เป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่เพียงแต่อึด หรือสวย แต่ยังต้องเป็นนักธุรกิจ และสามารถดูแลตัวเองได้ในทุกสถานการณ์""เชนอยู่คนเดียวมาราวๆ หกเดือน หลังจากฟอร์ดทิ้งไปโดยไม่มีคำอธิบายว่าทำไม" มาเซอร์อธิบาย เท่าที่เธอรู้เขาจะไม่มีวันกลับมา และเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะนั่งคอยใคร - เธอสามารถอยู่ด้วยตนเองได้ เธอสร้างหนังหนาๆ มาปิดส่วนที่เธอรักเขาเอาไว้ และกลายเป็นคนที่แข็งกว่าเดิม และดุดันกว่าที่เคยเป็นก่อนได้พบเขา ฉนั้นเมื่อเราได้เห็นทั้งคู่ด้วยกันเป็นครั้งแรก เราจะไม่อยากเป็นตัวเขาเลยทีเดียว"
เฮนเดอร์สันเห็นด้วย "เมื่อฟอร์ดกลับมา เขารู้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่างที่เขาเคยวิ่งหนีจากไป แต่เขาก็คิดอย่างทะนงว่าเขาจะไม่เป็นไร แผนของเขาจะได้ผล และเขารู้ว่าจะต้องทำอะไร ซึ่งแน่นอน มันไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามนั้น" สองเกลอคู่ซี้ของฟอร์ด ดัลตัน ผู้อารมณ์ร้อน และวาลหนุ่มเนื้อหอมของบรรดาสาวๆรับบทโดยเจย์ เฮอร์นานเดซ และวิล ยุน ลี และนับเป็นเรื่องจำเป็นที่ตัวละครทั้งสามต้องเข้าขากันได้ดี เนื่องจากความเป็นเพื่อนที่คบค้ากันมานาน ที่ทำให้ดัลตันและวาลยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยฟอร์ดให้หลบหนีจากผู้จ้องสังหารเขา และนับเป็นโชคที่ความสัมพันธ์เหนียวแน่นที่ก่อตัวขึ้นระหว่างนักแสดงทุกคนในช่วงถ่ายทำ ได้เผื่อแผ่ไปถึงสามเกลอนักแสดงด้วย "สามหนุ่มกลมเกลียวกันดีมาก" ลัฟฟ์บอก "เราเชื่อสนิทว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานานแสนนาน"
"เจย์และวิลน่าทึ่งมาก" เฮนเดอร์สันเห็นด้วย "น่าจะทำหนังที่เกี่ยวกับพวกเขาสองคน เวลาอยู่ด้วยกันพวกเขาสนุกมาก พวกเขาเป็นเหมือนคู่รักเพื่อนแค้น ที่คอยผลัดกันหาเรื่องอีกฝ่าย"
เฮอร์นานเดซกล่าวถึงแรงกระตุ้นของตัวละครของเขาว่า "ดัลตันเป็นคนระห่ำที่ชอบรถมอเตอร์ไซค์ ชอบขี่รถ และสนิทกับวาลและฟอร์ดมานาน นั่นคือชีวิตเขา - รถและเพื่อน"
คาห์นและลีเต็มใจที่จะหามุมมองใหม่ให้วาล "เราอยากจะเปลี่ยนแบบแม่พิพม์ของหนุ่มเอเซีย"ลีบอก "ดังนั้นวาลจึงแสดงหนังฮาร์ดร็อค เขาเก่งเรื่องหญิง ไม่ว่าอะไรจะระเบิด ปืนลั่น แต่วาลจะเป็นเพียงคนเดียวที่สงบนิ่ง นั่งอ่านแม็กกาซีนได้ ผมว่าความเข้ากันได้หลายอย่างระหว่างวาลและดัลตันมาจากความจริงที่ว่าดัลตันเป็นคนที่ทำให้ความเคร่งครัดของวาลสูญสลาย"
ฟอร์ดและพรรคพวกไม่เพียงแต่ต้องวิ่งหนีจากเทรย์ผู้เคียดแค้น - แต่ยังมีคำข่มขู่ที่เป็นอันตรายจากเฮนรี่ หัวหน้านักบิดแห่งแกงค์เฮลเลียนที่ชื่อเสียงไม่ดีและแสนจะอันตราย ซึ่งกำลังหาทางแก้แค้นเป็นการส่วนตัว แมตต์ ชูลซ์ เป็นผู้รับบทอาชญากรตัวร้าย "แมตต์เป็นคนที่เก่งมากในการเป็นสิงห์นักขี่นอกกฎหมายที่ไร้เมตตาคนนี้" ลัฟฟ์วิจารณ์ "เราเคยทำงานกับแมตต์ในเรื่อง The Fast and the Furious และเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เขากลับมาทำงานอีกในเรื่องนี้"
เมื่อมีไคลด์ก็ต้องมีบอนนี่ และในกรณีของเฮนรี่ นั่นก็คือแฟนสาวตัวแสบของเขา ไชน่า ซึ่งรับบทโดย ไจเม เพรสลีย์ เธอเป็นคนร้ายกาจและเต็มไปด้วยอันตรายเหมือนกับเขา - หรืออาจมากกว่า อย่างที่เพรสลีย์บอกว่า "มีทั้งคนดี คนชั่ว และตัวร้ายในหนังเรื่องนี้ และเราคงเป็นตัวร้าย"
อีกด้านหนึ่งของกฎหมายก็ตามรอยฟอร์ดอย่างดุเดือดเช่นกัน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ แมคเฟอร์สัน และเฮนเดอร์สัน รับบทโดย อดัม สก็อต และจัสทินา แมคฮาโด พวกเขาแข่งกันเพื่อให้ได้ตัวฟอร์ดมาก่อนเทรย์หรือเฮนรี่ และจะได้ไม่ต้องควักตัวเหยื่อออกมาจากหลุม แต่เป็นเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้น แมคเฟอร์สันไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากการสร้างสรรค์ให้กับบทของเขา "เท่าที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอจะทำ ถ้าไม่ใช่อารมณ์พาลแล้ว แมคเฟอร์สันทำงานในแบบของเขาเอง" สก็อตบอกอย่างขำๆ "เอาเป็นว่า เจย์ เอ็ดการ์ ฮูเวอร์คงไม่พอใจกับเจย์ แมคเฟอร์สันแน่ ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือชื่อย่อตัวแรก"
"ตัวละครส่วนใหญ่ในสคริปท์มาจากบรรดานักขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นแรก" คาห์นออกความเห็น "พวกเขาค่อนข้างหยาบ - มีทั้งตลก, หนุ่มเซ็กซี่, สาวห้าว, สาวร้าย - แต่ทีเด็ดก็คือ การหาทางที่จะแสดงออกถึงความเป็นรุ่นแรกนั้นด้วยรูปแบบแปลกใหม่ "คาห์นทีความคิดจำเพาะสำหรับรูปแบบของตัวแสดงทั้งหมด และคุยในรายละเอียดกับหัวหน้าทีมแต่งหน้า ทำผม และเสื้อผ้า ในระหว่างเตรียมการถ่ายทำ ผู้กำกับฯ อยากให้นักขี่ดูสมจริงและยังแสดงถึงสไตล์ฮิพที่เข้าสมัย
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย อลิซาเบ็ธ เบราลโด ได้สร้างสรรค์เครื่องแต่งกายเป็นจำนวนมาก ที่สะท้อนบุคลิกให้กับตัวละครผู้สวมใส่แต่ละคน อย่างเช่น วาล ตัวละครที่สวมแจ็คเก็ตปักตัวอักษรจีน คำหนึ่งหมายถึง 'รัก' และอีกหนึ่งหมายถึง 'ความจริง' ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนถึงต้นตระกูลที่มาจากเอเชีย แต่ยังสื่อถึงการมองชีวิตของตัวละครเขาในแบบของเซน
นอกจากแบบแล้ว สียังงเป็นองค์ประกอบหลักอีกอย่างหนึ่งด้วย เราจะเห็นเชน ตัวละครของโมเน็ต มาเซอร์ สวมเสื้อยืดแนบตัว ทับด้วยแจ็คเก็ตน้ำเงิน และกางเกงขายาวของ FNA ซึ่งเข้ากับรถจักรยานยนตร์ขาวน้ำเงินรุ่น Triumph TT600 ส่วนฟอร์ดสวมสูทสีแดงเข้มของ Bates ที่สะท้อนจากรถสีแดงรุ่น Aprilia Mille RSV ของเขา สีที่ฉูดฉาดเหล่านี้ดูงดงามโดดเด่นเมื่ออยู่ในสีของทะเลทรายทั้งผืน ที่ใช้ในการไล่ล่าส่วนใหญ่
อย่างไรก็ดี สีที่เข้มข้นที่สุดถูกเก็ยไว้สำหรับไจเม เพรสลีย์ ซึ่งตัวละครของเธอ ไชน่า ได้ถูกออกแบบให้ใส่สีที่ดูเป็นนักขี่เถื่อนๆ ห้าวๆ พร้อมทั้งการแต่งหน้าจัด เจาะหู และรอยสักผืนใหญ่ เธอก็ดูเป็นสาวร้ายที่สุดในบรรดาสาวร้ายไดเอย่างไม่ต้องตั้งคำถามเลยทีเดียว
เสื้อผ้าสำหรับแกงค์รีพเปอร์ของไอซ์ คิวบ์สร้างมิติเพิ่มเติมเป็นอย่างมาก - ทีมผู้สร้างอยากผสมผสานความเป็นนักขี่เข้ากับองค์ประกอบฮิพฮอพท้องถิ่น ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ ชิ้นส่วนจาก Vanson Leather และแจ็คเก็ตของ Avirex ถูกนำมารวมกับโซ่และ เครื่องสวมหัว
บรรดานักแสดงของ Torque สวมใส่ชุดหนังที่นับว่าฮิพที่สุดเท่าที่เคยเห็นกันในจอภาพยนตร์ ซึ่งได้มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง อาทิเช่น Joe Rocket, Alpine Star, Bates, Schott และ FNA รองเท้าและถุงมือจาก CAT, Triumph, Joe Rocket, SAO และ Alpine Star และแน่นอนชุดหนังแสนเท่ห์ย่อมให้ความอบอุ่นที่เกินความต้องการ "มันร้อนแทบเสียสติ - ราว 107 องศาได้ - และเราใส่ชุดหนังเต็มยศ" เฮนเดอร์สันย้อนรำลึก "เมคอัพอาร์ติสท์ต้องคอยซับเหงื่อออกจากลูกตา และแผ่นรีเฟล็คสะท้อนเข้าหน้า… และนั่นแหละ เราต้องพยายามรักษาระยะและทำท่าเฉย มันหนักเอาการอยู่"
มีการลงความเห็นว่านักขี่ที่นับถือตัวเองจะต้องมีรอยสัก และหัวหน้าทีมเมคอัพ อาร์ติสท์ แคทลีน ครอว์ฟอร์ด และเมคอัพอาร์ติสท์ ริค ชาร์พ ได้ลอกจากแบบของเบราลโด และเพิ่มเติมงานศิลป์สมัยใหม่ของพวกเขาโดยการใช้ขั้นตอนที่เพิ่งถูกคิดค้นสำหรับภาพยนตร์ (นักแสดงเคยต้องนั่งให้เมคอัพอาร์ติสท์เขียนแบบและลงสีบนตัวของพวกเขาอย่างยากลำบากเป็นเวลาครั้งละหลายชั่วโมง เมื่อครั้งทำงานให้เรื่อง Pearl Harbor เมคอัพอาร์ติสท์ คริสเตียน ทินสลีย์ ได้พบขั้นตอนการติดรอยสักแบบง่ายๆที่เหมือนจริง ซึ่งร่นเวลาการทำงานลงเหลือเพียงหนึ่งในสี่ของที่เคยเป็น) เมื่อการออกแบบรอยสักเสร็จสมบูรณ์ อาร์ตเวิร์คจะถูกทาบลงบนวัสดุเซลโลโฟนใส แล้วพ่นทับด้วยกาวที่เรียกว่า Prosaid และใช้น้ำช่วยในการติดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย การใช้วิธีของทินสลีย์ช่วยประหยัดเวลาหลายร้อยชั่วโมงที่ต้องใช้ในรถเทรลเลอร์แต่งหน้า ตลอดการทำงานถ่ายทำของเรื่อง Torque
เช่นเดียวกับเสื้อผ้าของพวกเขา ทรงผมของบรรดานักแสดงได้รับการคัดเลือกให้เน้นถึงรูปลักษณ์แต่ละคน สำหรับ ไชน่า ผู้ออกแบบทรงผม ดักก์ เคิร์คแพทริค ให้เพรสลีย์ไว้ผมยาวสีดำขลับ ที่เป่าพองตรงช่วงโคนผมและเคลือบด้วยน้ำมันในตอนท้าย ศีรษะของเฮอร์นานเดซได้รับการโกน และผมของลีเป็นแบบของซามูไร แต่สำหรับชูลซ์แล้ว เขาอาจมีทรงผมที่ประทับอยู่ในความทรงจำมากที่สุด
"ผมตกลงใจที่จะให้เขาไว้ผมทรงดาวห้าแฉก" คาห์นบอก "และคอยฟังว่าเขาจะสามารถทำให้คนพูดว่า 'ว้าว มันสวยมากเลยนะและเขาก็ดูเจ๋งมากๆ'"
และตามที่เคิร์กแพทริคได้บอกไว้ว่า ยกเว้นแต่โมเน็ท มาเซอร์ ซึ่งตัวละคร เชนของเธอนั้นดูไม่ค่อยสกปรกเลอะเทอะเท่าใดนั้น แนวทางของโจเซฟก็คือการทำให้นักแสดงที่เหลือทั้งหมดดูเหมือน "เลอะน้ำมัน, สกปรก, มีกลิ่น" ไม่ว่าสไตล์ไหนก็ตาม ส่วนประกอบสุดท้ายที่ทุกคนได้รับก็คือน้ำมันจำนวนมากนั่นเอง
การฝึกใช้ล้อ
ในช่วงสี่อาทิตย์ก่อนเริ่มการถ่ายทำ เหล่านักแสดงได้เข้ารับการฝึกหัดขี่มอเตอร์ไซค์แบบมีระดับ ในลานจอดรถที่กว้างใหญ่ของ Dodger Stadium ในลอสแอนเจลิส เริ่มต้นจากมอเตอร์ไซค์วิบาก และต่อมาก็ได้เพิ่มระดับของการใช้โซ่มากขึ้นจนกระทั่งถึงการขี่รุ่นใหญ่ยักษ์ที่ใช้หัวฉีดน้ำมัน ที่ตัวละครของพวกเขาสามารถขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่วง่ายดาย ในบรรดานักแสดงจะมีเพียงแค่เฮนเดอร์สันคนเดียว แต่คนอื่นไม่เคยมีประสบการณ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาก่อนเลย แต่ด้วยการฝึกอย่างหนัก ในที่สุดพวกเขาก็ชำนาญในการขี่อย่างไม่มีข้อจำกัด ร่อน และหยุดล้อตาย
ผู้ประสานงานสตันท์ แลนซ์ กิลเบิร์ต จับตามองอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด "หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ผมมักจะเน้นกับผู้สอนก็คือพวกเขาต้องใส่ใจอย่างจริงจังกับทักษะในการรับฟังของนักแสดง เวลาเราบอกอะไรพวกเขา คอยดูว่ามีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร และฟังอย่างตั้งใจแค่ไหน เพราะว่ามันเป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกเขาต้องเอาใจใส่กับเครื่องยนต์กลไก - ถ้าหากเขาบิดคันเร่งเร็วเกินไปหรือปล่อยคลัทช์เร็วไปนิด อาจเกิดการบาดเจ็บได้ พวกเขาอาจทำให้ตัวเองเจ็บ หรืออาจเป็นทีมงาน ชนกล้อง อะไรอีกหลายๆอย่าง แต่พวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก ผมภูมิใจกับพวกเขาทุกๆ คน ทำได้ดีมาก และผมว่าดูในหนังก็จะเห็น"
"เราเรียนการขี่ที่ดุเดือดขึ้น เพื่อรับมือกับอะไรก็ตามที่เราอาจเจอในระหว่างการถ่ายทำ" คิวบ์กล่าว "เราต้องเรียนรู้ที่จะหยุดในทุกความเร็ว ภายใต้ทุกสถานการณ์ มันอาจเป็นความยุ่งยากสำหรับสตันท์ในบางที และเราต้องไม่เพียงแค่แสดง แต่ยังต้องสำนึกถึงทุกคนและอุปกรณ์ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เพื่อให้มั่นใจว่าเราทำงานหนังสำเร็จ"
นักแสดงไม่เพียงแต่จะต้องขี่รถอย่างยุ่งยากและเสี่ยงอันตรายเท่านั้น แต่ยังต้องแสดงให้เหมือนกับว่าได้ผ่านชั่วโมงบินจำนวนมากอย่างที่ตัวละครหัวดื้อเป็นอย่างจริงจัง กิลเบิร์ตรับหน้าที่ดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างสมจริง "ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงบทสตันท์เหลือเชื่อ และเพียงแค่กำลังขี่รถ แต่ถ้าดูเหมือนนั่งไม่สบายบนรถแล้วละก็ มันจะไม่น่าเชื่อสำหรับคนดูเลย" เขากล่าวย้ำ "เราอยากได้ภาษากาย ความรู้สึก และวิธีที่พวกเขามองถนนและหัวมุมถนนที่คาดเอาไว้ ให้ทุกอย่างดูน่าเชื่อถือ และเราใช้เวลาอย่างมากในการเรียนเพื่อสิ่งเหล่านั้น การเรียนวิธีขึ้นลงรถ ให้ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ทำมันมาเป็นล้านๆครั้งและไม่ใช่เพียงแค่ยี่สิบหน" บรรดานักแสดงได้พบว่าการใช้ท่าต่อสู้จำนวนมากในหนังนั้นอาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน คิวบ์ ผู้ซึ่งเป็นมือเก่าทางด้านฉากการต่อสู้ในภาพยนตร์ ไม่ต้องการคำแนะนำมากเท่าใด และสมัครใจที่จะเก็บพลังงานไว้ในการเข้ากล้องมากกว่า แต่ตรงข้ามกับเฮนเดอร์สันที่เป็นมือใหม่กับขั้นตอนนี้ ซึ่งมีผลต่อแอ็คชั่นที่ไม่คาดคิดในบางครั้ง
"มันค่อนข้างจะเหมือนการเต้นรำ" เฮนเดอร์สันทบทวน "ไม่ได้เป็นความนัยว่าคิวบ์กับผมกำลังเต้นแทงโก้ - มันเป็นเหมือนการออกแบบท่าและความแม่นยำร่วมกับตำแหน่งของกล้อง แต่เมื่อเราซ้อมกันเป็นครั้งสุดท้ายในกล้อง เรากะไม่ได้ถึงระยะห่างของเรา ผมก็เลยตบหน้าเขาไปเต็มแรง ตอนนั้นเป็นช่วงสั้นๆ ที่เขามองหน้าผม ว่าไหมละ เขาเป็นเจ้าพ่อใหญ่ของแก็งค์ ผมดันตบหัวเขาซะแล้ว แต่เขาก็ใจเย็น แล้วก็พูดว่า 'นี่ อย่างใกล้มากนักซี' แล้วเราก็ต้องสู้กันอีกทั้งฉาก ผมพะวงคิดว่า 'อย่าทำร้ายผมเลยนะ' แต่เขาเก่งมาก"
โมเน็ท มาเซอร์ และไจเม เพรสลีย์ ควบการขี่มอเตอร์ไซค์และการแสดงสตันท์ของพวกเธอ ไว้ในฉากดวลเป็นหรือตายระหว่างเชนและไชน่า ซึ่งทั้งคู่ต้องสู้กันระหว่างขี่รถในความเร็วสูง ซึ่งใช้เวลาสองอาทิตย์เพื่อขับเคี่ยวในการถ่ายทำฉากต่อสู้นี้ "ฉันไม่เคยถูกทำร้ายขนาดนั้นมาก่อนเลยในชีวิต" มาเซอร์กล่าว "ฉันคงทำไม่ได้ถึงครึ่งถ้าตัวแสดงสตันท์ไม่ได้ทำงานกับเราด้วย เพราะในบางครั้งฉันต้องยืนบนรถในตอนที่มันวิ่งด้วยความเร็ว 30 ไมล์/ช.ม. มันอาจฟังดูไม่เร็วนัก แต่เมื่อมันไม่มีอะไรอยู่ข้างตัวเราเลย และก็ไม่มีที่ให้จับอีกด้วย มันดูเร็วอย่างน่ากลัวทีเดียวละ และในครั้งสองครั้งแรกฉันทำไม่ได้เลย ตัวของฉันไม่ยอมให้ฉันยืนและทรงตัว เราต้องเชื่อในคนที่อยู่รอบตัว - คู่หู, ทีมสตันท์, คนขับและทีมงาน"
เพรสลีย์ต้องยอมให้ความไว้ใจอย่างเต็มที่ "มีอยู่ช็อตหนึ่งที่เราขึ้นรถมอเตอร์ไซค์" ดาราสาวเล่า "และโมเน็ทรู้สึกยุ่งยากที่จะทำให้ดูเหมือนกำลังทำร้ายฉัน เพราะติดมุมกล้อง แล้วท้ายสุดฉันก็บอกว่า 'เธอรู้ไหม ทุบฉันเลย? ตีฉัน ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันสบายดี เอาให้เราถ่ายเสร็จได้แล้วกัน' แล้วเธอก็ทำจริง และช็อตนั้นก็ออกมาดี ในบางครั้งก็เจ็บตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นมันเป็นของฟรี"
"ฉันดีใจมากที่ขี่รถเป็น" มาเซอร์กล่าว "ทีนี้ถ้าใครมีรถเจ๋งๆ ฉันจะบอกได้ว่า 'ขอลองขี่หน่อยนะ' แล้วฉันก็รู้วิธีที่จะหยุดล้อตายเสียงดังต่อหน้าพวกเขา"
คาห์นมีความคิดอีกแบบ "คุณไม่อาจทำให้ผมขี่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม" เขายืนยันอย่างตั้งใจ "สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมได้เล่นเรื่องนี้ก็เพราะคนชอบรถมอเตอร์ไซค์ เพราะพวกเขาชอบเสี่ยงชีวิต หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับสตันท์และนักแสดงกับรถพวกนี้ ผมตัดสินใจว่าจะรักษาอวัยวะของผมเอาไว้ให้ครบถ้วน"
(ยังมีต่อ)
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ