ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์เจรจาชาวดอนเมืองนอกคันบิ๊กแบ็ค ได้ 3 ข้อสรุปเพื่อนำเสนอนายกฯ ที่ศปภ.เย็นนี้

ข่าวทั่วไป Monday November 14, 2011 17:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--กองประชาสัมพันธ์ กทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจแนวคันกระสอบทรายยักษ์ (Big Bag) ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก หน้าสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง เนื่องจากเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) มีประชาชนหลังคันกั้นน้ำรวมตัวกันรื้อทำลายแนวป้องกันน้ำดังกล่าวเป็นระยะทางยาวกว่า 6 เมตร ขณะที่ค่ำวันเดียวกัน ศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ได้ทำหนังสือให้กรุงเทพมหานครดำเนินการยับยั้งการรื้อแนวคันบิ๊กแบ๊คโดยรีบด่วนที่สุด ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนชาวดอนเมืองเกี่ยวกับบิ๊กแบ็ค ซึ่งไม่ได้เป็นการเข้ามาซ่อมแซมแนวคันที่ถูกรื้อถอนแต่อย่างใด พร้อมทั้งได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชน และชัดเจนว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจไม่ตรงกัน ทั้งนี้ กทม.ได้มอบหมายให้ นายสมภพ ระงับทุกข์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เจรจาหารือกับตัวแทนประชาชนเขตดอนเมืองเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งได้ข้อสรุป 3 ดังนี้ 1.ถ้าน้ำในกทม.ลดลง และการเปิดคันกั้นบิ๊กแบ็คไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ ประชาชนดอนเมืองขอให้เปิดอย่างนี้ต่อไป 2.หากการเปิดคันกั้นนั้นส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ ถึงพื้นที่เขตชั้นใน ประชาชนพร้อมจะปิดคันกั้น แต่ขอให้ทำในลักษณะฝายน้ำล้นเพื่อให้น้ำจากนอกคันได้ระบายลงมาบ้าง บรรเทาน้ำเน่าเสีย 3.หากยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าคันกั้นน้ำจะสร้างปัญหาต่อพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่ ขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างสำนักการระบายน้ำกทม.และประชาชนชาวดอนเมืองเพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป ซึ่งข้อหารือทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ตนเองจะนำเสนอนายกรัฐมนตรี และที่ประชุมศปภ. ในวันนี้เวลา 16.00 น. ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ประชาชนดอนเมืองไม่ปฏิเสธบิ๊กแบ็ค และพร้อมเสียสละเพื่อคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ แต่ที่ผ่านมาน้ำท่วมขังมากและไม่มีการระบาย ทำให้น้ำเน่าเสีย อีกทั้งหลังจากเปิดคันกั้นบิ๊กแบ็คแล้ว ทำให้ระดับน้ำพื้นที่หลังคันกั้นลดลงจาก 23 ซม. เหลือ 15 ซม. ดังนั้นจึงต้องการที่จะระบายความทุกข์ลงบ้าง อย่างไรก็ตามปัญหาทุกอย่างจำเป็นต้องพูดคุยกันให้เข้าใจกันบนพื้นฐานของเหตุและผล และไม่ควรทำสิ่งใดโดยพลการ ในส่วนของการเยียวยานั้น กทม.จะดำเนินการตามนโยบายของ ศปภ. อีกทั้งกทม.จะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมประชาชนที่ได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งบริการหน่วยแพทย์ การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ รวมถึงนำเจ้าหน้าที่ไปซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ และสาธารณูปโภค โดยก่อนหน้านี้ได้เริ่มนำร่องในพื้นที่เขตสายไหมไปแล้ว ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีปัญหาชาวบ้านย่านพระราม 2 เรียกร้องให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำภายใน 18.00 น. หากไม่ได้รับการสนองตอบตามคำเรียกร้องจะปิดถนนนั้น เห็นว่า ปัญหาสถานการณ์น้ำพระราม 2 แก้ด้วยเครื่องสูบน้ำไม่ได้ เพราะไม่สามารถสูบน้ำจากที่ต่ำขึ้นสู่ที่สูงได้ ซึ่งเรื่องนี้ควรจะพูดคุยเจรจามากกว่ากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้น วอนประชาชนอย่ารื้อคันกั้นน้ำหรือประท้วง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ