กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิคช่วงเช้า
Gold — ราคาทองคำมี Technical Rebound ขึ้นมาจนทำให้เกิดสัญญาณซื้อหลังจากที่เราหยุดยาวในช่วงปีใหม่ โดยเปิดตลาดเมื่อวานราคาพุ่งทะลุระดับ 1,590 เหรียญขึ้นมาได้ โดยที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่า 35 เหรียญต่อออนซ์ในตลาด Comex ไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,607 เหรียญ ก่อนจะกลับมาปิดที่ระดับ 1,600 เหรียญ ซึ่งราคาเช้าวันนี้อยู่ที่ระดับ 1,600 เหรียญ ในขณะที่ภาพรวมของสัญญาณทางเทคนิคในระยะสั้นเริ่มเป็นบวกหลังจากที่ราคาวิ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,590 และ 1,600 เหรียญขึ้นมา ในระยะกลางและยาวภาพรวมทางเทคนิคยังเป็นขาลงจากการที่ราคาวิ่งอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยโดยทั่วไป ดังนั้นจึงจะมีความแตกต่างระหว่างระยะสั้นกับระยะกลางกับระยะยาว ภาพรวมของการขึ้นเป็นลักษณะของ Technical Rebound ซึ่งจะมี 50 % ที่ระดับ 1,624 เหรียญ เป็นภาพของ Fibonacci ณ ขณะนี้รีบาวด์มาแล้วกว่า 40 % เราคาดว่าราคาน่าจะทรงตัวในช่วง 1,580 — 1,610 เหรียญ โดยบริเวณ 1,620 เหรียญ ถือเป็นแนวต้านสำคัญของราคาทองคำ สำหรับเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นอย่างมากโดยปรับตัวแข็งค่าขึ้นกว่า 25 สตางค์ ในช่วงเมื่อวานนี้ จากระดับ 31.75 บาท/ดอลลาร์ ที่ปิดตลาดไปในช่วงวันที่ 30 ปีที่แล้ว เมื่อวานเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ระดับ 31.39 บาท/ดอลลาร์ โดยประมาณ และเช้านี้เงินบาททรงตัวอยู่บริเวณ 31.44 บาท/ดอลลาร์ จึงทำให้ภาพรวมของการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำไม่สูงมากนัก เมื่อวานราคาทองคำโดยสมาคมปรับตัวขึ้นโดยประมาณจากปีที่แล้ว 100 บาทต่อบาททองคำ เนื่องจากการกดลงของค่าเงินบาท ระมัดระวังการแกว่งตัวอย่างมากของทองคำ จะต้องปรับสมดุลของพอร์ตให้ดี นักลงทุนที่ใช้ margin เยอะ จะต้องบริหารพอร์ตให้ไวตามความผันผวนของราคา โดยที่ราคาในช่วงอาทิตย์นี้น่าจะผันผวนอย่างมาก ภาพรวมภาวะทางเศรษฐกิจของอเมริกาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานน้อยลง หรือว่า ISM Manufacturing PMI หรือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น จึงทำให้เงินดอลลาร์ยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่า แต่คิดว่าการที่สินค้า Community ดีดกลับขึ้นมาน่าจะเป็นจากประเด็นที่ราคาน้ำมันดีดกลับเกิดจากความตึงเครียดในอิหร่านมากกว่า จึงทำให้น้ำมันปรับตัวขึ้นกว่า 3 % ทะลุ 100 เหรียญขึ้นมา
สรุปได้ว่า ในระยะสั้นมากยังเป็นขาขึ้นอยู่ ในขณะที่ระยะกลางกับยาวยังเป็นขาลง มีแนวต้านที่สำคัญที่ 1,620 เหรียญ
หมายเหตุ — บทวิเคราะห์ที่สมบูรณ์แนะนำให้อ่านทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ GOLD ANALYSIS, GOLD RECAP และ GOLD MARKET
คำแนะนำในการลงทุน Gold
Daily - เก็งกำไรในภาวะการณ์แกว่งตัว คาดว่าราคาจะเคลื่อนในกรอบ 1,580 — 1,610 เหรียญ โดยในกราฟระยะสั้นรายชั่วโมงเริ่มมีลักษณะ Divergence ใน RSI บ้าง ซึ่งบ่งบอกว่าในระยะสั้นราคาทองคำอาจจะตกลงมา
Weekly - เป็นการรอความชัดเจนของทิศทางตลาด คงยังไม่ทำอะไรในช่วงนี้ Port หลักยังเป็นการถือสถานะ Short อยู่ แต่อย่าลืมตั้ง stop loss ที่บริเวณ 1,620 เหรียญ ถ้าทะลุขึ้นไปได้คงต้องปิดสถานะ
Monthly - ยังเป็นรอความชัดเจนของตลาดลักษณะ wait and see ขายทำกำไรไปบ้างถ้ามีการช้อนซื้อระหว่างทาง
MORNING RECAP
ราคาทองคำ(อ้างอิงในเวลาซื้อขายในประเทศ) เปิดตลาดช่วงเช้า ณ ระดับ 1,577 เหรียญ/ออนซ์ สมาคมค้าทองแท่งเปิด ณ ระดับ 23,500 บาท
ราคาทองคำแกว่งตัวอยู่ในช่วงระดับ 1,573 — 1,592 เหรียญ โดยเคลื่อนตัวสู่ระดับต่ำสุดในช่วงเช้า ณ ระดับ 1,573 เหรียญ ก่อนจะเคลื่อนตัวสู่ระดับสูงสุด ณ ระดับ 1,592 ในช่วงตลาดภาคบ่าย และปิดตลาดภาคบ่าย ณ ระดับ 1,589 เหรียญ
NIGHT RECAP
ราคาทองคำในเวลาซื้อขายในประเทศ เปิดตลาดช่วงค่ำ ณ ระดับ 1,592 เหรียญ
ราคาทองคำเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแคบอยู่ในช่วงระดับ 1,585-1600 เหรียญ โดยในช่วงภาคค่ำราคาทองคำเคลื่อนตัวสู่ระดับต่ำสุด ณ ระดับ 1,585 เหรียญ ก่อนเคลื่อนตัวสู่ระดับสูงสุด 1,600 เหรียญ และทำการปิดตลาดภาคค่ำ ณ ระดับ 1,595 เหรียญ
สรุป ราคาทองคำแกว่งตัวในทิศทางบวก โดยได้แรงหนุนจากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงนี้ ล่าสุดดัชนีภาคการผลิดของสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53.2 จาก 52.7 ส่วนของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 49.6 จาก 47.7 รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในอิหร่าน ที่นับวันจะเพิ่มความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ข่าวที่สำคัญ
นายคริสโตบอล มอนโตโร รมว.คลังคนใหม่ของสเปนกล่าวว่า รัฐบาลจะประกาศมาตรการต่อไปเพื่อลดยอดขาดดุลสาธารณะ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 3 ในวันพฤหัสบดี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้อนุมัติมาตรการต่างๆซึ่งได้รวมถึงการไม่ปรับเงินเดือนข้าราชการและการเพิ่มชั่วโมงการทำงาน 2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์สำหรับข้าราชการ รวมทั้งการลดค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปและการขึ้นภาษี่รายได้ นายลูอิส เดอ กวินดอส รมว.เศรษฐกิจกล่าวว่า ยอดขาดดุลสำหรับปี 2554 อาจจะสูงกว่า 8% เล็กน้อย แทนที่จะเป็น 6% อย่างที่รัฐบาลได้คาดไว้ ซึ่งทำให้จำเป็นต้องมี"มาตรการที่เข้มงวด"ต่อไป
สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2555 ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน ดีดตัวขึ้น 1.3 จุด มาอยู่ที่ระดับ 50.3 จากระดับ 49 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในอัตราคงที่มากขึ้น
ผลการสำรวจยอดขายของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐทั้งในช่วงก่อนและหลังเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งจัดทำโดยสภาการค้าปลีกแห่งรัฐนิวยอร์ก พบว่า 80% ของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐรายงานว่า ยอดขายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาสปี 2554 ปรับตัวขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 ส่วนในช่วง 2 วันหลังเทศกาลคริสต์มาสนั้น 65% ของบริษัทค้าปลีกระบุว่า ยอดขายปรับตัวขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยยอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของผู้บริโภคทั่วสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ธ.ค. มีอยู่ทั้งสิ้น 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี