กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--เกรลิ่ง ไทยแลนด์
เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส บริษัทในเครือเฟดเอ็กซ์ คอร์ป และบริษัทผู้ให้บริการขนส่งด่วนรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้เปิดตัวบริการใหม่ซึ่งมุ่งให้ความสะดวกแก่ลูกค้าชาวไทยด้วยการให้ความยืดหยุ่นเรื่องเวลาส่งมอบของและการจัดส่งพัสดุที่ดีขึ้นกว่าเดิม
บริการดังกล่าวประกอบด้วยบริการเสริมที่หลากหลาย รวมถึงการยืดเวลารับพัสดุสำหรับพัสดุที่จะถูกส่งไปไปยังสหภาพยุโรป และเพิ่มความยืดหยุ่นมากกว่าเดิมสำหรับลูกค้าที่อยู่ ณ จุดที่พนักงานจะมารับของ
“เรารับฟังลูกค้าของเรา และพบว่าลูกค้าหลายรายประสบกับความยากลำบากจากข้อเรียกร้องต่างๆเกี่ยวกับเอกสารสำหรับการขนส่งด่วนข้ามประเทศที่มีความเข้มงวดขึ้นและแตกต่างไปจากแต่ก่อน” เดวิด คาร์เด็น กรรมการผู้จัดการบริษัทเฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทยและอินโดจีนกล่าว
“ขณะที่ลูกค้าพึงพอใจกับความเที่ยงตรงและความฉับไวของทีมรับพัสดุของเรา ในบางครั้งลูกค้าของเราก็ต้องการเวลามากขึ้นในการที่จะจัดการกรอกเอกสารหรือจัดเตรียมพัสดุที่ต้องการส่งในยามที่พนักงานรับพัสดุของเรามาถึง ดังนั้นเราจึงได้มอบความอิสระและความยืดหยุ่นแก่พนักงานของเราให้มากขึ้นโดยยืดเวลาในการให้พวกเขากลับมารับพัสดุออกไปอีก แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังคงรับประกันว่าพัสดุจะทันกำหนดในการขนส่งด่วนแน่นอน”
คาร์เด็นกล่าวว่า การลองระบบใหม่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ได้รับเสียงตอบรับในแง่บวกอย่างล้นหลามจากลูกค้า
“หัวใจหลักของบริการนี้ได้ฝึกพนักงานของเราให้รู้จักประเมินสถานการณ์ของลูกค้า ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ให้สิทธิ์แก่พนักงานในการคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าก่อนเป็นอันดับหนึ่ง และค่อยหาทางยืดหยุ่นเรื่องเวลาในการที่จะส่งของให้ทันกำหนด”
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งของแนวคิดเรื่องบริการเสริมคือการขยายเวลารับของสำหรับพัสดุที่ส่งไปยังปลายทางในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ซึ่งใต้เริ่มใช้มาตั้งแต่กันยายนที่ผ่านมา เส้นตายของการรับพัสดุสำหรับขนส่งด่วนไปยังหลายเมืองในยุโรปจะถูกปรับจากห้าโมงเย็นเป็นหนึ่งทุ่ม ซึ่งบริการเสริมดังกล่าวได้นำมาใช้ในหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลอีกด้วย
“สหภาพยุโรปเป็นตลาดสำคัญสำหรับผู้ส่งออกไทยและคู่ค้า เพื่อเป็นการสนับสนุนความเติบโตในอนาคตของตลาดที่สำคัญแห่งนี้ เราได้ตอบรับความต้องการของลูกค้าในการให้ความยืดหยุ่นและการยืดเวลาส่งมอบของที่มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงตารางเวลาการจัดส่งพัสดุถึงที่หมายไว้ตามเดิม” คาร์เด็นกล่าว