กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--ก.ล.ต.
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างประเทศสามารถเผยแพร่ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่จัดทำโดยความสมัครใจในประเทศไทยได้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างประเทศทำการจัดอันดับตราสารหรือกิจการของหลาย ๆ ประเทศรวมถึงของไทยเพื่อเปรียบเทียบกันและเผยแพร่ได้โดยสะดวกซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนไทยมีข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนรอบด้านยิ่งขึ้น รองรับการเชื่อมโยงตลาดทุนอาเซียน
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างประเทศสามารถเข้ามามีบทบาทในตลาดทุนไทยได้ใน 2 ด้าน ได้แก่ บทบาทในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตามกฎเกณฑ์ของทางการ (mandatory rating) และบทบาทในการจัดอันดับเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน (voluntary rating) ซึ่งการอนุญาตและการกำกับดูแลมีระดับการกำกับดูแลที่แตกต่างกัน กล่าวคือ สำหรับ บทบาทในด้าน mandatory rating เช่น การจัดอันดับเพื่อเสนอขายตราสารหนี้ต่อประชาชนหรือเพื่อให้กองทุนสามารถลงทุนในตราสารนั้น
ได้มีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทที่ปรึกษาการลงทุน แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และหากเป็นสถาบันต่างประเทศจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและทำได้เฉพาะตราสารบางประเภท
ในส่วนที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบในครั้งนี้ คือ การทำบทบาทในด้าน voluntary rating เนื่องจากปัจจุบันทางการมีนโยบายสนับสนุนให้มีการลงทุนในต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง ประกอบกับการเสนอขายตราสารหนี้ข้ามพรมแดนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการเชื่อมโยงตลาดทุนในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้น ข้อมูลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ regional scale จึงเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ทั้งผู้ลงทุนไทยและผู้ลงทุนต่างชาติสามารถนำมาใช้เพื่อเปรียบเทียบตราสารของบริษัทไทยกับตราสารของบริษัทต่างประเทศได้อย่างชัดเจน จึงเห็นควรสนับสนุนการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในลักษณะดังกล่าวและให้ผู้ลงทุนไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ด้วย คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงเห็นชอบให้สถาบันที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยสมัครใจได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทที่ปรึกษาการลงทุน โดยสถาบันดังกล่าวต้องประกอบธุรกิจการจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้โดยชอบตามกฎหมายของประเทศที่สถาบันนั้นจัดตั้งขึ้น และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับดูแลที่เป็นสมาชิกขององค์กร ก.ล.ต. นานาชาติ (International Organization of Securities Commissions: IOSCO)และต้องไม่มีสถานประกอบธุรกิจในประเทศไทย เว้นแต่เป็นการถือหุ้นในสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับความเห็นชอบ โดยต้องเป็นการจัดอันดับตราสารหรือกิจการเพื่อการเปรียบเทียบข้ามประเทศในระดับ international scale หรือ regional scale หรือเป็นการจัดอันดับตราสารประเภทที่หลักเกณฑ์กำหนดเท่านั้น
“การระดมทุนและการลงทุนระหว่างกันในกลุ่มประเทศอาเซียนจะต้องมีมากขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อตลาดทุนอาเซียนเชื่อมโยงกันภายในปี 2558 ก.ล.ต. ได้มองไปข้างหน้าเพื่อวิเคราะห์โอกาสและคาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทั้งผู้ลงทุน บริษัทผู้ระดมทุน และผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน และพยายามเตรียมการในทุกด้านอย่างรอบคอบ ในขณะเดียวกันก็ได้กระตุ้นเตือนทุกภาคส่วนอยู่เสมอให้เตรียมปรับตัวรับสถานการณ์ ซึ่งในส่วนของผู้ลงทุน การที่จะลงทุนในตราสารที่ยังไม่คุ้นเคยจำเป็นต้องมีข้อมูลรอบด้านเพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ก.ล.ต. จึงพยายามที่จะทำให้ผู้ลงทุนไทยมีข้อมูลที่เพียงพอและเข้าถึงข้อมูลที่มีประโยชน์ได้โดยสะดวก” นายวรพล กล่าว