กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ออมสิน แจ้งความคืบหน้าโครงการสนับสนุนนิคมอุตสาหกรรมสร้างเขื่อนมีติดต่อแล้ว 5 นิคม ขณะนี้ยังไม่ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อ ย้ำไม่เคยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการนิคมนำโรงงานมาค้ำประกัน
นายบรรลือ พันธ์พงษ์เจริญ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินกลุ่มสินเชื่อธุรกิจ เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยที่ผ่านมานั้น
ขณะนี้มีนิคมฯเข้ามาติดต่อธนาคารออมสินตั้งแต่ วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2554 แล้ว จำนวน 5 นิคม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมบางกระดีนิคมอุตสาหกรรมนวนคร และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครโดยนิคมอุตสากรรมบางกะดี ได้แจ้งวงเงินที่จะขอกู้ในเบื้องต้นแล้วประมาณ700 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งข้อมูลทางการเงินให้กับธนาคารพิจารณาสินเชื่อได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ส่วนนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อยู่ระหว่างรออนุมัติแบบเขื่อนจากทางไจก้าส่วนด้านนิคมอุตสาหกรรมนวนคร บางกะดี และสหรัตนนครได้เข้ามาติดต่อธนาคารเพื่อขอทราบรายละเอียดเบื้องต้นแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ทุกนิคมดังกล่าวยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาสินเชื่ออีกทั้งยังไม่เคยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการนิคมนำโรงงานในนิคมมาค้ำประกันแต่อย่างใด
อนึ่ง เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ณ กระทรวงการคลังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดย นางมณฑา ประณุทนรพาล กับธนาคารออมสิน โดยนายเลอศักดิ์ จุลเทศในการดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรม/สวนอุตสาหกรรม
โดยมี นายวีรพงษ์ รามางกูรประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.)ร่วมเป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้ สาระสำคัญของข้อตกลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการจัดทำระบบและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้องกันอุทกภัย
ของนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม/เขตอุตสาหกรรม/สวนอุตสาหกรรมวงเงิน 15,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 7 ปีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี ตลอดอายุโครงการโดยรัฐบาลชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บกับผู้กู้ให้ธนาคารออมสินโดยให้ธนาคารออมสินพิจารณาวงเงินให้กู้ตามความเหมาะสมของแต่ละโครงการ