กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--โบวินส์ ซิลเวอร์
Price Movement
ราคา Silver วันนี้ น่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway กรอบ 33.60-33.30 โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.30 และ 33 แนวต้าน 33.60 และ 33.75
Key Point in Silver Market
การที่ราคากดลงไปถึงระดับ 32.60 ในเมื่อวานนี้ หลังจากที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐออกมา ทั้ง การขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ลดลง ตัวเลขการสร้างบ้างใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Us dollar แข็งค่าขึ้น มีผลให้ราคา Silver ปรับตัวลดลง แต่หลังจากนั้น ธนาคารกลางยุโรป ได้ออกมาในลักษณะของการเตรียมกู้วิกฤติหนี้กรีซทำให้ยูโรดีดตัวขึ้นมาอย่างแรงแถมยังมีแรงหนุนจากการผลการประมูลขายพันธบัตรที่ค่อนข้างสดใสในหลายๆประเทศของยุโรป ทั้งปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้น และอัตราผลตอบแทนที่ลดลง การที่ราคาเคลื่อนไหวในลักษณะแบบนี้นั้น แสดงให้เห็นถึงการที่ตลาดตอบรับปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างรุนแรง เห็นได้จากการที่ราคาปรับตัว panic sell ก่อนที่รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะออก จากนั้นก็ดีดตัวกลับมาหลังจากที่ ธนาคารกลางยุโรป ออกมาให้ข่าวว่าจะเตรียมกู้วิกฤติของกรีซ ซึ่งในประเด็นนี้นั้น ทางเราได้คาดการณ์ว่าสุดท้ายแล้วกรีซจะได้รับความช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ในเดือนมีนาคม และสถานะการณ์ต่างในยุโรปในช่วงระยะเวลานี้นั้นหาไม่นับรวมวิกฤติของกรีซ ปัจจัยต่างๆค่อนข้างออกมาค่อนข้างดี เห็นได้จากการประมูล พันธบัตร ของหลายๆประเทศในยุโรป ออกมาค่อนข้างดีมากโดนที่ไม่สนใจ ว่าจะโดนลดอันดับเครดิตหรือการเตือนว่าจะโดนลดอันดับเครดิต อีกปัจจัยที่ทำให้ความมั่นใจในยูโรโซนกลับมาได้นั้น คงเป็นการที่ธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ยืนยันที่จะลงทุนในยูโรโซนต่อไปและจะร่วมกันแก้วิกฤติหนี้ไปร่วมกันยุโรป ฉะนั้นแล้วการที่สถานะการณ์ในยุโรปเป้นแบบนี้แล้วนั้นต่อไปจากนี้คงรอเพียงแค่บทสรุปของการให้ความช่วยเหลือแก่กรีซเท่านั้น ที่จะทำให้ยูโรโซนกลับมาสดใสไร้กังวลในระยะสั้นๆได้อีกครั้งนึง แล้วราคา Commodity ก็น่าจะปรับดีดขึ้นไปในระยะสั้นๆ ทางฝั่งสหรัฐตอนนี้นั้นดูเหมือนจะเป็น คลากร์กำลังจะแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมน ยังไงยังงั้น แต่งานนี้คงต้องหาตู้โทรศัพท์เพื่อแปลงร่างกันอีกนานหน่อย เพราะแม้ว่ารายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาดีอยู่เรื่อยๆในระยะเวลานี้ แต่ด้วยการที่สหรัฐเองก็ยังต้องคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่จะขึ้นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งตัวประธานธนาคารกลางสหรัฐเองก้ยังคงออกมาตอกย้ำถึงการที่เศรษฐกิจ ยังคงฟื้นตัวในอัตราที่ต่ำและมาตรการทางการเงินของ FED เองไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นักเนื่องจากมีปัจจัยที่กดดันอยู่ แล้วที่สำคัยการขาดดุลงบประมาณยังคงอยู่ในระดับสูง อัตาการว่างงานแม้ลดลงก็ใช่ว่าจะต่ำ ตลาดที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างจะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ในระดับที่ดีหรือระดับที่จะเรียกตัวเองว่าฟื้นแล้วได้ ฉะนั้นหลากหลายปัจจัยเหล่านี้ก็จะยังคงเป้นสิ่งที่ขวางหูขวางตา FED อยู่ดี หากว่าสหรัฐจะต้องการที่จะกลับมาในระยะเวลาอันรวดเร็วในสภาวะการณ์ที่ใครก็มองว่าเริ่มฟื้นแล้วนั้น อย่างนี้ FED คงต้องฉีดสารกระตุ้นเข้าเส้นเลือดหรือไม่มก็ใช้กระแสไฟในปริมาณที่รุนแรงพอที่จะทำการปั๊มหัวใจที่เดียวแล้วฟื้นได้ ฉะนั้นแล้วFED ก็คงต้องรีบใช้ยาแรงอะไรสักอย่างเพื่อที่จะให้กลับมาได้อย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีการเลือกตั้ง ปธน. ขวางหน้าอยู่ก็ตาม ฉะนั้นและหาก FED เคลื่อนไหวขึ้นมาจริงในระยะสั้น คงต้องอ่อนตัวก่อนในระยะสั้นเป็นแน่แท้ เนื่องจากใครก็คิดว่าฟื้น แล้วพอถึงเวลาที่ FED ออกมาทำอะไรสักอย่างก็ทำให้ได้รู้ว่า อ๋อๆๆๆๆ ที่ผ่านมาฟื้นไม่จริง ตัวอย่างจากการที่ ออกมาคงอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น แต่ในระยะยาวแล้วก็คงน่าจะเป็นผลในเชิงบวกของเศรษกิจสหรัฐ แต่ช่วงนั้นคงเป็นผลดีต่อราคา Commodity อย่างชัดเจน