MOVIE: Act of Valor

ข่าวบันเทิง Tuesday February 21, 2012 11:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท Action / War คำโปรย The only easy day was yesterday กำหนดฉาย 1 มีนาคม 2012 บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ อำนวยการสร้าง / กำกับ ไมค์ แม็คคอย และ สก็อตต์ วอห์น (Navy SWCC) เขียนบท เคิร์ต จอห์นแสตท (300, True Vengeance) นำแสดง สมาชิกหน่วย SEAL นาวิกโยธินสหรัฐ อเล็ก เวดอฟ (Air Force One, Drag Me to Hell) โรซาลีน ซานเชส (Rush Hour 2, The Game Plan) เนสเตอร์ เซอร์ราโน (Ugly Betty, 90210) เนื้อเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องแรกของโลกที่ได้สมาชิกของหน่วย SEAL ตัวจริงเสียงจริงมาแสดงนำ Act of Valor ถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ก่อการร้ายข้ามชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน ฉากสงครามที่ถ่ายทอดจากปฏิบัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้น รวมถึงอาวุธยุธโธปกรณ์อันล้ำสมัยของกองทัพสหรัฐ เพื่อทำให้เป็นหนังแอ็คชั่นที่ตื่นเต้นเร้าใจที่สุดแห่งปี Act of Valor เริ่มต้นด้วยภารกิจการเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ CIA ซึ่งก็เชื่อมโยงไปถึงแผนการก่อการร้ายครั้งในประวัติศาสตร์ ที่จะคร่าชีวิตของผู้บริสุทธ์นับพัน เมื่อหน่วย SEAL ต้องออกตามล่าผู้ก่อการร้ายที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก พร้อมกับต้องสร้างสมดุลระหว่างความรักชาติ เพื่อนพ้อง และครอบครัวที่รอพวกเขาอยู่ที่บ้าน Act of Valor กำกับโดย ไมค์ แม็คคอย และ สก็อตต์ วอห์น จากบทภาพยนตร์ของ เคิร์ต จอห์นแสตท (300) นำแสดงโดย 9 นาวิกโยธินหน่วย SEAL ของสหรัฐ และนักแสดงฮอลลิวู้ดอย่าง โรซาลีน ซานเชส (Rush Hour 2, The Game Plan), อเล็ก เวดอฟ (Air Force One, Drag Me to Hell) และ เนสเตอร์ เซอร์ราโน (Ugly Betty, 90210) โดยยังมีทีมงานไม่ว่าจะเป็นผู้ตัดต่อภาพ ไมเคิล โทรนิค (Green Hornet, Iron Man), ผู้กำกับภาพ เชน เฮิร์ลบัท (Terminator Salvation) และผู้ออกแบบงานสร้าง จอห์น แซ็คเคอรี่ย์ (Wonderland) จุดเริ่มต้น ในปี 2007 โปรดักชั่นเฮ้าส์ Bandito Brothers รับหน้าที่ในการสร้างสารคดีขนาดสั้นให้กับกองทัพเรือ ซึ่งเกี่ยวกับหน่วยลำเลียงพิเศษของนาวิกโยธินสหรัฐ ที่พาหน่วย SEAL ไปรับและส่งในสถานที่ต่างๆในโลก ที่พวกเขาได้ทำภารกิจที่อันตรายและสุ่มเสี่ยงที่สุด แม๊กซ์ ไลท์แมน ผู้บริหารของ Bandito Brothers และหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง Act of Valor เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า "พวกเราทำสารคดีสั้น 7 นาที ซึ่งทำให้พวกเรารู้จักโลกของนาวิกโยธิน เรารับแรงบันดาลใจจากปฏิบัติการณ์ของพวกเขา งานชิ้นนี้จึงเป็นของขวัญสำหรับพวกเขา ที่กลับบ้านไปและให้ครอบครัวดูสารคดีตัวนี้ เพื่อให้เข้าใจการทำงานของพวกเขา" ในขณะเดียวกัน กองทัพเรือก็ได้เห็นสารคดีตัวนี้ และสนใจที่จะทำให้กลายเป็นภาพยนตร์ขนาดยาว ไมค์ แม็คคอย ที่ร่วมกำกับภาพยนตร์ร่วมกับ สก็อตต์ วอห์น เผยว่า "พวกเขาได้รับข้อเสนอหนังที่พูดถึงนาวิกโยธินจากสตูดิโอมากมาย แต่พวกเขาต้องการที่จะทำให้มันออกมาซื่อตรงที่สุด ซึ่งในที่สุดข้อเสนอของพวกเราก็ถูกเลือก" กัปตัน ดันแคน สมิธ นาวิกโยธินสหรัฐ วัย 27 ปี ปัจจุบันยังคงสังกัดกับหน่วย SEAL คือหนึ่งในตัวแปรสำคัญของการพัฒนา Act of Valor เขาเล่าว่า "พวกเราต้องการเรื่องราวที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจว่าพวกเราคือใคร ไอเดียของหนังต้องได้รับกาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะนี่คือหนังเรื่องแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรืออย่างเต็มตัว โดยจุดมุ่งหมายก็คือการให้คนนอกเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเราทำ เข้าใจในชีวิต และการเสียสละที่พวกเขาและครอบครัวต้องเผชิญหน้าอยู่ทุกวัน" ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความแตกต่างไม่เหมือนใคร โดยจับเอาวิถีชีวิตของสมาชิกหน่วย SEAL ในแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นในหนังมาก่อน กัปตัน ดันแคน สมิธ เล่าต่อว่า "พวกเราใช้กระสุนจริง ใช้ทหารของนาวิกโยธิน ไม่ใช่เพียงแค่หน่วย SEAL แต่ยังรวมถึงนักบินและเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่น บทภาพยนตร์ถูกเขียนจากปฏิบัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง มันไปไกลกว่าที่ทุกคนเคยเห็นในหนัง ไม่มีหนังเรื่องไหนที่จะจับเอา หัวใจ ทีมเวิร์ค และเทคโนโลยี ของกองทัพสหรัฐได้มากเท่ากับเรื่องนี้" ถูกคัดเลือกจากนาวิกโยธินฝีมือดีที่สุด หน่วย SEAL ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทำภารกิจบนบก ในน้ำ และอากาศ พวกเขาเป็นหน่วยที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา และสามารถเข้าไปในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก เพื่อทำภารกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ โดยแต่ละปีทหารเรือกว่า 1,000 นายจะต้องถูกฝึกฝนอย่างหนัก และมีเพียง 200 ถึง 250 นายเท่านั้นที่เหลือรอดจากการฝึกสุดทรหดตลอด 1 ปีครึ่ง และหลังจากการถูกคัดเลือกเข้าทีม พวกเขาก็ยังต้องฝึกอีก 1 ปีก่อนที่จะได้เริ่มปฏิบัติงานจริง ด้วยการผสมผสานเรื่องจริงเข้ากับเรื่องแต่ง Act of Valor นำเอานาวิกโยธินหน่วย SEAL ตัวจริงเข้ามารับบทนำ และก็ได้สร้างเรื่องราวรอบตัวพวกเขา เพื่อให้เราเข้าใจถึงเบื้องหลังของพวกเขา โดยการรวบรวมข้อมูลสำหรับหนัง วอห์น, แม็คคอย และทีมงานจาก Bandito Brothers ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่ร่วมกับหน่วยทหารที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก แม็คคอย และ วอห์น ใช้เวลาหลายเดือนเพื่อทำความรู้จักกับสมาชิกหน่วย SEAL ในฐานทัพที่ ซานดีเอโก แคลิฟอร์เนีย กัปตัน สมิธ เผยว่า "หนทางที่ดีที่สุดในการเล่าเรื่องของพวกเรา ก็คือการให้คนนอกเข้ามาสังเกตุการณ์ด้วยตัวเอง ให้มาดูว่าพวกเราใช้ชีวิตกันยังไง Bandito Brothers มีทีมงานที่เหมาะสมที่สุด เพราะพื้นฐานของพวกเขาก็มีความเป็นนักกีฬา ผู้กำกับเองก็เคยเป็นสตันท์แมน พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่เคยเจอสภาพแวดล้อมที่อันตรายเช่นเดียวกัน" หลังจากได้ขลุกขลีกัน ทีมงานก็รู้สึกว่าตัวเองค้นพบนักรบสายพันธุ์ใหม่ ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกจากหลายหลากพื้นเพ ที่ผ่านการฝึกฝนอันแสนทรหดร่วมกัน มีความรักชาติและพวกพ้องเหนือสิ่งอื่นใด วอห์น เล่าว่า "การใช้ชีวิตของพวกเขาทำให้ผมต้องทึ่ง เพราะเมื่ออยู่ในฐานทัพพวกเขาก็ดูเป็นคนธรรมดา แต่เมื่อเวลาปฏิบัติการณ์พวกเขาก็มีความพร้อมที่สุด ผมเคยมีพื้นฐานการทำหนังแอ็คชั่น แต่เมื่อได้มากเห็น ผมก็พบว่าตัวเองไม่เคยรู้จักสังคมของนาวิกโยธินมาก่อนเลย" วอห์น เล่าต่อว่า "พวกเขาทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้... ให้เป็นไปได้ พวกเขามีสภาพร่างกายและจิตใจพร้อมกว่าคนทั่วไป ผมเองเคยเป็นสตันท์แมนมาก่อน ซึ่งหน้าที่ของผมก็คือการเสี่ยงตายอยู่แล้ว คุณต้องพร้อมที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้าหรือมอเตอร์ไซด์ จุดไฟเผาตัวเองหรือตกจากที่สูง สำหรับหน่วย SEAL ระเบียบวินัยก็อาจจะเหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาต้องเก่งที่สุดในทุกๆอย่าง" ทีมผู้สร้างใช้โอกาสในการได้ขลุกขลีกับหน่วย SEAL เพื่อมาเขียนบท ที่เกิดจากการสัมภาษณ์สมาชิกหน่วย SEAL และครอบครัวของพวกเขา ซึ่งทำให้ทีมงานภาพยนตร์และสมาชิกหน่วยมีความเชื่อใจกันมากขึ้น แม็คคอย เล่าว่า "พวกเราได้ทานอาหารร่วมกัน ดื่มเบียร์ร่วมกัน และออกไปนั่งเล่นบนชายหาด สุดท้ายแล้วมันก็ทำให้พวกเราได้ไอเดียว่า ช่วงเวลาแบบนี้จะต้องปรากฏยู่ในหนัง เพื่อทำให้คนดูได้เห็นสังคมของพวกเขาเมื่อกลับมาอยู่บ้าน" ในขณะเดียวกันสมาชิกหน่วย SEAL ก็ได้แชร์เรื่องราวของการต่อสู้ และการเสียสละที่จะทำให้คนทั่วไปต้องทึ่ง แม็คคอย เล่าว่า "จะมีใครในโลกที่ยอมรับกระสุนเพื่อช่วยชีวิตของใครอีกคน สิ่งนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา เรื่องราวเหล่านี้ช่วยยกระดับของความเป็นพี่น้องต่างสายเลือด สุดท้ายแล้วเรื่องราวที่พวกเราประทับใจ และได้ถูกเรียงร้อยเข้ามาในหนัง" แม้กระทั่ง กัปตัน สมิธ เองก็รู้สึกทึ่งไปกับเรื่องราวที่ทีมงานเขียนขึ้นมา "ฉากหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกจับใจที่สุดก็คือ ฉากที่ภรรยาของผู้หมวดร้องไห้ หลังจากที่เขาเดินออกจากประตูเพื่อไปปฏิบัติภารกิจ ผมไม่เคยรู้ถึงสิ่งนี้เลย ผมถามภรรยาของผม และเธอก็บอกว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ เธอบอกว่าวันที่ผมไปเป็นวันที่เธอทั้งโกรธ เหงา และเศร้า ผมคิดว่า Act of Valor เปิดโลกทัศน์ให้กับผม โดยเฉพาะเรื่องราวภายในครอบครัวของทหาร" หน่วย SEAL ตัวจริง เมื่อทีมงานได้เรียนรู้เรื่องราวของสมาชิกหน่วย SEAL ในซานดีเอโก สองผู้กำกับ ไมค์ แม็คคอย และ สก็อตต์ วอห์น ต้องการทิศทางใหม่ ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนในหนัง โดยแทนที่จะคัดเลือกนักแสดงเข้ามา พวกเขาต้องการสมาชิกหน่วย SEAL ตัวจริงในบทนำ แม็คคอย เผยว่า "มันกลายเป็นกฏเหล็กสำหรับเรา ที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างออกมาเที่ยงตรงที่สุด พวกเราคิดว่านักแสดงอาจไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดกับตัวตนที่แท้จริงของหน่วย SEAL" ยิ่งพวกเขาพูดคุยกันมากขึ้นเท่าไร แม็คคอย และ วอห์น ก็มั่นใจว่านี่คือหนทางเดียว ที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ วอห์น เผยว่า "เมื่อคุณพบกับสมาชิหน่วย SEAL ตัวจริง คุณก็จะรู้สึกเลยว่าพวกเขามีออร่าที่เลียนแบบไม่ได้ และพวกเขาก็มีการฝึกฝนและประจำการในกองทัพมากว่า 20 ปี ไม่มีนักแสดงคนไหนที่สามารถลอกเลียนแบบได้" ส่วนที่ยากที่สุดของสองผู้กำกับก็คือ การโน้มน้าวให้สมาชิกหน่วย SEAL เข้ามาแสดงหนัง แม็คคอย เล่าว่า ในตอนแรกพวกเขาทุกคนตอบปฏิเสธ พวกเขาบอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำ มันยอดเยี่ยมในการช่วยเราค้นคว้าหาข้อมูล แต่พวกเขาก็ต้องทำงานของตัวเอง แต่ผมก็พยายามอธิบายถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงในการสร้างหนัง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็รู้สึกว่า มันถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของหน่วย SEAL" จุดเด่นของหน่วย SEAL ก็คือการปฏิบัติภารกิจที่เด็ดขาดและรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมของพวกเขา นาวาตรี โร้ก ที่รับบทเป็นหนึ่งในหน่วย SEAL เล่าว่า "มันเป็นก้าวที่สำคัญในการทดลองทำอะไรแบบนี้ แต่มันก็ถือเป็นโอกาสที่พิเศษในการเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวเอง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ถึงแม้ นายทหาร ฝ่ายปฏิบัติการณ์พิเศษชั้นหนึ่ง เอเจย์ เจมส์ จะได้รับการแนะนำโดยตรงจากผู้บังคับบัญชา ให้เข้ามาแสดงในหนังเรื่องนี้ แต่เขาก็ลังเลที่จะรับบท "ตอนแรกผมไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจ็ค ผมไม่เคยสนใจในเรื่องแสงสี แต่ผมอยากช่วยในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ของหน่วย SEAL นี่อาจเป็นการตีแผ่ชีวิตของพวกเราที่เที่ยงตรงที่สุด ผู้กำกับมอบพื้นที่ในการสร้างเรื่องราวตามที่พวกเรารู้สึก" เหมือนกับชีวิตจริง เมื่อสองสมาชิกในหน่วย SEAL นำทีมโดย นาวาตรี โร้ก มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ หัวหน้านายทหาร ฝ่ายปฏิบัติการณ์พิเศษ เดฟ โดย แม็คคอย เล่าว่า "มีความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสองคนที่สำคัญในหนัง ซึ่งพวกเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกันในชีวิตจริงด้วย ถึงแม้ว่ายศของพวกเขาต่างกัน แต่พวกเขาก็มีความเคารพซึ่งกันและกัน การได้สำรวจความสัมพันธ์ของพวกเขาในชีวิตจริง และนำความรู้สึกนั้นมาใช้ในหนังเป็นอะไรที่น่าทึ่ง" นาวาตรี โร้ก เหมือนตัวเชื่อมระหว่างสมาชิกหน่วย SEAL กับนาวิกโยธิน วอห์น พูดถึงเขาว่า "ผมคิดว่าเขาเป็นที่สุดของทหาร เขาเป็นคนฉลาด มีการศึกษาระดับปริญญาโท เขาประจำการในรามาดี ปี 2006 และได้รับเหรียญกล้าหาญชั้น "บรอนซ์" เขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ และก็เป็นทหารที่ยิงปืนแม่นกว่าทุกคน ที่สำคัญคือเขาเอาใส่ใจสมาชิกทีมของเขาทุกคน" แม็คคอย พูดถึงต่อว่า "ในขณะเดียวกัน หัวหน้านายทหาร เดฟ ก็เป็นทหารอีกรูปแบบหนึ่ง เขาเป็นนักเล่นเซิร์ฟ พ่อที่ใจดี และเป็นบุคคลตัวอย่างของหน่วย SEAL เขาเป็นผู้ชายที่ตลกและรักครอบครัว แต่คุณไม่ต้องการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาแน่นอน ด้วยความสูง 6 ฟุต 6 และร่างกายที่แข็งแรง เดฟ สามารถพลิกยางรถแทร็คเตอร์ได้เหมือนรถจักรยาน งานของเขาก็คือการติดต่อประสารงานระหว่างสมาชิกหน่วย SEAL กับกองทัพ" แม็คคอย และ วอห์น รู้สึกแปลกใจที่ เมื่อถอดชุดทหาร เดฟ และ โร้ก ก็กลายเป็นเพื่อนกันแบบไม่มียศ วอห์น เล่าว่า "พวกเขาพูดคุยเหมือนกับผมและ ไมค์ คุยกัน ในกองทัพอื่นทหารชั้นสัญญาบัตรและประทวนจะไม่สุงสิงกัน พวกเขาเป็นเพื่อนสนิท แต่วินาทีที่สวมใส่ชุดทหาร เดฟ ก็จะเป็นคนที่รับคำสั่ง โร้ก ผมคิดว่าวัฒนธรรมนี้มีความน่าสนใจ" ทีมงานสามารถรวบรวมสมาชิกหน่วย SEAL ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลาย และความแตกต่างระหว่างนาวิกโยธินแต่ละคนที่ทำให้หน่วย SEAL เป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก เมื่อแต่ละคนต่างก็มีความสามารถพิเศษที่ช่วยส่งเสริมให้กับคนอื่นๆ แม็คคอย เล่าว่า "แต่ละคนต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน พวกเขามีตั้งแต่คนที่สูง 5 ฟุต 8 หนัก 155 ปอนด์ จนไปถึง 6 ฟุต 6 หนัก 245 ปอนด์ โดยคนตัวเล็กก็จะสามารถลอดผ่านกระจกได้ ในขณะที่คนตัวใหญ่ก็จะสามารถทำลายประตูเข้าไปได้ ไม่มีสมาชิกทีมคนไหนที่เหมือนกันภายในหน่วย SEAL" วอห์น ยกตัวอย่างถึงความพิเศษของสมาชิกหน่วย SEAL แต่ละคน โดยพูดถึง นายทหาร เอเจย์ ที่เกณฑ์ทหารในปี 2001 ว่า "ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดในทรินิแดด แต่ เอเจย์ ก็รักอเมริกามากกว่าใครหลายคนที่ผมรู้จัก เขาเป็นนักมวยไทย และก็เป็นคนตลกและมีสเหน่หNที่สุดที่คุณรู้จัก แต่คุณก็จะไม่อยากจะไปงัดข้อกับเขาแน่" นอกจากนั้นก็ยังมี ไวมี่ย์ นักแม่นปินประจำทีม วอห์น ที่เฝ้าสังเกตุเขาอยู่เล่าว่า "ความอดทนของ ไวมี่ย์ เป็นที่หนึ่งในโลก เขาสามารถอยู่บนดาดฟ้าได้ทั้งวัน เพื่อรอช่วงเวลาสองวินาทีที่ให้เขามีโอกาสในการยิง เขาเป็นคนมองโลกในแง่มุมของปฏิบัติการณ์ทั้งหมด เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นสมาชิกหน่วย SEAL" สมาชิกที่รับผิดชอบในการสื่อสารก็คือ เรย์ โดย แม็คคอย พูดถึงบุคลิกของนาวิกโยธินคนนี้ว่า "ถึงแม้ว่าจะทำหน้าที่สื่อสาร แต่เขาเป็นคนพูดน้อย เรย์ มีความสามารถรอบด้าน และสามารถต่อสู้ได้ไม่ต่างจากสมาชิกทีมคนอื่น และเขาก็ยังเป็นคนที่ถ่อมตัวที่สุดอีกด้วย" สมาชิกที่เป็นพลกำลังของหน่วยก็คือ ซอนนี่ โดย วอห์น พูดถึงเขาว่า "เขาเป็นผู้ชายที่เจ๋งและอันตรายที่สุดเท่าที่ผมเคยพบ เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ซอนนี่ เป็นคนติดดินและพร้อมที่จะมีช่วงเวลาที่ดีตลอดเวลา ช่วงเวลาปกติเขาจะดูผ่อนคลาย ยิ้ม และหัวเราะตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลารบเขาก็จะเป็นคนที่คุณไว้ใจได้มากที่สุด" สมาชิกคนสุดท้ายก็คือ ไมกี้ ที่ แม็คคอย ไม่เคยนึกเลยว่าจะเป็นสมาชิกหน่วย SEAL "เขาเป็นนักขี่จักรยานภูเขาระดับโลก เขาเป็นนักโต้คลื่น และเป็นกะลาสี เขาเป็นผู้ชายที่อยู่นอกร่มตลอดเวลา เขายังสะสมของเล่นจากทั่วโลกในโรงรถ และเป็นสมาชิกหน่วย SEAL มานานกว่า 21 ปีแล้ว" สมาชิกหน่วย SEAL ทุกคนที่นำแสดง ไม่ต้องการที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นนักแสดง พวกเขาเผยว่าสิ่งที่ทำในหนังส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งที่พวกเขาทำในชีวิตประจำวัน เอเจย์ เล่าว่า "ส่วนที่ยากที่สุดก็คือการจำบทพูด การวิ่ง ยิง เคลื่อนพล สื่อสาร ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราทำกันจนชิน แต่การนั่งคุยกับคนอื่นและทำให้ป็นธรรมชาติ นั้นแหละคือความท้าทายสำหรับผม" การได้เห็นตัวเองในหนัง โร้ก ต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่จะรู้สึกชิน "เมื่อคุณได้ยินเสียงตัวเองในเครื่องตอบรับ คุณก็จะไม่ชอบน้ำเสียงของตัวเอง ผมคิดว่าทุกคนก็คงรู้สึกแบบนั้น และยิ่งคุณได้เห็นตัวเองบนจอขนาด 50 ฟุต ทุกอย่างก็จะต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ท้ายที่สุดแล้ว ผมคิดว่าพวกเราได้ทำเต็มความสามารถ และก็ตื่นเต้นกับทุกอย่างที่ออกมา" ตัวละครที่ไม่ได้รับบทเป็นสมาชิกหน่วย SEAL ก็ได้นักแสดงฮอลลิวู้ดเข้ามารับบท ซึ่งก็รวมถึง โรซาลีน ซานเชส ที่มีผลงานในหนังบล็อคบัสเตอร์อย่าง Rush Hour 2, The Game Plan รวมถึงซีรี่ย์ชื่อดัง Without a Trace โดย วอห์น ได้พูดถึงการตัดสินใจนี้ว่า "พวกเราพยายามหานักแสดงที่เหมาะสมกับบทมากที่สุด โดยเขาหรือเธอจะต้องสามารถเข้าไปในโลกของนาวิกโยธินให้ได้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นต้องรับบทเป็นตัวเอง" ทีมสร้าง ไมค์ แม็คคอย (ผู้กำกับร่วม / อำนวยการสร้าง) เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซด์, สตันท์แมน, ผู้อำนวยการสร้าง และผู้กำกับ โดยเขาเคยกำกับโฆษณาที่ตื่นเต้นเร้าใจให้กับแบรนด์ดังอย่าง Toyota, Kia, Lexus, BMW, NASCAR, Pirelli และ BF Goodrich รวมถึงผลงานการกำกับล่าสุดของเขาก็คือสารคดีขนาดสั้นให้กับนาวิกโยธินสหรัฐ แม็คคอย เผยว่าเขาเกิดมาคู่กับมอเตอร์ไซด์ โดยเขาได้รับมอเตอร์ไซด์เป็นของขวัญวันเกิด 3 ขวบ และเริ่มลงแข่งขันตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ และก็ได้เติบโตขึ้นมาเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซด์วิบากที่เก่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน โดยได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันระดับโลกอย่าง Baja 500 และ Baja 1000 หลังจากเขาวางมือจากวงการมอเตอร์ไซด์ แม็คคอย ก็ได้เข้ามาในอุตสาหกรรมบันเทิง โดยกลายเป็นหนึ่งในสตันท์แมนที่ได้วางใจได้มากที่สุดของฮอลลิวู้ด เขาได้ทำงานร่วมกับสุดยอดผู้กำกับมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โทนี่ สก็อตต์, ร็อบ โคเฮน และ จอห์น แม็คเทียร์แนน ก่อนที่ในปี 2004 เขาจะได้รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับ Dust to Glory สารคดีขนาดยาวที่พูดถึงการแข่งขัน Baja 1000 สก็อตต์ วอห์น (ผู้กำกับร่วม / อำนวยการสร้าง / ตัดต่อ) เขาถือว่าเป็นคนที่อยู่ในวงการตั้งแต่เด็ก ลูกชายของ เฟร็ด วอห์น นักแสดงที่รับบทเป็นสไปเดอร์แมนคนแรก สก็อตต์ เริ่มเข้ามาในวงการตั้งแต่อายุ 12 โดยหลังจากสำเร็จการศึกษาจาก University of California เขาก็ได้ทำงานเป็นผู้อำนวยการสร้าง, ผู้กำกับ, ผู้ตัดต่อ, ช่างกล้อง และสตันท์แมน ในเดือนมกราคม 2012 Variety ก็ได้ใส่ชื่อเขาเป็นหนึ่งใน 10 ผู้กำกับที่น่าจับตามอง สก็อตต์ เริ่มเป็นสตันท์แมนตั้งแต่ปี 1982 และวางมือในปี 2005 เขาทำงานในหนังมากกว่า 150 เรื่อง และเคยร่วมงานกับสุดยอดผู้กำกับมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิล มานน์, สตีเว่น สปีลเบิร์ก และ โอลิเวอร์ สโตน หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับโฆษณา ผลิตโฆษณาให้กับกองทัพสหรัฐทุกเหล่า ไม่ว่าจะเป็น นาวิกโยธิน, กองทัพอากาศ, และกองทัพเรือ โดยเขายังทำโฆษณาให้กับเกมชื่อดังอย่าง Battlefield 3 และ Medal of Honor ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง สก็อตต์ ก็มีผลงานทั้งในรูปแบบสารคดีและภาพยนตร์ Step into Liquid ได้รับรางวัลสารคดีขวัญใจผู้ชมจาก Maui Film Festival และ Seville Film Festival ในขณะที่หนังที่เขากำกับอย่าง Dust to Glory ได้รับรางวัลหนังแอ็คชั่นยอดเยี่ยมจากนิตยสาร Men's Journal เคิร์ต จอห์นสแตด (ผู้เขียนบท) ผลงาน >>> 300 เชน เฮิร์ลบัท (ผู้กำกับภาพ) ผลงาน >>> Terminator Salvation, We Are Marshall, Into the Blue จอห์น แซ็คเคอรี่ย์ (ผู้ออกแบบงานสร้าง) ผลงาน >>> Wonderland

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ