กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--กระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2554 นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับ กระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยแผนความร่วมมือเป็นระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2554-2556 ทั้งนี้ไทยและจีน ได้ลงนามในแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมมาแล้ว 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 ระหว่างปี 2547-2549 ฉบับที่ 2 ระหว่างปี 2551-2553 จนถึงปัจจุบันแผนเป็นฉบับที่ 3 อย่างไรก็ตามแผนปฏิบัติการฯ ฉบับนี้ประเด็นความมือด้านวัฒนธรรมโดยรวมจะคล้ายคลึงกับแผนฉบับ 2 ที่ผ่านมา โดยครอบคลุมกิจกรรมการแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน ทั้งในรูปแบบดั้งเดิม และร่วมสมัย ทั้งที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ ทั้งในด้านการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี นิทรรศการทางศิลปะ หอสมุด จดหมายเหตุ สถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ โบราณคดี วรรณกรรม พุทธศาสนา รวมทั้งขยายความร่วมมือในด้านใหม่ๆเพิ่มเติม เช่น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ และการออกแบบและสร้างสรรค์ร่วมสมัย ฯลฯ ซึ่ง กระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาร่างแผนปฏิบัติการจนได้รับความเห็นชอบร่วมกันแล้ว
นางสุกุมล (รมว.วธ) กล่าวเพิ่มเติมว่า แต่ความแตกต่างของแผนปฏิบัติการฉบับที่ 3 นั้น ได้มีการเพิ่มความร่วมมือด้านวัฒนธรรมร่วมสมัย อาทิ ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณศิลป์ร่วมสมัย ศิลปะดนตรีและบทเพลงร่วมสมัย ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ร่วมสมัย มาบรรจุไว้ในแผนฉบับนี้ ส่วนกิจกรรมอื่นๆ เช่น การจัดงาน ไทย-จีน ครอบครัวเดียวกัน ในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน รวมทั้งการเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะมีการลงนามในแผนปฏิบัติการฯ ฉบับนี้ในช่วงที่นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22-24 ธันวาคม 2554 และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ อันจะส่งผลต่อการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและจีน ให้แน่นแฟ้นยิ่งๆขึ้นไป รวมทั้งยังเป็นการสร้างเสริมให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้งด้านวัฒนธรรม อันจะเป็นรากฐานสำคัญต่อการส่งเสริมและขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนต่อไปในอนาคตด้วย