กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,754 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,754 เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.62 ราคาสมาคมเปิดที่ 25,400 บาท กับ 25,500 บาท และกลับมาปิดที่ 25,350 บาท กับ 25,450 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4,314 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 10,267 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 19 คู่สัญญา ปริมาณการซื้อขาย Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง0.5% แบบ 10 บาท ลดลง 6% GFG12 ปิดที่ 25,550 บาท เและ GFJ12 ปิดที่ 25,760 บาท และ GF10G12 ปิดที่ 25,550 บาท และ GF10J12 ปิดที่ 25,760 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 12.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,771.3 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 17.5 เซนต์ ปิดที่ระดับ 34.254 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำที่ 1,281.58 ตัน (คงทองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ระดับ 106.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 27.02 จุดปิดที่ระดับ 12,938.67 จุด
Ratio Gold / Silver เท่ากับ 51.7 ต่อ 1
ข่าวที่สำคัญ
- เยอรมนีขายพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีได้ 4.282 พันล้านยูโรในวันนี้ โดยให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 0.25% เพิ่มขึ้นจาก 0.17% ในการประมูลเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา การประมูลครั้งนี้มีความต้องการซื้อพันธบัตรสูงกว่ามูลค่าที่นำออกประมูลอยู่ 1.8 เท่า เทียบกับ 2.2 เท่าในการประมูลครั้งก่อนเมื่อเดือนที่แล้ว
- ฟิทช์ เรตติงส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซจาก "CCC" สู่ระดับ "C" โดยให้เหตุผลว่ามีโอกาสสูงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ในระยะเวลาอันใกล้ ฟิทช์ลดเครดิตกรีซหลังจากที่มีการประกาศรายละเอียดของข้อตกลงสว็อปหนี้กรีซกับเจ้าหนี้เอกชน โดยข้อตกลงระบุว่า ธนาคารและเจ้าหนี้เอกชนยอมรับการปรับลดมูลค่าหนี้กรีซที่ถือครองอยู่ 1.07 แสนล้านยูโร (1.41 แสนล้านดอลลาร์)
- มาร์กิต อิโคโนมิกส์ รายงานว่า ภาคการผลิตและภาคบริการยูโรโซนหดตัวเหนือความคาดหมายในเดือนกุมภาพันธ์ หลังเศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวในไตรมาส 4 และการที่รัฐบาลหลายประเทศลดงบประมาณเพื่อต่อสู้กับวิกฤตหนี้สินส่งผลกระทบ ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการประเมินเบื้องต้นของมาร์กิตนั้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงสู่ระดับ 49.7 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ จาก 50.4 จุดในเดือนมกราคม สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 50.5 จุด และตัวเลขต่ำกว่า 50 จุดถือว่าอยู่ในภาวะหดตัว
- สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.เพิ่มสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้นในเดือนม.ค.สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งและปริมาณบ้านในตลาดอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปีทั้งนี้ ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 4.3% สู่ 4.57 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.ซึ่งเป้นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2010 นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่า ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 4.66 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นจาก 4.38ล้านยูนิต
- เงินปอนด์ร่วงลงหลังจากรายงานการประชุมของของธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า นายอดัม โพเซน และนายเดวิด ไมล์ส กรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางได้สนับสนุนให้มีการขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์ ในขณะที่กรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนให้ขยายโครงการ QE อีก 5 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งแม้ว่ามาตรการ QE จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในอีกทางหนึ่งก็จะกดดันมูลค่าของสกุลเงินปอนด์ด้วย
- นายยูกิยะ อะมาโน ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) เปิดเผยว่า IAEA ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ กับอิหร่านในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ ในระหว่างการเดินทางไปยังกรุงเตหะรานรอบที่ 2 ของคณะเจ้าหน้าที่ IAEA โดยการเดินทางเยือนครั้งแรกของ IAEA มีขึ้นเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา "มีความความพยายามอย่างหนักในการบรรลุข้อตกลงเพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่การบรรลุข้อตกลงใดๆในเรื่องนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนที่ผ่านมา
- Existing Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 4.38 M คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 4.66M ตัวเลขจริงออกมา 4.57M
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
-Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 348K คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 352K
-Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ -0.2 M คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.9 M
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — โดยภาพรวมราคาทองคำดีดตัวสูงขึ้นและทรงตัวในตลาดเอเชีย ระหว่าง 1,750-1,757 เหรียญ โดยราคาทองคำมาดีดตัวสูงขึ้นท้ายตลาด Comex เรียกว่าดีดในช่วงประมาณเที่ยงคืนขึ้นไป ทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,765 เหรียญขึ้นไปได้ ราคา ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1,774 เหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 เดือนกว่า 3 อาทิตย์ บ่งบอกถึงสัญญาณกระทิงระยะกลางและระยะยาวตามที่ได้วิเคราะห์ไว้แล้ว ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทั้งตลาดโกล์ดฟิวเจอร์และทองคำแท่ง โดยที่ราคาทองคำแท่งของไทยจะถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท หลังจากที่หลุดระดับ 30.70 บาท/ดอลลาร์ ลงมา และทรงตัวที่ระดับ 30.57 บาท/ดอลลาร์ ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 30.54 บาท/ดอลลาร์โดยที่เงินบาทแข็งค่าในขณะที่ทองคำปรับตัวสูงขึ้น วิเคราะห์ได้ว่า ราคาทองคำน่าจะสามารถขึ้นต่อเนื่องได้ โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 1,800 เหรียญ โดยที่นักลงทุนย้ายการลงทุนจากสกุลเงินยูโรเข้าสู่ทองคำ หลังการอัดฉีดเม็ดเงินช่วยเหลือกรีซและมีข่าวการทำ QE 2 ของยุโรปเข้ามา ทองคำมีแนวรับที่ระดับ 1,740 เหรียญ
Gold Futures G12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,800 บาท
Gold Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,000 บาท
Silver Futures G12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,020 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,060 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
เก็งกำไรในภาวะการณ์แกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น แนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,800 เหรียญ และแนวรับที่ระดับ 1,740 เหรียญ ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวและขายทำกำไรเมื่อราคาชนแนวต้านสำคัญ
นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
เป็นลักษณะการทยอยเข้าซื้อสะสม ถือครองพอร์ทที่ 60%
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
เป็นลักษณะการเข้าซื้อสะสม ถือครองพอร์ทที่ 50 % ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 1,850 เหรียญ สำหรับนักลงทุนระยะยาว
สรุปได้ว่า นักลงทุนที่ถือ Series G ให้ทยอยปิดออก ถ้าต้องการจะถือต่อแนะนำให้เปิดใน Series J ก่อนที่ Series G จะหมดอายุในอีก 3 วันทำการ
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง