เครือข่ายลดอุบัติเหตุ ผนึกกำลังอาสาสมัคร ๑ ล้านชีวิตรณรงค์ "ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท"

ข่าวทั่วไป Thursday March 25, 2004 11:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--AD2Y Communication Services
เครือข่ายลดอุบัติเหตุผนึกกำลังอาสมัคร ๑ ล้านคนรณรงค์ "ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท" ลดอุบัติเหตุสงกรานต์ ชมรมคนพิการเมืองคอน ออกเตือนขาโจ๋ ชี้ให้เห็นตัวอย่างจะจะ แอลกอฮอล์ทำชีวิตล่มสลาย
ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ประธานชมรมคนพิการ จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกแด่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อขอบคุณที่ทางรัฐบาลให้การช่วยเหลือ และประกาศเจตนารมณ์ในการร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุ นายกิตติ สืบสันติพงษ์ ผู้ประสานงานชมรมผู้คนพิการ จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่จะเป็นตัวอย่าง อย่างดีที่จะบอกกับสังคมว่าผลจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถนั้นก่อให้เกิดผลเสียหายกับชีวิตมากเพียงใด
"ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดมาก่อนเช่นกันว่า พิษแอลกอฮอล์จะทำให้ผมต้องเป็นคนพิการอย่างเช่นทุกวันนี้ ๘ ปีก่อน ผมกับเพื่อนดื่มสุราระหว่างขับรถ จนเกิดอุบัติเหตุ ผมเจ็บหนักที่สุด เพราะกระดูกสันหลังหัก เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็ญจนทุกวันนี้ กลายเป็นคนที่ขาดโอกาสหลายๆ อย่างในสังคม ผมไม่อยากให้สิ่งเลวร้ายที่เคยเกิดกับผม เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ อีก"
นายกิตติ กล่าวว่า ขณะนี้ชมรมคนพิการ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีสมาชิกที่จดทะเบียนแล้วประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน และยังไม่ได้จดทะเบียนอีกประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน ได้รวมตัวกันค่อนข้างเหนียวแน่น ออกรณรงค์เรื่องการตั้งสติ ก่อนสตาร์ท กับประชาชนในจังหวัด โดยเน้นที่กลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ที่กำลังอยู่ในวัยคึกคะนอง สมาชิก และคนที่ทำงานในชมรมส่วนใหญ่ ได้รับผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งขับขี่รถด้วยความประมาท และคึกคะนองทั้งสิ้น เราจะเข้าไปเล่าประสบการณ์ให้เด็กๆ ฟังว่า ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สภาพร่างกายของคนเล่าแต่ละคน ทำให้เด็กพวกนั้นตระหนักและหวาดกลัวกันพอสมควรว่า เมื่อดื่มแอลกอฮอล์พวกเขาจะไม่ขับรถ ถือว่า ได้ผลดีระดับหนึ่ง แต่เราก็จะออกรณรงค์กันต่อไป เพราะไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนพวกเราอีก แม้แต่คนเดียว"นายกิตติ กล่าว
ทางด้าน ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในฐานะประธานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กล่าวว่า เวลานี้เครือข่ายลดอุบัติเหตุ และผู้แทนขององค์กรต่างๆ กว่า ๒๐๐ คน ร่วมกันการรณรงค์ให้ลดการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างหนัก แต่คนทั่วไปมักจะคิดว่าอุบัติเหตุทางถนนเป็นเรื่องของโชคชะตา หรือเวรกรรมจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก ทั้งๆ ที่อุบัติเหตุบนถนนเป็นสิ่งเราป้องกันได้ทั้งสิ้น แม้เครื่องดื่มประเภทนี้มีงบประมาณปีละหลายพันล้านบาท ที่จะชักจูงและทำให้ผู้คนรู้สึกไปเองว่า การได้สัมผัส ใกล้ชิด และบริโภคสินค้าเหล่านั้น เป็นเรื่องดีและโก้ อีกทั้งโฆษณาเสริมประเภท จ้างเด็กเชียร์เหล้า เชียร์เบียร์ที่อยู่ตามร้านอาหาร ที่จะคอยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นทุกที หรือการโฆษณาถึงความแรงของเครื่องยนต์ของรถที่ออกใหม่หลายยี่ห้อ ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ เหล่านี้ล้วนเป็นชนวนให้อุบัติเหตุบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล ทั้งปีใหม่และสงกรานต์
"ในขณะที่ประเทศไทยเราได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ แต่ขณะเดียวกันเราก็มีสถิติการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในอันดับที่ ๕ ของโลก และเราก็มีตัวเลขสถิติต่างๆ ที่เป็นปรากฏการณ์เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุการจราจร อันเป็นผลจากการบริโภคแอลกอฮอล์ที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก คือ ในจำนวนคนไทย ๑๐๐,๐๐๐ คน นั้น จะมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรถึง ๒๐ คน ต่อปี ปีที่ผ่านมามีคนเสียชีวิตไปถึง ๑๕,๐๐๐ คน บาดเจ็บทั้งหนักและเบาอีกประมาณ ๑ ล้านคน เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมากๆ แต่ดูเหมือนว่า คนไทยจะเคยชินกับตัวเลขพวกนี้เสียแล้ว กว่า ๔๐% ของคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดยังบอกกับคนอื่นๆ ว่า ตัวเองสามารถขับรถได้ในขณะดื่มเบียร์ หรือดื่มสุรา"นพ.อุดมศิลป์ กล่าว
นพ.อุดมศิลป์ กล่าวต่อไปว่า "สำหรับการณรงค์เรื่องการงดดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับรถที่ผ่านมา ทั้งของรัฐและของเอกชนต้องยอมรับว่าการณรงค์เรื่องดังกล่าวต้องใช้เวลาอีกระยะ และต้องทำติดต่อกันนับจากนี้อีก ๓-๕ ปีถึงจะเห็นผลชัดเจน ที่สำคัญคือ การรณรงค์เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมให้มากๆ
ปีนี้ทางเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ร่วมกับองค์กรประชาชนและภาคเอกชนอีก ๑๕๐ องค์กร มีอาสาสมัคร ๑ ล้านคนทั่วประเทศ ที่ประกอบด้วย นักเรียน ทหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม จะร่วมกันรณรงค์ รวมพลังลดอุบัติเหตุภายใต้แนวคิดที่ว่าตั้งสติก่อนสตาร์ท ทั้งหมดจะออกไปสร้างความเข้าใจกับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คือระหว่างวันที่ ๙-๑๖ เมษายน โดยอาสาสมัคร ๒๕,๐๐๐ คน จะกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ใน ๒๑ จังหวัด ที่พบว่า
เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จะคอยให้คำแนะนำ บอกกล่าวตักเตือน และให้สติคนขับรถที่ผ่านจุดดังกล่าวให้ขับด้วยความระมัดระวังอีก ๒๕,๐๐๐ คน ซึ่งเป็นนักเรียนนั้นจะแต่งตัวเป็นเด็กโบราณประจำอยู่ตาม ปั๊มน้ำมันต่างๆ คอยถือขันน้ำรดน้ำอวยพร คนที่มาจอดรถพักเครื่องยนต์ หรือเติมน้ำมัน และจะแจกสติ๊กเกอร์ "ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท" ให้รถทุกคันที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการเตือนสติ ผู้ขับขี่รถด้วย"
นพ.อุดมศิลป์ กล่าวเสริมว่า อาสาสมัคร อีก ๕๐๐,๐๐๐ คนจะออกไปให้ความรู้แก่คนงานในโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องการขับขี่รถอย่างปลอดภัย ให้มีชีวิตรอดกลับมาทำงานหลังสงกรานต์อีกครั้ง โดยมีแผ่นพับ การฉายวีซีดี ให้คนงานทุกคนตระหนัก ถึงพิษภัยการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างขับขี่รถยนต์ โดยอาสาสมัครทุกคนล้วนผ่านการฝึกอบรมวิธีการพูด การเจรจา และโน้มน้าวจิตใจให้คนที่รับฟังนำข้อมูลที่ได้รับมาไปปฏิบัติให้ได้มากที่สุด"ปีนี้นอกจากเราจะรณรงค์เพื่อต้องการลดอุบัติเหตุอย่างจริงจังแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเข้มงวดเพิ่มมากขึ้นด้วย ปีที่ผ่านมายังอะลุ่มอล่วยว่า ใครที่มีท่าทีมึนเมาก็จะแจกผ้าเย็นให้นอนพักข้างทาง เมื่อสร่างเมาแล้วขับรถต่อไปได้ แต่ปีนี้ใครมีอาการดังกล่าว จะถูกจับเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทันทีใครมีแอลกอฮอล์เกินมาตรฐานที่กำหนดเอาไว้จะถูกจับดำเนินคดีทันที สำหรับโครงการรณรงค์"ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท"ครั้งนี้ นอกจากจะได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนแล้ว ยังเป็นที่น่ายินดีที่มีเหล่าดาราศิลปินของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง ๗ ได้เข้ามามีส่วนร่วมรณรงค์ ให้คำแนะนำและเป็นแบบอย่างกับประชาชน กับเครือข่ายฯ อีกด้วย" นพ.อุดมศิลป์ กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ศูนย์ประสานงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ
โทร.๐๒ ๗๓๓ ๖๐๐๘-๙--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ