ฟิทช์: แนวโน้มประกันชีวิตไทยยังคงมีเสถียรภาพ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 16, 2011 16:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวในงานสัมมนาอุตสาหกรรมประกันปี 2554 ที่จัดโดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่าอุตสาหกรรมประกันชีวิตมีแนวโน้มมีเสถียรภาพ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของเบี้ยประกันและสถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทประกันชีวิต ในขณะที่ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยต่อบริษัทประกันชีวิตคาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น ในงานสัมมนาครั้งนี้ ฟิทช์ได้รับเกียรติจากคุณอำนาจ วงศ์พินิจวโรดม ผู้ช่วยเลขาธิการสายพัฒนาและวิเคราะห์ระบบการตรวจสอบ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้เกียรติมาเป็นผู้กล่าวเปิดการสัมมนา Mr Jeffrey Liew, Senior Director หัวหน้าส่วนอุตสาหกรรมประกันในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมประกันทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยในปี 2555 ของภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศญี่ปุ่น มีแนวโน้มมีเสถียรภาพ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรม ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างดี สภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่ง รวมถึงระดับเงินกองทุนที่เพียงพอต่อการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมประกันยังคงมีปัจจัยเสี่ยงในด้านต่างๆซึ่งรวมถึงความเสี่ยงจากการปรับค่าเบี้ยประกันภัยรถเพื่อการพาณิชย์ การเพิ่มขึ้นของความถี่ในการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น Mr Jeffrey Liew ยังได้ให้ความเห็นว่ามาตรการต่างๆที่ริเริ่มโดย China Insurance Regulatory Commission (CIRC) เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของผลกำไรจากรายได้เบี้ยประกันของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยของจีนในปี 2553 ในขณะที่ประเทศมาเลเซีย การบังคับใช้หลักเกณฑ์ในการกำกับความเสี่ยงด้านเงินกองทุน และการอนุญาตให้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติในบริษัทประกัน ได้ส่งผลให้เกิดการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกจากนี้ Mr Liew ยังมองว่าอุตสาหกรรมประกันในประเทศอินโดนีเซียจะมีการเติบโตอย่างมากในปี 2555 เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียยังมีอัตราการทำประกันที่ต่ำ ในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศน่าจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง คุณนฤมล ชาญชนะวิวัฒน์ Director สถาบันการเงินและประกันในประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทประกันชีวิตไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัดจากการเรียกร้องค่าชดเชยจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย ในขณะที่บริษัทประกันวินาศภัยได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่า โดยผลกระทบต่อบริษัทประกันชีวิตไทยส่วนใหญ่อยู่ในรูปของอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันในปี 2554 ที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากการหยุดชะงักของธุรกิจในไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งในสถานการณ์ปกติไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ธุรกิจประกันมีรายได้จากเบี้ยประกันค่อนข้างสูง ในระยะปานกลางถึงระยะยาวการขายประกันผ่านทางเครือข่ายธนาคาร นวัตกรรมของรูปแบบการประกัน และแรงจูงใจทางด้านภาษีจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณนฤมลยังได้ให้ความเห็นว่าความเสี่ยงของอุตสาหกรรมประกันชีวิตของไทยน่าจะมาจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยและความผันผวนของตลาดทุน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและผลตอบแทนของเงินลงทุนของบริษัทประกันชีวิตไทย อย่างไรก็ตามคาดว่าผลกระทบน่าจะอยู่ในระดับที่รองรับได้เนื่องจากบริษัทประกันชีวิตมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นค่อนข้างน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 10% หรือน้อยกว่าของสินทรัพย์ทั้งหมด งานสัมมนาอุตสาหกรรมประกันภัยในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 ท่านจากผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย รวมถึงสถาบันการเงิน และสื่อต่างๆ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ