796 น้องใหม่ของครอบครัว Hypermotard

ข่าวยานยนต์ Thursday December 1, 2011 09:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ธ.ค.--ดูคาทิสติ 796 น้องใหม่ของครอบครัว Hypermotard หลังจากได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามกับรุ่นพี่อย่าง Hypermotard 1100 ตัวที่เปิดตัวโมเดลปี 2010 และคราวนี้ถึงเวลาของน้องใหม่อย่าง 796 เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้ทุกระดับที่ต้องการครอบครองโดย 796 มีจุดเด่นที่เครื่องยนต์ L-Twin และระบบวาล์ว Desmodromic ที่ได้รับการปรับปรุงการทำงานมาอย่างราบเรียบมากขึ้น ควบคุมรอบเครื่องได้ง่าย มีกำลังเครื่องที่สมดุลกับขนาดน้ำหนักที่เบาลง และที่สำคัญ 796 มีการปรับความสูงเบาะนั่งให้ต่ำลงจากรุ่นพี่ช่วยให้การใช้งานในเมืองมีความคล่องตัวขึ้นโดยเฉพาะคนที่มีส่วนสูงระหว่าง 164-170 cm จะขับขี่ได้อย่างมั่นใจขึ้นทั้งนักขี่มือใหม่และนักขี่ที่มีประสบการณ์สูง Ducati Hypermotard เปิดตัวครั้งแรกในงานมิลานอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ที่ประเทศอิตาลี่ ในปี 2005 ซึ่งทันทีที่เปิดตัวมันก็ได้รับรางวัล "Best of show" และการเป็นรถมอเตอร์ไซค์รุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมในชีวิตประจำวันมากที่สุดรุ่นหนึ่งในอิตาลี่เมื่อเทียบกับคลาสเดียวกัน และจนถึงปี 2010 นี้ 796 ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อขยายความต้องการของนักขี่ให้ครอบคลุมทุกระดับทั้งด้านประสิทธิภาพที่สมดุลกับการใช้งาน การออกแบบของ Hypermotard เน้นง่ายต่อการใช้งานในเมือง ปัจจบันด้วยเหตุผลของความคล่อยตัวจากปัญหาจราจร และไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการหารถใช้งานในเมือง มีอัตราเร่งดี ไม่เลือกถนนที่ต้องขับขี่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นทางราบหรือทางชัน ทางเรียบหรือทางผสมกึ่งออฟโรด ในขณะที่รุ่นพี่อย่าง Hypermotard 1100 เน้นการขับขี่จะแสดงความดุเด็ดเผ็ดมันได้มากกว่า ส่วน 796 จะเน้นที่ความสมดุลระหว่างน้ำหนักรถกำลังรถและผู้ขับขี่เป็นหลัก ดังนั้นเบาะนั่งต่ำกว่ารุ่นพี่โมเดล 1100 อยู่ 20 มม. น้ำหนักลดลงเหลือ 167 กก. น้อยกว่ารุ่น 1100 อยู่ถึงประมาณ 12 กก. และปรับมุมบังคับเลี้ยวให้เลี้ยวได้แคบลงเป็นด้านละ 35 องศาจากรุ่นพี่ที่ 32 องศา เพื่อเพิ่มความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ เครื่องยนต์ L-Twin พัฒนาต่อยอดจาก Monster 696 และ Superbike 848 เครื่องยนต์ของ 796 ได้พัฒนาต่อยอดจากเครื่องยนต์ Monster 696 และ Superbike 848 จนได้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ Desmodue Power Unit ด้วยการออกแบบตัวเรือนเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบากับเครื่องยนต์ของ 848 พร้อมกับปรับปรุงระบบฟลายวิลใหม่ด้วยแกนหมุนขนาด 66 มม. เพิ่มขึ้นจากต้นแบบใน 696 ที่ใช้ขนาด 57.2 มม. นอกจากนี้แล้วการปรับสัดส่วนของเรือนเครื่องยนต์ใหม่ทำให้น้ำหนักเครื่องยนต์ลดลงไป 1.2 กก. เมื่อเทียบกับเรือนเครื่องยนต์ 696 ทำให้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 2.0 กกต่อ 1 แรงม้า หัวฉีดอิเลกทรอนิกส์ ป้อนกำลัีงให้ม้า 81 ตัว ส่วนพลังความแรงของ 796 มาจากระบบ intake หรือระบบส่งไอดีแบบหัวฉีดอิเลกทรอนิกส์ได้รับการปรับปรงตั้งแต่ระบบกรองอากาศขนาดความจุปริมาตร 8 ลิตร ใช้ทางเดินไอดี 45 มมและอัตราส่วนกำลังอัด ที่ 11 ต่อ 1 ขณะที่ 696 ใช้อัตราส่วน 10.7 ต่อ 1 และการปรับปรุงไอดีและกำลังอัดรวมกับการลดน้ำหนักชิ้นส่วนภายในดังกล่าวทำให้ Hypermotard 796 ทำแรงม้าออกมาได้ 81 แรงม้า (59.6 kw) ที่รอบประมาณ 8,000 รอบ/นาที กับแรงบิด 7.7 กิโลกรัมต่อเมตร ชุดตัดต่อกำลังครัชต์เปียกระบบ APTC ที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบ Slipper ครัชท์ เมื่อเสริมความแรงของเครื่องแล้วการตัดต่อกำลังและถ่ายถอดกำลังก็สำคัญ 796 ใช้ระบบครัชท์แบบเปียก หลายแผ่นซ้อนกันแบบ APTC ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปมากกว่า ขณะที่โมเดลรุ่นพี่จะใช้ครัชท์แห้ง โดยครัชท์แบบ APTC จะทำให้ระบบครัชต์มีสถานะเป็น Slipper หรือตัวลดแรงกระทำต่อล้อหลังขณะทำการลดเกียร์อย่างรวดเร็ว (ที่จะทำให้เกิดอการล้อสับ ล้อล๊อกตาย และไม่สามารถจะคุมทิศทางของรถได้ จนกว่าความเร็วล้อหลังและความเร็วเครื่องยนต์จะปรับลงมาเท่ากัน) นอกจากเรื่องถ่ายทอดกำลังแล้ว การออกแบบครัชท์ของ 796 ยังมีการปรับปรุงการใช้งานของครัชต์ให้เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่มีการจารจรติดขัดโดยเฉพาะที่หยุดๆ วิ่งๆ โดยเฉพาะเน้นการควบคุมที่เบาแรง และข้อดีอีกประการของระบบครัชท์แบบนี้คือมีระยะซ่อมบำรุงน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ครัชท์แห้ง ตอบสนองการควบคุมผ่านหน้าปัด Digital เพื่อให้ได้ความรู้สึกของการควบคุมเช่นเดียวกับรถ Motard แท้ๆ Hypermotard 796 จึงใช้เรือนไมล์ดิจิตอล และแผงควบคุมการทำงานที่แฮนด์ สามารถปรับการแสดงผลได้หลากหลายเลือกดูได้ตั้งแต่ ระยะการเข้าบริการ, ความเร็ว, ทริปเดินทาง, แรงดันน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง, ไฟเตือนระหว่างการขับขี่ต่างๆ, ระดับแรงดันไฟจากแบ็ตเตอร์รี่, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, และยังสามารถเซ็ท Laptimer ได้กรณีที่ต้องการวิ่งแบบเซอร์กิต หรือสนามแข่งแบบปิด และที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้งานทั่วไป ระบบไฟหน้าส่องสว่างจะดับเองโดยอัตโนมัติหากไม่มีการติดเครื่องยนต์หรือสตาร์ทเครื่องไว้ แต่กุญแจยังปรับไว้ที่ On ตัดปัญหาเรื่องลืมปิดสวิชต์ทิ้งไว้จนไฟหมดได้อย่างดี ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ พร้อม Oil Cooler Hypermotard 796 ได้ติดตั้งระบบหล่อเย็นน้ำมันเครื่องเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ระบายความร้อนจากกำลังที่มากขึ้นระหว่างการใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองที่มักจะมีความร้อนสะสมมากกว่าการวิ่งระยะทางใกล กระจกส่องหลังพับได้ และไฟเลี้ยวแบบ LED ที่การ์ดแฮนด์ สืบทอดจาก Hypermotard 1100 เพื่อให้ทัศนวิสัยระหว่างการขับขี่เป็นไปโดยไม่ติดขัด กระจกส่องหลังซ้าย-ขวาจึงถูกตัวกระจกส่องหลังที่สามารถพับเก็บได้ ช่วยให้การมองรอบตัวรถเวลาขับขี่ไร้อุปสรรค ส่วนไฟล์เลี้ยวถูกติดตั้งอยู่บนการ์ดแฮนด์ทำให้ไม่มีส่วนใดยื่นออกไปนอกตัวรถยกเว้นแฮนด์เท่านั้น ระบบกันสะเทือนหน้า USD 43 มม Marzocchi / หลังช๊อคเดี่ยว Sachs กับสวิงอาร์มแบบซิงเกิ้ลไซด์ ระบบกันสะเทือนแบบเทเลสโกปิคหัวกลับ (USD) ขนาด 43 มม. มีระยะยุบตัวที่ 165 มม. ทำงานร่วมกับชุดแผงคอปิกนก และใช้จุดยึดกับแกนช๊อคอัพแบบ Double Clamp ช่วยลดแรงสะเทือนจากล้อหน้าได้อย่างดี ด้านหลังเป็นโมโนช๊อคของ Sachs ที่สามารถปรัีบอัตราพรีโหลด และอัตรายุบตัวได้ สวิงอาร์มแบบซิงเกิ้ลไซด์เช่นเดียวกับ Superbike 1198 ระยะยุบตัว 141 มม. ระบบ DDA บันทึกการใช้งานและปรับแต่ง Performance (Options) DDA หรือ Ducati Data Analyser ที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์ควบคุมมาตรฐานใน 796 สามารถติดตั้งหน่วยความจำพร้อมกับการ์ดที่สามารถบันทึกการใช้งานและการปรับเซ็ทให้คงอยู่ได้ แม้ว่าจะมีการถอดเปลี่ยนแบ็ตเตอร์รี่ก็ตาม ทำให้คุณไม่ต้องปรับตั้งค่าต่างๆใหม่ทุกครั้งที่มีเหตุให้ต้องถอดแบ็ตเตอร์รี่ออก ซึ่งอุปกรณ์เสริมของ DDA Connector นี้คุณสามารถสั่งซื้อเพิ่มเติมได้จากศูนย์บริการ (รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อที่ศูนย์บริการ - ตัวแทนจำหน่าย) ดิสก์เบรก Brembo หน้าหลังทำงานสัมพันธ์กับครัชต์ APTC ระบบดิสเบรก Brembo แบบทวินดีสก์ที่ล้อหน้าแบบ 4 ลูกสูบต่อข้างวางตัวปั๊มอยู่ขายึดแบบเรเดียลเมาท์ ส่วนมาสเตอร์ตัวบนปรับระยะกดได้ 4 ระดับสะดวกต่อการใช้งานหยุดได้ดังใจคิดกับขนาดจานเบรกหน้าเส้นผ่าศูนย์กลาง 305 มม. สมดุลกับน้ำหนักรถและมีความคล่องตัวสูง ส่วนระบบเบรกหลักแบบซิงเกิ้ลดิสก์ ขนาด 245 มม. โดยระบบเบรกของ Brembo ชุดนี้ได้ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับระบบครัชต์ APTC โดนเน้นความสะดวกสบายต่อการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ป้องกันการโจรกรรมด้วยกุญแจ Immobilizer เช่นเดียวกับ Supersport 848 และ Monster 696 Hypermotard 796 ได้ติดตั้งชุดกุญแจเข้ารหัส Immobillizer ตามมาตรฐาน EURO ซึ่งเป็นข้อกำหนดเรื่องการป้องกันภัยจากการโจรกรรม อันเป็นมาตรฐานฐานยุโรปอย่างครบถ้วนกุญแจแบบเข้ารหัสเฉพาะคัน ตัดปัญหาเรื่องการใช้กุญแจผีที่ใช้ในการโจรกรรมได้อย่างดี โปร่งสายตาระหว่างการขับขี่ด้วยการเก็บกระจกสองหลังไว้ที่ปลายแฮนด์และมุมกดกดสายตายด้านหน้าเปิดโล่ง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตา เครื่องยนต์ L-Twin 796 ซีซี. DESMO วาล์ว ขับราวลิ้นด้วยสายพาน ระบายความร้อนด้วยอากาศ เรื่อนเครื่องยนต์ขนาดกระทัดรัดเบาลงกว่าต้นแบบ 696 ถึง 1.2 กก ให้กำลัง 81 แรงม้า จานเบรกขนาด 305 กับระบบเบรก Brembo ที่ออกแบบมาให้ทำงานสัมพันธ์กับชุดครัชท์ APTC โดยเฉพาะ ไฟหน้าแบบเดียวกับรุ่นพี่ กรณีลืมปิดไฟหน้าโดยไมได้สตาร์ทเครื่อง ระบบจะตัดไฟเองโดยอัตโนมัตใน 30 วินาที ท่อไอเสียแบบ 2-1-2 ปลายท่อไอเสียผ่านมาตราฐาน EURO 3 ช๊อกอัพหลังที่ปรับสมดุลมาสำหรับการใช้งานในเมืองเน้นความทนทานและซ่อมบำรุงต่ำ แผงออยคูลเลอร์ใต้แผงคอช่วยระบายความร้อนสำหรับการใช้งานเมือง มุมหักเลี้ยวถูกเพิ่มขึ้นเป็นด้านล่ะ 35 คล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมือง ถังน้ำมันขนาด 12.5 ลิตร ฝาถังน้ำมันสไตล์ออฟโรดล๊อกแน่นหนาใช้งานง่าย ไฟเลี้ยวแบบ LED ที่การ์ดแฮนด์ และกระจกส่องหลังแบบพับได้ที่ปลายแฮนด์ เรือนไมล์ที่แสดงผลต่อทุกฟังก์ชั่นการควบคุมและคำเตือนเกี่ยวกับการทำงานต่างๆ แม้แต่คำเตือนเรื่องการเข้ารับการตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ
แท็ก ครอบครัว  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ