โตโยต้า คาดตลาดรถยนต์ในประเทศ ปี 2555 ขายมากกว่า 1 ล้านคัน มั่นใจ ลงทุนเพิ่ม เปิดโรงงานอีก 2 แห่งในไทย

ข่าวยานยนต์ Wednesday January 18, 2012 16:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--โตโยต้า มอเตอร์ มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ประจำปี 2554 มีปริมาณการขาย 794,081 คัน ลดลง 0.8% คาดตลาดรถยนต์ไทยปี 2555 ขาย 1,100,000 คัน เพิ่มขึ้น 38.5% พร้อมตั้งเป้าหมายการขายรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น 450,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 40.9% มร.ทานาดะ กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีแห่งการฟันฝ่าอุปสรรคจากภัยธรรมชาติ นับตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น และเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามด้วยความต้องการของตลาดที่มีอย่างสูงและต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายรถยนต์รวม ในประเทศปี 2554 ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขายที่ประมาณ 794,081 คัน ลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สถิติการขายรถยนต์ ในปี 2554 ยอดขายปี 2554 เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับปี 2553 ปริมาณการขายรวม 794,081 คัน* -0.8% รถยนต์นั่ง 360,444 คัน +4.0% รถเพื่อการพาณิชย์ 433,637 คัน -4.4% รถกระบะ1 ตัน(รวมรถกระบะดัดแปลง) 365,636 คัน -5.7% รถกระบะ1 ตัน(ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 327,463 คัน -5.7% หมายเหตุ *ไม่รวมยอดจำหน่ายของ Mercedes-Benz, BMW, MINI, VOLVO ในเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2554 โดยโตโยต้ามียอดขาย 290,061 คัน ลดลง 11.0% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 138,104 คัน ลดลง 2.6% รถเพื่อการพาณิชย์ 151,957 คัน ลดลง 17.5% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 134,970 คัน ลดลง 18.1% สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2554 ปริมาณการขายโตโยต้า 290,061 คัน ลดลง 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 36.5% รถยนต์นั่ง 138,104 คัน ลดลง 2.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.3% รถเพื่อการพาณิชย์ 151,957 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.0% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 134,970 คัน ลดลง 18.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.9% รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 121,887 คัน ลดลง 15.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.2% ด้านการส่งออกในปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 250,823 คัน ลดลง 25% คิดเป็นมูลค่า 107,483 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 54,233 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 161,716 ล้านบาท สำหรับยอดขายในประเทศและการส่งออกที่ลดลงนั้น เป็นผลมาจากการขาดแคลนชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์” สำหรับแนวโน้มของตลาดรถยนต์ของปี 2555 มร.ทานาดะ กล่าวว่า “สำหรับในปี 2555 ตลาดรถยนต์ในเมืองไทยยังคงมีความต้องการอยู่อย่างมาก และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ด้วยการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ตลอดจนนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้เราคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์ในเมืองไทย จะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.1 ล้าน คัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยจะมียอดขายรถยนต์เกิน 1 ล้านคันต่อปี ประมาณการยอดขายรถยนต์ ในปี 2555 ปริมาณการขายรวม 1,100,000 คัน เพิ่มขึ้น 38.5% รถยนต์นั่ง 570,000 คัน เพิ่มขึ้น 58.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 530,000 คัน เพิ่มขึ้น 22.2% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 469,600 คัน เพิ่มขึ้น 28.4% รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 422,600 คัน เพิ่มขึ้น 29.1% สำหรับโตโยต้า ในปีนี้ เราตั้งเป้าหมายการขายที่ 450,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 214,000 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 236,000 คัน โดยรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 214,100 คัน ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2555 ปริมาณการขายรวม 450,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.1% ส่วนแบ่งตลาด 40.9% รถยนต์นั่ง 214,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.5% รถเพื่อการพาณิชย์ 236,000 คัน เพิ่มขึ้น 55.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.5% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 214,100 คัน เพิ่มขึ้น 58.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.6% รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 185,100 คัน เพิ่มขึ้น 51.9% ส่วนแบ่งตลาด 43.8% สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้อยู่ที่ 375,000 คัน เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 157,000 ล้านบาท และชิ้นส่วนมูลค่า 64,700 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นประมาณ 221,700 ล้านบาท” มร.ทานาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ในปีที่ผ่านมา คุณอากิโอะ โตโยดะ ท่านประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาประเทศไทยและได้กล่าวไว้ว่า เราจะไม่ทิ้งประเทศไทย เราจะอยู่เคียงคู่กับชุมชน พร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขและฟันผ่าไปด้วยกัน ทั้งยังมุ่งขยายกิจการของโตโยต้าในประเทศไทยต่อไป ด้วยความเชื่อมั่นในด้านความพร้อมและฝีมือของคนไทย ดังนั้นผมขอยืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าว โดยขอแจ้งให้ท่านทราบว่าโตโยต้าจะก่อตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเกตุเวย์ ในชื่อ “โรงงานผลิตรถยนต์เกตุเวย์ 2” พร้อมกับการเริ่มเปิดสายการผลิตอีกครั้งของโรงงาน TAW ที่เคยผลิตรถฟอร์จูนเนอร์ โดยทั้งสองโรงงานมีกำลังการผลิตรวมกันอยู่ที่ 88,000 คัน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 8,200 ล้านบาท นอกจากนี้โรงงาน STM โรงงานผลิตเครื่องยนต์ของโตโยต้าได้ทำการขยายกำลังการผลิตเช่นกัน ทั้งหมดนี้เพื่อตอบ สนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น” “นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมปีนี้ โตโยต้าจะครบรอบ 50 ปีสำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยด้วยความห่วงใยและอยู่เคียงข้างกันมาโดยตลอด เราขอแสดงความขอบคุณคนไทย และประเทศไทยที่สนับสนุน โตโยต้าเป็นอย่างดีผ่านโครงการต่างๆ ทั้งในด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการนำนวัตกรรมใหม่ๆสู่สังคมไทย เช่น โครงการ Smiling Road, Road Safety Road Show, Eco network, ระบบ G-book นวัตกรรมอันทันสมัยระดับโลกที่ใช้เทคโนโลยี เทเลเมทิกส์ในการสื่อสารและรับส่งข้อมูลต่างๆ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต การค้นหาสถานที่ต่างๆ หรือสภาพการจราจร โดยสามารถควบคุมได้อย่างสะดวกสบายผ่านสมาร์ทโฟน และ Eco โชว์รูม ที่นำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้กับโชว์รูมโตโยต้า เพื่อลดการใช้พลังงาน ดังปณิธานในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของโตโยต้า “ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป” มร.ทานาดะ กล่าวในที่สุด (วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนธันวาคม 2554 1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 54,575 คัน ลดลง 41.4% อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,796 คัน ลดลง 60.2% ส่วนแบ่งตลาด 27.1% อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,241 คัน ลดลง 52.7% ส่วนแบ่งตลาด 15.1% อันดับที่ 3 นิสสัน 7,419 คัน เพิ่มขึ้น 21.2% ส่วนแบ่งตลาด 13.6% 2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 25,826 คัน ลดลง 33.8% อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,939 คัน ลดลง 56.2% ส่วนแบ่งตลาด 26.9% อันดับที่ 2 นิสสัน 6,244 คัน เพิ่มขึ้น 105.0% ส่วนแบ่งตลาด 24.2% อันดับที่ 3 มาสด้า 4,755 คัน เพิ่มขึ้น 58.9% ส่วนแบ่งตลาด 18.4% 3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 21,083 คัน ลดลง 54.5% อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,507 คัน ลดลง 53.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.6% อันดับที่ 2 โตโยต้า 6,135 คัน ลดลง 68.1% ส่วนแบ่งตลาด 29.1% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,854คัน เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนแบ่งตลาด 23.0% *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 2,260 คัน โตโยต้า 1,092 คัน - มิตซูบิชิ 1,022 คัน - อีซูซุ 83 คัน - ฟอร์ด 63 คัน 4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 6,924 คัน ลดลง 80.2% อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,424 คัน ลดลง 50.1% ส่วนแบ่งตลาด 39.4% อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,043 คัน ลดลง 70.3% ส่วนแบ่งตลาด 26.8% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,832คัน เพิ่มขึ้น 15.7% ส่วนแบ่งตลาด 20.4% 5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,749 คัน ลดลง 46.9% อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,241 คัน ลดลง 52.7% ส่วนแบ่งตลาด 28.7% อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,857 คัน ลดลง 63.1% ส่วนแบ่งตลาด 27.3% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,854 คัน เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนแบ่งตลาด 16.9% สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม — ธันวาคม 2554 1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 794,081 คัน ลดลง 0.8% อันดับที่ 1 โตโยต้า 290,061 คัน ลดลง 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 36.5% อันดับที่ 2 อีซูซุ 132,194 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 16.6% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 83,952 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 10.6% 2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 360,444 คัน เพิ่มขึ้น 4.0% อันดับที่ 1 โตโยต้า 138,104 คัน ลดลง 2.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.3% อันดับที่ 2 ฮอนด้า 77,933 คัน ลดลง 25.4% ส่วนแบ่งตลาด 21.6% อันดับที่ 3 นิสสัน 47,830 คัน เพิ่มขึ้น 59.1% ส่วนแบ่งตลาด 13.3% 3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 365,636 คัน ลดลง 5.7% อันดับที่ 1 โตโยต้า 134,970 คัน ลดลง 18.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.9% อันดับที่ 2 อีซูซุ 120,392 คัน ลดลง 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 32.9% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 58,160 คัน เพิ่มขึ้น 86.3% ส่วนแบ่งตลาด 15.9% *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 38,173 คัน มิตซูบิชิ 17,547 คัน — โตโยต้า 13,083 คัน - อีซูซุ 6,553 คัน - ฟอร์ด 990 คัน 4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 327,463 คัน ลดลง 5.7% อันดับที่ 1 โตโยต้า 121,887 คัน ลดลง 15.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.2% อันดับที่ 2 อีซูซุ 113,839 คัน ลดลง 14.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.8% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 40,613 คัน เพิ่มขึ้น 99.6% ส่วนแบ่งตลาด 12.4% 5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 433,637 คัน ลดลง 4.4% อันดับที่ 1 โตโยต้า 151,957 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.0% อันดับที่ 2 อีซูซุ 132,194 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 30.5% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 58,161 คัน เพิ่มขึ้น 86.3% ส่วนแบ่งตลาด 13.4%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ