กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศกำไรสุทธิปี 2554 ในระดับสูงที่ 36,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% เทียบกับปี 2553 ทั้งนี้ กำไรสุทธิที่สูงนี้มาจาก กำไรพิเศษครั้งเดียวของเงินลงทุนจากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์ ประกันชีวิตจำนวน 5.1 พันล้านบาท รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ด้านประกัน และรายได้จากการปริวรรต และจาก รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งสูงขึ้นมากจากการเติบโตของสินเชื่อที่ขยายตัวถึง 22.1% ผลกำไรที่เกิดขึ้นแสดงถึงการเติบโตที่แข็งแรงและต่อเนื่องของธนาคารแม้ในไตรมาส 4/2554 ได้เกิดวิกฤติอุทกภัยส่งผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ เป็นวงกว้าง และธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน ชุมชน และพนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการหยุดชะงักของบริการที่สำนักงานใหญ่หรือที่สาขาที่ประสบภัยน้ำท่วม นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อรองรับหนี้ด้อยคุณภาพในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 อันเป็นการแสดงถึงการดำเนินธุรกิจที่มีความระมัดระวัง
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวถึงผลประกอบการปี 2554 ว่า “ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นตอกย้ำถึงยุทธศาสตร์ ในการทำธุรกิจของธนาคารที่สามารถปรับตัวได้เร็วต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ ดังเช่นในไตรมาส 4/2554 ที่เกิดการหยุดชะงักทางธุรกิจจากวิกฤติอุทกภัย ธนาคารเองก็หันมามุ่งให้ความช่วยเหลือลูกค้า พนักงาน และชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตามในเชิงธุรกิจธนาคารยังสามารถแสดงผลประกอบการที่สูงกว่าความคาดหมายของตลาดได้ เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้มาจากความผูกพันที่ธนาคารเพียรสร้างมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาต่อลูกค้า พนักงาน และสังคม ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานในการทำธุรกิจ ที่แข็งแกร่งสำหรับธนาคาร ตลอดจนพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น”
รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 37.9% มาอยู่ที่ 41 พันล้านบาท ในปี 2554 เป็นผลจากกำไรพิเศษครั้งเดียวจำนวน 5.1 พันล้านบาทของเงินลงทุนจากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตในไตรมาส 1/2554 การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในรายได้จากธุรกิจประกันแม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากบริษัทประกันภัยในเครือในเรื่องการจ่ายชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วม และการเติบโตของ รายได้ด้านปริวรรตทั้งจากลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อย
รายได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 27.1% มาอยู่ที่ระดับ 51 พันล้านบาทในปี 2554 ซึ่งปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยมาจากการขยายตัวของสินเชื่อในระดับสูง 22.1% และจากสภาวะอัตราดอกเบี้ยช่วงขาขึ้นในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยยังขยายตัวดีแม้ว่าธนาคารจะมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการแข่งขันระดมเงินฝาก การออกตั๋วเงินฝากและกู้ยืมเงินจากตลาดต่างประเทศ
ไตรมาส 4/2554 เป็นอีกไตรมาสที่ธนาคารมีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ (6.7 พันล้านบาท) แม้ว่าธนาคารได้รับผลกระทบที่รุนแรงและไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า การช่วยเหลือพนักงาน และการช่วยเหลือสังคม รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่และสาขาต่างๆ ของธนาคารอันเป็นผลมาจากวิกฤติน้ำท่วมที่เกิดขึ้น
ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ในไตรมาสที่ 4/2554 ธนาคารจึงมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน 2.25 พันล้านบาท เพิ่มเติมจากที่ตั้งสำรองจำนวน 1 พันล้านบาทในไตรมาส 3/2554 ทั้งนี้ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งปี 2554 อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากปี 2553 และสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงต่อเนื่องจาก 3.25% ณ สิ้นปี 2553 มาอยู่ที่ 2.61% ณ สิ้นปี 2554
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ผลประกอบการที่สูงเป็นประวัติการณ์ของธนาคารในปี 2554
ตอกย้ำถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่ดีอย่างต่อเนื่องมาทุกๆ ไตรมาส ตลอดจนการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าความคาดหมายต่อผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตามผลประกอบการที่ดีเป็นเพียงด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่างมาก คือ การอยู่อย่างเป็นสุขของลูกค้า พนักงาน และสังคม ดังนั้น จากวิกฤติอุทกภัยที่เกิดขึ้นธนาคารจึงได้ออกให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ อย่างรวดเร็วและเต็มความสามารถเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เรื่องดังกล่าวธนาคารถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการที่จะต้องทำผลประกอบการให้ดี และถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้ธนาคารดำเนินธุรกิจเจริญก้าวหน้าและยั่งยืนไปในอนาคต”