กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--C.A. INFO MEDIA
นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ศ.ศ.ป.ให้ความสำคัญกับการ “พัฒนางานศิลปาชีพให้เป็นที่ยอมรับ และพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของตลาด” จึงจัดทำโครงการนำร่อง“พัฒนาหมู่บ้านหัตถกรรม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิถีชีวิตชุมชน (Capital of Arts & Craft)” เนื่องจากในอดีต กลุ่มผู้ประกอบการงานศิลปหัตถกรรมไทย จะใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง โดยอาจไม่มีความรู้ในเรื่องของความต้องการตลาดมากเท่าที่ควร ดังนั้น เพื่อมุ่งให้งานศิลปหัตกรรมไทยได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และมีความสามารถในเชิงพาณิชย์ อีกทั้งจัดจำหน่ายได้ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ การดำเนินการพัฒนา โครงการหมู่บ้านหัตถกรรม (Capital of Arts & Craft) จะเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญ เพียงแต่ต้องอาศัยเวลา และกระบวนการที่จะเข้าไปให้ความรู้ และเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนครูช่างไทย หากแต่ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ดังนั้น จึงได้ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการสร้างเครือข่ายพันธมิตรหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Business Network) และความร่วมมือ (Cooperation) ระหว่าง ผู้ผลิต/หมู่บ้าน/ชุมชน/เมือง องค์กรส่งเสริมศิลปหัตถกรรม เครือข่ายภาคธุรกิจของไทย กับประเทศพันธมิตร โดยมี ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) กับองค์กรพันธมิตรในต่างประเทศ เป็นผู้ส่งเสริม ให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาหมู่บ้านศิลปหัตถกรรม บนฐานความรู้ (Knowledge Base Community) พอเพียง (Sufficiency) สมดุล (Balance) และยั่งยืน (Sustainable) เพื่อสร้างอาชีพ สร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน โดยเริ่มนำร่องด้วยโครงการ “ปลุกตลาดมีดอรัญญิก อยุธยา” โดยเชื่อมโยงกับกับ “หมู่บ้านญี่ปุ่น คือ Knife Village, Takefu Town, Echizen City, Fukui Prefecture” เพื่อเกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ วัฒนธรรมพฤติกรรมผู้บริโภค แนวคิด เทคโนโลยี เทคนิก อุปกรณ์ ที่เหมาะสม ประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไทยที่ตอบโจทย์ตลาดในอนาคต โดยไม่ทิ้งความเป็น เอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ (Identity) ของท้องถิ่น นำไปสู่การเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง อย่างยั่งยืน