P&G Beauty Presents International Catwalk Report S/S12 เผยเทรนด์ฮ็อตประจำสปริง-ซัมเมอร์ 2012 จากรันเวย์ระดับโลก โดยพี แอนด์ จี บิวตี้

ข่าวทั่วไป Monday February 20, 2012 16:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--อาร์ค เวิลด์ไวด์ พี แอนด์ จี บิวตี้ แอนด์ กรูมมิ่ง ผู้นำด้านความงามชั้นนำระดับโลก เผยเทรนด์ผมใหม่ล่าสุดประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2012 ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าตั้งตาคอยเป็นครั้งแรก ในงาน “The Beauty Debate 2012” ณ ประเทศสิงค์โปร ซึ่งในซีซั่นนี้ แซม แมคไนท์ (Sam McKnight) แพนทีน โปร-วี โกลบอล แอมบาสเดอร์ ยูจีน โซไลมาน (Eugene Souleiman) เวลล่า โปรเฟสชั่นแนลส์ โกลบอล ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ แคร์ แอนด์ สไตลิ่ง และ จอช วูด (Josh Wood) เวลล่า โปรเฟสชั่นแนลส์ โกลบอล ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ คัลเลอร์ สามสุดยอดแฮร์สไตลิสท์ที่สร้างกระแสความร้อนแรงให้กับโลกแห่งแฟชั่นจนต้องตะลึง Spring/Summer 12 Fashion Round up โทนชุดสีขาว สีพาลเทลอ่อนละมุน หรือจะเป็น ลายพิมพ์แบบฮาวาย ดอกไม้ อาร์ตเดโค และชนเผ่าแอฟริกา จนไปถึงสีเมทัลลิคมันวาว ควบคู่กับตำนานโอลิมปิกของกรีก ผสานด้วยเทรนด์เก่าเล่าใหม่อย่าง ลูกไม้กับยุคฟิล์มนัวร์ กับการกลับมาของสาวยุคห้าศูนย์ คือลิสต์แสนยาวเหยียด ของเทรนด์ฤดูร้อนปีหน้า ที่เหล่าดีไซเนอร์ประโคมใส่รันเวย์ ซึ่งนี่คืออาหารตาที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ พี แอนด์ จี บิวตี้ แอนด์ กรูมมิ่ง แอมบาสเดอร์ (P&G Beauty and Grooming ambassadors) ปรับ ประยุกต์ และตีความความคิดเบื้องหลังของบรรดานักออกแบบทั้งหลาย กลั่นกรองอารมณ์ที่ผกผันตลอดแฟชั่นวีค มาเป็นแรงบัลดาลใจในการออกแบบทรงผม-ลุคแต่งหน้า ที่รับได้กับทุกเทรนด์ หลากหลายเทรนด์ ในฤดูกาลหน้ามาจากการคาดการณ์ไว้ก่อน ซึ่งตรงกับเทรนด์ที่ พี แอนด์ จี คัลเลอร์ แอนด์ แฟชั่น ฟอร์แคสท์ (P&G Color and Fashion Forecast )ได้คาดเอาไว้ 24 เดือนก่อนหน้า บรรดาแอมบาสเดอร์ด้านต่างๆ ได้กล่าวถึง อารมณ์หลักใหม่ล่ามาแรง ที่บ่งบอกถึงความ ไร้เดียงสา และโรแมนติก ดั่งสาวนน้อยสุดหวาน อย่างที่เห็นในโชว์ของ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) โคลเอ้ (Chloe) และ วาเลนติโน (Valentino) ที่มีเทรนด์ วิซิเบิล ออร่า (Visible Aura) ของ พีแอนด์จี ปรากฎอยู่ทุกหนทุกแห่ง ส่วนลุคสาวมั่นมาดโก้แบบเทรนด์ แทงโก้ (Tango) ถูกเพิ่มความแรงและอารมณ์ยั่วยวน บนรันเวย์ มิสโซนี (Missoni) ชาแนล (Chanel) กับ แอนนา ซุย (Anna Sui) ในซีซั่นนี้ความหรูหราถูกปรับให้ดูเรียบและเบาขึ้น สังเคราะห์น้อยลง ดั่งเสื้อผ้าของ ดีเคเอ็นวาย (DKNY) จีวองชี (Givenchy) และ บาลแมง (Balmain) เหมือนกับเทรนด์ แซนด์ ดูนส์ (Sand Dunes) ต่างจากธีมสาวเมืองใหญ่ในโชว์ของ ดีแสควร์2 (DSquared2) กับ กุชชี่ (Gucci) ที่สะท้อนให้เห็นเทรนด์บิวตี้ กราฟฟิตี้ (Beauty Graffiti) เทรนด์จากแพนทีน โปร-วี แพนทีน โปร-วี โกลบอล แอมบาสเดอร์ (Pantene Pro-V Global Ambassador) แซม แมคไนท์ (Sam McKnight) หนึ่งในแฮร์สไตล์ลิสต์สุดฮอตชื่อเสียงระดับโลกที่ผลงานยังสร้างคำจำกัดความและผลักดันแฟชั่นสไตล์ผมอย่างไม่หยุดนิ่ง ผลงานสร้างชื่อของเขาคือ ทรงผมสำหรับงานแต่งงานสไตล์รีแลกซ์เป็นธรรมชาติของซูเปอร์โมเดล เคต มอส ที่ต่อมาได้ลงในนิตยสารโว้ค สหรัฐอเมริกา ทำให้เขากลายเป็นแฮร์สไตล์ลิสต์ที่หาตัวจับยากในด้านทรงผมสมัยใหม่ โดยซีซั่นนี้ แซม แสดงฝีมือของเขาบนรันเวย์ ชาแนล (Chanel) บาลแมง (Balmain) บลูมารีน (Blumarine) แจ็คเกอร์ (Jaeger) กับ วิเวียน เวสต์วูด (Vivienne Westwood) เทรนด์ที่ 1 ลิควิด สคัลป์เจอร์ (Liquid Sculpture) “ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราได้ลงมติก่อนที่ทุกโชว์จะเริ่มขึ้นว่า ทรงผมแบบ เว็ทลุค ลุดผมหมาด จะมาแรงในซีซั่นนี้” แซมกล่าว “ซัมเมอร์นี้ อารมณ์ถูกปรับให้แกร่งขึ้น โดยส่วนทรงผมเปียกนั้นถูกใช้ในคอลเล็คชั่นฤดูร้อนอยู่แล้ว แต่ว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ลุคจัดแต่งหยาบๆ แบบสาวริมชายหาด แต่เป็นเว็ทลุคสุดเนี้ยบ ที่เน้นการรวบตึงให้แน่นขึ้น ดูเฉี่ยวกว่าเดิม” แซมเสริม ซึ่งลุคนี้สอดคล้องกับเทรนด์ แทงโก้ ที่เน้นแนวคิด มาดมั่นและเร้าใจ โดยหลังจากงาน ปารีส แพร็ท อา พอร์เต้ (Paris Pret-a-Porter) หนึ่งเดือน คำทำนายของที่แม่นยำของแซม ถูกพิสูจน์ให้เห็นในแฟชั่นวีคจากเมืองหลวงแฟชั่นของโลกในเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ อเล็กซานเดอร์ แวง (Alexander Wang) ในนิวยอร์ก ชาแนล (Chanel) ในปารีส รวมไปถึงดีไซเนอร์อังกฤษอย่าง นิโคล ฟาห์รี (Nicole Farhi) และแบรนด์ล้ำ ปราด้า (Prada) แห่งมิลาน ที่ใช้ทรงผมแบบเว็ทลุค ในโชว์ “มันมีอะไรบาางอย่างที่บ่งบอกถือความกำยำปนกับความสง่างาม” แซมกล่าวถึงโชว์ของ ชาแนล (Chanel) ที่ได้แรงบัลดาลใจจากท้องทะเล ที่ใช้การแสกผมแบบผู้ชาย ปล่อยปอยผมเกล้าเล็กน้อย และไข่มุก แลดูเหมือนหยดน้ำ “เราตั้งใจที่จะทำให้ดูเหมือนกับนางแบบใช้นิ้วสางผมที่เปียก” แซมเพิ่ม “เราต้องผสานผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น มูส เจล และ มาส์ก ในการตั้งทรง และช่วยทำให้เกิด ลุคแบบผมหมาด ซึ่งนี่เป็นหนึ่งตัวอย่างที่เราสามารถนำเอาผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมมาจัดแต่งทรง” สำหรับคอลเล็คชั่นที่ได้แรงบัลดาลใจจากโครงสร้างสถาปัตยกรรม ของ นิโคล ฟาห์รี (Nicole Farhi) แซมออกแบบทรงผมหางม้า ที่ดูเนี้ยบและสะอาดตา แต่เพิ่มความมันวาวแบบเว็ทลุค “สไตล์นี้ต้องเป็นแบบสาวทะมัดทะแมงแต่ยังดูโก้หรู” เขากล่าวถึงสาเหตุที่ผมถูกรวบตึงเป็นพิเศษ จับเป็นหางม้า มัดตรงกลางด้านหลังศีรษะ แล้วจัดแต่งให้ดิ่งตรง นี่เป็นอีกหนึ่งในหลากหลายทรงหางม้าของซีซั่นนี้ ส่วนธีมเนเชอรัล เอเลี่ยน (Natural alien) ที่ มูแกลร์ (Mugler) สร้างแรงบัลดาลใจให้แซมนำมาผสมกับผู้หญิงแบบฉบับ เฮลมุต นิวตัน (Helmut Newton) ให้อารมณ์หญิงสาวเพิ่งขึ้นมาจากน้ำในยุคเก่า โดยเส้นผมที่ดูเปียกและมันวาวถูก ทำให้เรียบโดยการหวีตรงจนถึงท้ายทอย และปล่อยช่วงปลายลงไป เทรนด์ที่ 2 โพเอทิค อินโนเซนส์ (Poetic Innocence) “ทรงผมจะให้ความรู้สึกเบา โปร่ง โรแมนติค และดูมีออร่าจากภายใน” แซมกล่าว “เหล่านางแบบดูราวกับภูติที่บริสุทธ์ ไร้เดียงสางดั่งเด็กน้อย โดยฤดูกาลนี้จะเน้นความงามแห่งวัยเยาว์ หรือเด็กสาววัยรุ่นควรจะงามแบบไหน” แซมอธิบายเพิ่มถึงหนึ่งในลุคที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในฤดูกาลนี้ ที่เห็นได้จาก แฟชั่น ทรงผม แบบหน้าเทรนด์ วิซิเบิล ออร่า สามารถบอกได้เป็นอย่างดีว่าอารมณ์ใหม่นี้ได้รวบรวมแนวคิดจาก ความเบาลอยละล่อง ความโปร่งของเนื้อผ้า สีเหลือบไม่ฉูดฉาด และดูสว่างไสว ม่านผมบางที่คลุมหน้านางแบบในโชว์ของ วิเวียน เวสท์วูด โกลด์ เลเบล (Vivienne Westwood Gold Label) ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของลุคนี้ “ทรงผมนี้มีออร่าของความไร้เดียงสา ซึ่งมาจากสไตล์ที่สดใส” แซมเล่าต่อ “ผมอยากจะนำสิ่งเล็กๆ ทางประวัติศาสตร์อย่างม่านผมบางๆที่เป็นกรอบรับใบหน้าในรูปภาพเก่าๆของครอบครัวด้วย” แซมเสริม สำหรับคอลเล็คชั่นจาก แมรี่ คาทรันท์โซ (Marry Katrantzou) ที่รังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด ธรรมชาติ ปะทะ ธรรมชาติ (Nature vs Nature) แซมคิดแบบผมที่ดูพลิ้วไหวดั่งผมของสาวแรกรุ่นวัยใสเข้ากับโชว์ที่เต็มไปด้วยลายพิมพ์ดอกไม้กับใต้ทะเลสีสันสดใสเต็มไปด้วยรายละเอียดตระการตา “การทำผมให้เรียบง่ายนั้นสำคัญมาก” แซมกล่าวถึงผมรวบหางม้ามัดต่ำ กับปล่อยผมครอบใบหน้าตามแนวไรผม ที่สะบัดปลิวเมื่อนางแบบเดิน และเพราะว่าแคทวอล์กใช้แสงธรรมชาติตอนกลางวัน แซมจึงต้องการที่จะออกแบบทรงผมให้ดูเหมือนรัศมีเปล่งประกาย เทรนด์ที่ 3 ชิค โมเดิร์นนิสม์ (Chic Modernism) “ความงามแบบร่วมสมัยคือหัวใจสำคัญของเทรนด์” แซมบอก “ทรงผมที่ดูดีมีราคาแต่ต้องไม่ตกแต่งจนเกินเลย นี่เป็นวิธีการใหม่ที่ง่ายและทันสมัย” อารมณ์ของลุคนี้เข้ากับเทรนด์ แซนด์ ดูนส์ ที่ผสานความหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติ เอาไว้ในลุคเรียบๆ ทันสมัย บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตที่ดี นั่นหมายความว่าทรงผมจะต้องสละสลวยแบบไม่ตั้งใจมาก จัดแต่งให้น้อยเข้าไว้ ที่โชว์ของ แจ็คเกอร์ (Jaeger) สามารถเห็นเทรนด์ได้ชัด จากผมมัดหางม้าที่ดูหรู และเงางาม โดยแบ่งผมต่ำแล้วปัดตามแนวยาวไปข้างหนึ่ง จัดแต่งให้ดูเป็นคลื่นมันวาวบนไหล่เดียว ทำให้ดูภูมิฐานแต่ทันสมัย ส่วนธีมหนัง ‘Dolce Vita’ แบบฉบับสมัยใหม่ ของบลูมารีน (Blumarine) แซมคิดแบบผมที่ได้แรงบันดาลใจจากหลากตัวละครที่มีเสนห์บนแผ่นฟิล์มของผู้กำกับเฟดเดอริโก เฟลลินี่ (Federico Fellini) แต่ทำให้ดูเด็กและสดใสกว่าเดิม โดยเป็นทรงผมหางม้าที่ดูเหมือนไม่ตั้งใจทำ มัดต่ำช่วงท้ายทอยแล้วปล่อยลงจากผมแสกกลางธรรมชาติ เพิ่มน้ำหนักให้ช่วงบน ทำให้ดูสบายและไม่เนี้ยบเกินไป สำหรับแคทวอล์กของมอสกิโน ชีป แอนด์ ชิค (Moschino Cheap and Chic) แซมนำพาคำพูดที่ว่า ถ้าสุขภาพกายดี สุขภาพจิตก็จะดี ไปอีกหนึ่งขั้น “ผมต้องการที่จะประยุกต์วาทะนี้ไปใส่ผมด้วย ซึ่งก็เหมือนการสำรวจความงามของธรรมชาติในแบบที่มีสุขภาพที่ดีและสนุก” แซมนำผมที่เพิ่งสระและบำรุงมามัดหางม้าแล้วรวบเป็นห่วงหลวมๆ จากนั้นเพิ่มอารมณ์ขันด้วยการผูกด้วยริ้บบิ้นหรือฟาง ตรงกันข้ามกับ บาลแมง (Balmain) ที่นำเสนอลุคที่เป็นมินิมัลลิสต์ที่สุด จากธีมชิค โมเดิร์นนิสม์ (Chic Modernism) “ความหรูหราที่แฝงตัวอยู่คือสิ่งที่บาลแมงโชว์มาตลอด” แซมเสริม โดยรวบผมตึงเพื่อทำหางม้าตรง แล้วมัดตรงกลางด้านหลังของศีรษะ หัวใจสำคัญของลุคนี้คือ ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติของผมหางม้า “เราไม่ต้องการทำให้มันดูละเมียดละไมจนเกินไป” แซมบอก เทรนด์ที่ 4 โมเดิร์น นอสทัลเจีย (Modern Nostalgia) สไตล์เรโทรในฤดูกาลนี้เน้นไปที่ช่วงกลางของศตวรรษที่ผ่านมา ทั้งยุค 50, 60 และ 70 แต่นำกลับมาใช้ในแบบร่วมสมัยและมีรายละเอียดสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีและผิวสัมผัสแบบยุ่งเหยิง ซึ่งสามารถเข้าได้กับเทรนด์ บิวตี้ กราฟฟิตี้ ที่นำสีสันสุดบรรเจิดกับพื้นผิวมารวมกันให้อารมณ์ DIY ที่โชว์ เฟนดิ (Fendi) ในมิลาน ‘Dolce Vita’ จากยุค 50 จุดประกายให้แซมสร้างทรงผมพองบานที่จัดทรงตั้งสวย “แรงบันดาลใจของผมคือ นักคณิตศาสตร์สาวที่บ้าคลั่ง ( Mathematician, gone mad) ดังนั้นผมจึงปรับลุคคุณครูสาวคลาสสิค ให้ดูเหมือน มิสจีน โบรดี้ (Miss Jean Brodie) เล็กน้อย” แซมพูดถึงทรงที่เพิ่มน้ำหนักของเส้นผมอย่างทันสมัย สำหรับคอลเล็คชั่นจาก คลีเม้นท์ ไรบีโร (Clements Ribeiro) ภายใต้ธีมสาวจากย่านเชลซี (Chelsea Girl) แซมรังสรรค์ลุคที่เต็มทั้งน้ำหนักและผิวสัมผัส ดูเหมือนกับทรงผมตีพองที่ตั้งใจทำให้ดูยุ่งเหยิง ส่วนผมยาวด้านหลังก็ถูกรวบเป็นหางม้าที่ทำให้ดูปล่อยๆ เหมือนยังไม่เสร็จดี ที่โชว์ของมัลเบอร์รี่ (Mulberry) ที่นำเทศกาลภาพยนตร์ริมชายทะเลของอังกฤษ ‘End of The Pier’ มาเป็นธีม แซมมองหาความคิดใหม่ๆ จากผู้กำกับเคน โล้ค (Ken Loach) เจ้าตำรับหนังขาวดำที่โดดเด่นในเรื่องศิลปะเรียลลิสม์ “แรงบันดาลใจของผมมาจากเด็กหญิงที่หลบมาพักผ่อนในอังกฤษ แล้วถูกจับได้กลางสายฝน” แซมเล่าถึงทรงผมที่เขาทำให้พองฟูแล้วเพิ่มผิวสัมผัสเปรอะเปียก องค์ประกอบที่ทำให้โมเดิร์นขึ้นคือ สีไอศกรีมต่างๆ เติมแต่งบนบางส่วนของผม ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว สีชมพู และสีเหลือง ซึ่งมาจากสีในคอลเล็คชั่น การแตะเติมสีให้กระจายไปทั่วๆ แบบไม่ตั้งใจช่วยเติมความเปรี้ยวสไตล์ยุคปัจจุบันให้กับผมได้อย่างคาดไม่ถึง ด้านการนำสีมาปรับยุคให้ทันสมัยอย่างงานเทศกาลดนตรี ของ ดีสแควร์2 (DSquared2) ที่ทำให้ดูร่วมสมัยในทันที โดยจะปล่อยผมแสกกลาง สร้างเท็กซ์เจอร์ตลอดความยาวของผมแล้วจุ่มสีชมพูกับฟ้าลงไปเป็นหย่อมๆ เทรนด์จากเวลล่า โปรเฟสชั่นแนลส์ ยูจีน โซไลมาน(Eugene Souleiman) คือช่างทำผมสุดล้ำยุคผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการจัดแต่งทรงผมอย่างแท้จริง ทรงผมของเขาได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะและวัฒนธรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับโลกแห่งความจริงและความเพ้อฝัน ตลอดระยะกว่า 25 ปีในการทำงานของยูจีนเราได้พบกับเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาตามหน้านิตยสารและงานออก แบบชั้นนำของโลก ยูจีนได้ส่งผ่านทรงผมซึ่งเต็มไปด้วยไอเดียแปลกใหม่ ลูกเล่นแพรวพราวพร้อมทั้งยังอยู่ทรงได้ยาวนาน ในกว่า 20โชว์ของเขาจากนิวยอร์กถึงมิลาน ตลอดซีซั่นนี้ เทรนด์เบลซ: อิสตรีแห่งเสน่ห์ที่เย้ายวน (Blaze- The Famme Fatale) "ลุคนี้ให้ความสำคัญกับความแข็งแรงและการจัดการเส้นผมด้วยการเล่นกับรูปทรงและพื้นผิวของผมเพื่อสร้างทรงที่ดูเหมือนปฏิมากรรม จนเรียกว่าแทบจะเป็นผลงานสถาปัตยกรรมทีเดียว” ยูจีนกล่าวเมื่อบรรยายถึงบุคลิกอันชัดเจน จัดจ้านของผมแห่งอิสตรีแห่งเสน่ห์ที่เย้ายวนจากเทรนด์ เบลซ ที่แตกหน่อออกมาจากเทรนด์ แทงโก้ "มันเป็นสไตล์ตรงกับข้ามกับลุคสบายๆ" ยูจีนอธิบาย "เป็นขั้วคนละด้านกับทรงผมจากการเป่าไดร์ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบและหรูหรา แต่งทรงผมให้เผยรูปหน้า” สำหรับฤดูกาลซึ่งเต็มไปด้วยลวดลาย ภาพพิมพ์และเครื่องประดับอลังการ ทำให้ศีรษะดูเล็กลง โดดเด่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ยูจีนกล่าวเสริม ลุคสำหรับทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ (Tommy Hilfiger) คือ การรวบผมจากแสกกลางของศีรษะจนเหลือเพียงหางม้าสั้นๆ ทำให้เกิดความรู้สึกละตินอย่างเต็มตัว ในขณะที่แรงบันดาลใจของลุคในโชว์ของมิสโซนี (Mossoni) มาจากย่านสแปนิช ฮาร์เล็มในนครนิวยอร์ค โดยสะท้อนผ่านเด็กสาวบุคลิกร่าเริงมีชีวิตชีวาสไตล์นักเต้นฟลาเมงโก้ที่เกล้าผมเป็นมวยกลมไว้ด้านข้างอย่างหลวมๆ แลดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย สำหรับดอนน่า คาราน (Donna Karan) สไตล์การผูกหางม้าไว้ด้านหลังคือภาพเงาอันชัดเจนส่งเสริมคอลเล็คชั่นที่เต็มไปด้วยภาพพิมพ์แอฟริกา โดยยูจีนได้รวบหางม้าไว้สูงบนศีรษะคล้ายคลึงกับชนเผ่า สำหรับลุคของสเตลล่า แมคคาร์ทนีย์ (Stella McCartney) ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความโดดเด่นก็สามารถเกิดได้จากทรงผมอันเรียบง่ายเพียงแค่เกล้ามวยผมอย่างเรียบๆ ยูจีนกล่าวว่า "ลุคนี้ดูกระชับเรียบง่าย หากทรงพลังและสามารถห่อหุ้มรายละเอียดเส้นโค้งเว้าตรงคอเสื้อของคอลเล็คชั่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” สำหรับปาโก้ ราบานน์ (Paco Rabanne) ยูจีนได้พัฒนาการจัดแต่งปอยผมหน้าม้าให้ราบแบนเหมาะสำหรับเสื้อผ้าสะท้อนแสงสีเมทัลลิกและเติมแต่งด้วยหางม้าที่โบกสะบัด "โชว์นี้คือความสนุกสนานและการเฉลิมฉลองแฟชั่น เราต้องการทรงผมที่เคลื่อนไหวยามสาวๆย่างก้าว" ยูจีนกล่าว ลองหันมาหากราฟิกดีๆกันบ้าง ผ่านลุคของ อันโตนิโอ มาราส (Antonio Marras) จีนได้รวบผมตึงและเพิ่มความเงางามเปล่งประกายให้แก่เส้นผม ก่อนสร้างสรรค์เกลียวผมให้กลายเป็นเทียร่าเก๋ๆ บนศีรษะ เข้ากับธีมของแฟชั่นโชว์ผ่านเรื่องราวของสาวใช้ที่กำลังแอบสวมชุดของนายหญิง แสดงถึงความซุกซนและสนุกสนานของเบลซได้เป็นอย่างดี ทางด้านของ อิสเซ่ มิยาเกะ (Issey Miyake) แตกต่างด้วยการนำเสนอการเปลี่ยนแปลงรูปทรงของศีรษะเพื่อสร้างรูปลักษณ์ใหม่อย่างสุดขั้ว ซึ่งยูจีนได้ออกแบบทรงผมพร้อมคอลเลคชั่นเครื่องประดับศีรษะรูปกลีบดอกไม้สุดชิค “ธีมของโชว์นี้คือ ‘พฤกษชาติและประติมากร Brancusi’ ” เขากล่าว “จากไอเดียนี้เราจึงออกแบบทรงผมให้มีรูปทรงเหมือนดอกทิวลิปกำลังผลิบาน แม้จะดูเป็นมโนภาพในจิตนาการที่ชัดเจน แต่ยังแสดงถึงความน่ารักอันน่าประหลาดใจในขณะเดียวกัน คล้ายกับรูปปั้นของ Brancusi” ยูจีนยังเติมแต่งลุคนี้ในสวยตะลึงด้วยสเปรย์ไล่ระดับแถบสีเลียนแบบสีธรรมชาติของกลีบดอกทิวลิปอีกด้วย ความสามารถของยูจีนในการจัดแต่งปอยผมสามารถเห็นได้อีกครั้งจากลุคของ ไฮเดอร์ แอ็คเคอร์แมน (Haider Ackemann) ซึ่งยูจีนได้สร้างสรรค์ลุคแบบผู้ชาย "มู้ดบอร์ดเต็มไปด้วยภาพของผู้ชายเหงื่อออก แต่ผมกลับมีนางแบบสาวผมยาวกว่า 20 คน" ยูจีนหัวเราะ การทำให้ผมดูสั้นคือหัวใจหลักของลุคนี้ดังนั้นยูจีนจึงได้รีดผมจนแบนราบแล้วตลบมาเก็บไว้ด้านหลังศีรษะและทำให้เป็นมันเงางาม โดยเหลือผมยาวเพียงส่วนหนึ่งที่ด้านหน้าแล้วลงแป้งและน้ำมันเพื่อเพิ่มรายละเอียดของพื้นผิว เทรนด์เกรซ (Grace): เทพธิดาแห่งโลกยุคใหม่ (The modern muse) "ความสง่างามคือทิศทางใหม่สำหรับผมยาวซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพของเส้นผมมากพอๆ กับสไตล์ ลุคนี้เป็นลุคที่หรูหรามากๆ ทว่าดูเหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามเลย" ยูจีนอธิบายแนวคิดเบื้องหลังคอนเซ็ปต์เทพธิดาแห่งโลกยุคใหม่ (The modern muse) ในเทรนด์ เกรซ ที่แตกแขนงออกมาจากเทรนด์ แซนด์ ดูนส์ ซึ่งบอกเล่าวิวัฒนาการแห่งคุณค่าของความหรูหราและการที่ทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติได้กลายเป็นของโก้หรู หัวใจสำคัญที่ทำให้ลุคในธีมเกรซต่างไปจากลุคผมยาวธรรมดาๆ อยู่ที่การควบคุม ในความเห็นของยูจีน เขาบอกว่า "ผมในลุคนี้มีแก่นแท้ที่จับต้องได้จริงๆ โดยถูกจัดแต่งให้เคลื่อนไหวได้สละสลวยเรียงตัวกัน ดังนั้นสิ่งที่คุณจะได้คือเค้าโครงที่ชัดเจน" และเสริมต่อว่า “ลุคนี้ไม่ใช่เพียงแค่สระผมและปล่อยให้แห้ง หากต้องอาศัยการดูแล การใช้ผลิตภัณฑ์ และการจัดแต่งทรงเป็นพื้นฐานสำคัญ” โคลเอ้ (Chloe) คือตัวอย่างที่เหมาะสมของลุคซึ่งดูปราศจากความพยายามนี้ ซึ่งได้มาจากสาวๆ สุดชิคทั้งหลาย อย่างเหล่าบรรณาธิการแฟชั่นของนิตยสารโว้กฝรั่งเศส สไตล์อันบอบบางและงดงามอย่างไร้ที่ติอยู่ที่การแสกกลางและปล่อยเส้นผมลงมาระบ่าเป็นชั้นๆ "ความสมดุลและความอ่อนเบาของเส้นผมมาจากข้างใน" ยูจีนออกความเห็น "รัศมีบนเส้นผมไม่ได้เกิดจากลอนหรือพื้นผิวของเส้นผม แต่มาจากประกายที่เปล่งออกมาจากภายใน” อีกหนึ่งตัวอย่างของลุคนี้คือ ดีเคเอ็นวาย (DKNY) ซึ่งยูจีนเรียกสไตล์ผมยาวและลอนผมอันยุ่งเหยิงนี้ว่า “ทรงผมแห่งนครนิวยอร์ก” ที่ดูสดใหม่ มีเท็กเจอร์ที่เงางาม พร้อมหมวกปีกกว้างสุดเก๋ นอกจากนี้ยูจีนยังได้ใส่ลูกเล่นเพิ่มสีสันให้กับเส้นผมเพื่อสร้างเท็กซ์เจอร์และความน่าสนใจด้วยการเปลี่ยนสีผมด้านนอกให้สว่างขึ้น ตัดกับสีผมด้านในที่คมเข้ม เหมือนเพิ่งไปออกแดดกลางฤดูร้อน ดูหรูหรา สดใส เหมาะกับคอนเซปต์สาวแฮมป์ตันส์สุดชิค โชว์ 'บาร์บี้โกคันทรี่' (Barbie Goes Country) ของดีไซเนอร์ เจเรมี่ สก็อตต์ (Jeremy Scott) สะท้อนความเป็นเกรซได้เป็นอย่างดี ด้วยการยีเส้นผมให้ดูมีวอลุ่มและเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้านบนศีรษะ ปลายผมที่เหลือดัดเป็นลอนแล้วรัดเป็นผมแกละสองข้าง “ลุคนี้จะดูสนุกสนาน อ่อนเยาว์ บางส่วนคล้ายคลึงกับภาพยนตร์เรื่องเบฟเวอร์ลี ฮิลบิลลี่ส์ (Beverly Hillbillies)" ยูจีนกล่าว "ธีมของเอโทร (Etro) คือการตกแต่งแบบยุค20 (Deco Twenties)" ยูจีนกล่าว "แต่เราไม่อยากทำอะไรที่ดูตรงตัวเกินไป ถึงแม้ลุคนี้จะมีลักษณะของเสื้อผ้าสไตล์แฟลบเปอร์ แต่เราก็ให้ความสำคัญกับลายภาพพิมพ์ของเสื้อผ้าด้วย" ในการจัดการกับเส้นผมที่ยาว ยูจีนได้หวีผมด้านหน้าจนเรียบ แล้วแบ่งผมด้วยการแสกออกมาเป็นมุมอย่างชัดเจน โดยผมยาวด้านบนจะถูกจัดแต่งและเก็บเข้าจนเกิดเป็นทรงบ๊อบบริเวณด้านหลังศีรษะ ในขณะที่ผมด้านในจะถูกปล่อยทิ้งให้ยาว วายทรี (Y-3) เผยถึงความรู้สึกแบบสบายๆ อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ได้เพิ่มความเป็นสปอร์ตลงไปมากขึ้น อันเนื่องมาจากอิทธิพลของคอลเล็คชั่นลอนดอนโอลิมปิค 2012 ยูจีนเล่าว่า "เราเพิ่มความอสมมาตรลงไปในลุคนี้โดยแสกผมกลางศีรษะแล้วเก็บผมด้านหนึ่งไว้หลังหู ขณะที่อีกด้านหนึ่งเก็บทับหูแล้วเพิ่มรายละเอียดลงไป" ความร่ำรวยมั่งคั่งยังเป็นธีมที่ถูกเล่นอย่างต่อเนื่อง เมื่อ ปีเตอร์ ซอม (Peter Som) เลือกใช้คอนเซ็ปต์ทรงผมแย่ๆ ของหญิงสาวสุดซ่าจากครอบครัวฐานะดี ยูจีนสนุกสนานกับลุคนี้โดยเลือกสีแดงโรสโกลด์เพื่อทำให้เหมือนว่าสีผมที่แรงกว่าพึ่งจางออกไป "เราสร้างตัวละครจากทรงผมที่มีบุคลลิกคล้ายทายาทสาวจากอีสต์วิลเลจ ผู้ซึ่งอยู่ในภาวะกบฏและกำลังบดบังรัศมีความร่ำรวยและสิทธิพิเศษของตนด้วยความดิบเถื่อน" เทรนด์สีผมจากแคทวอล์ก โดยเวลล่า โปรเฟสชั่นแนลส์ หากคุณใช้ GPS ให้ช่วยหาพิกัดความอัจฉริยะด้านการทำสีผมที่เป็นเอกลักษณ์ของ จอช วูด ว่าอยู่ที่ไหน คุณคงถูกส่งให้ไปดินแดนในจินตนาการที่อยู่ระหว่างสตูดิโอที่มีรสนิยมทางศิลปะอย่างสูงกับห้องแล็บของพ่อมดนักวิทยาศาสตร์ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในหัวของจอชนี่เอง ความสามารถของเขาในการถ่ายทอดไอเดียของเขาไปอยู่บนศีรษะของคนอื่น ซึ่งในที่นี้หมายถึงบรรดาลูกค้าที่เป็นเซเลบริตี้ระดับหัวแถว เหล่านางแบบสำหรับแฟชั่นโชว์ และถ่ายภาพแฟชั่น ในซีซั่นนี้เขาสร้างคำนิยามใหม่ให้กับคำว่า ‘บลอนด์’ ที่ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ซึ่งดูน่ารักดั่งนางฟ้าในจิตนาการ ผลงานที่เขาร่วมรังสรรค์กับยูจีน จอชได้บรรเลงสีผมให้เข้ากับเสื้อผ้า และสนุกกับการกัดสีผมหลากเฉด จนทำให้ไอเดียสีผมซีดอ่อน กลายเป็นลุคที่น่าหลงใหลที่สุด จอชเล่าว่า “กฎเดิมๆ ของความหรูได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนความหรูหราคือ การทำสีผมทั้งหัวให้ออกมาดีที่สุดเพื่อดูมีอำนาจ แต่ตอนนี้แค่ทำสีเป็นแถบเส้นบางๆ ก็พอ” ลุคมินิมัลลิสม์แบบใหม่นี้สะท้อนถึงเทรนด์ เกรซ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเทคโนโลยี “เราเห็นเทคโนโลยีทำสีผมใหม่ๆ ที่ทำให้เราทำสีผมอย่างไม่โจ่งแจ้งได้ เหมือนกับเสื้อผ้าที่ดูโล่งๆ ไม่มีอะไร แต่ว่าเย็บตะเข็บสีสะท้อนแสง มันมีบางอย่างที่ดูทันสมัยมาก” จอชอธิบายอารมณ์ของสีสันใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเบื้องหลังเวทีแฟชั่นโชว์ว่า “ทีมครีเอทีฟพูดคุยถึง ความกระจ่างใสแบบออร่า เปล่งประกายจากภายใน ส่องสว่างดั่งเทพธิดา ซึ่งคำพรรณนาเหล่านี้กลายมาเป็นนิยามใหม่ของผู้หญิงในจินตนาการ” ความอ่อนเยาว์ คืออีกหนึ่งคำที่คนพูดถึงกันเยอะในฤดูกาลนี้ แต่จอชย้ำว่า “มันต้องดูเสมือนจริง แน่นอนว่า มันต้องดูสง่างาม แต่ก็ต้องไม่แก่และเยอะเกินไป” หัวใจสำคัญของลุคนี้คือ สัมผัสบางๆ ของความเป็นอิสตรีกับความอ่อนละมุน อย่างที่เห็นที่ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ซึ่งนางแบบต่างมีผมสีเบบี้บลอนด์ ส่วนการจะทำให้ผมอยู่ในเทรนด์ เกรซ ทำได้ด้วยพาเล็ตสีอ่อนโยนและสว่างไส “ถั่วพิสตาชิโอ พริมโรส พีช แพงพวย ไอศกรีมและเจลาโต้ อาจเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องลิ้มลองในซีซั่นนี้ แน่นอนว่าสีสันของสิ่งต่างๆ ที่กล่าวไปจะปรากฏบนเส้นผมเช่นเดียวกัน” จอชกล่าว เทรนด์ตรงกันข้ามกับผมที่ดูสบายและเบาอย่าง เกรซ คือ เบลซ ซึ่งเป็นเหมือนการเพนต์สีไว้ที่จุดใดจุดหนึ่งอย่างตั้งใจ ทำให้เกิดเอฟเฟ็คใหม่ “มันคล้ายกับศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism)” จอชบอกในขณะที่อธิบายถึงรายละเอียด ที่เมื่อมองจากที่ไกล จะต้องให้ผลลัพธ์ดูเป็นหนึ่งเดียว “จะต้องมีเทคนิคชั้นยอด มีฝีมือระดับที่ยากจะบอกได้ ในการสร้างลุคแบบนี้ คุณจะต้องเจาะลึกลงไปเพื่อให้ได้เอฟเฟ็คต์ของภาพรวมทั้งหมด” การทำงานจึงต้องโฟกัสมากขึ้น “เมื่อรูปทรงของศีรษะเล็กลง สีผมจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ขาดไม่ได้ และมันยังเป็นเหมือนแถลงการณ์แห่งแฟชั่นเบ็ดเสร็จในตัวเองอีกด้วย” จอชขยายความ พื้นผิวยังมีผลกับสีด้วยเช่นกัน สีจะชัดเจนและมีโทนเข้มขึ้นด้วยความสว่างที่สะท้อนแสงเป็นประกายเมื่อผมได้รับการจัดแต่งอย่างประณีต เรียบกริบ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทรนด์ เบลซ “นี่คือลุคของผู้หญิงที่ใส่ใจกับสีผมจริงๆ” จอชยืนยันถึงพาเล็ตสีสุดโต่ง ทั้ง ดำ เทาและสีชมพูฟูเซีย ที่โชว์ของ นาร์ซิสโซ ร็อดริเกซ (Narcisco Rodriguez) “นี่ไม่ใช้สีผมที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องประดับ แต่มันคือความเชื่อมั่น และมันก็ทรงพลังจริงๆ” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อาร์ค เวิลด์ไวด์ ประเทศไทย เจตนา เกรียงศักดิ์โอภาส (จั่น) / โทร 662 684 5712 Jetana.Kriengsakophas@th.arcww.com
แท็ก 2012   E 20  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ