งบประมาณ การเพิ่มขยายของดาต้าและระบบรักษาความปลอดภัย

ข่าวเทคโนโลยี Monday February 27, 2012 09:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง ปัจจุบันนี้ ไอทีกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทาย 3 ประการที่กำลังขยายผลเพิ่มขึ้นคือ - งบประมาณ — องค์กรธุรกิจเกือบทั้งหมดใช้งบประมาณราว 75 เปอร์เซ็นต์ของงบไอทีทั้งหมดในการบำรุงรักษาระบบ และใช้อีก 25 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือกับนวตกรรมล่าสุด - การเพิ่มขยายของดาต้า — เราไม่สามารถควบคุมการขยายตัวของดาต้า ในอีก 10 ปีข้างหน้า มีการคาดการณ์ปริมาณของข้อมูลเพิ่มขึ้น 20 เท่า ในขณะที่พนักงานด้านไอทีจะขยายเพียง 1.5 เท่า - และดาต้าที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้โดยอาชญากรไซเบอร์ ซึ่งสร้างปัญหาด้านความปลอดภัย คลาวด์ขับเคลื่อนไอทีโฉมใหม่ที่จะขจัดความท้าทายเหล่านี้ คลาวด์คือคำตอบของความท้าทายทั้งหลาย และเป็นปัจจัยพื้นฐานของการปรับเปลี่ยนด้านไอที เพราะคลาวด์ช่วยจัดระเบียบการใช้งบประมาณมากขึ้นด้านนวตกรรม — มากขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ — เพื่อจัดการกับความท้าทายในการจัดการข้อมูลที่ทุกคนเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไพรเวท คลาวด์ เมื่อเกิดการเคลื่อนย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ สิ่งแรกที่จะทำคือการสร้างไพรเวท คลาวด์ — และปัจจัยพื้นฐานของการปรับเปลี่ยนนี้คือเวอร์ช่วลไลเซชั่น: การผสานโครงสร้างพื้นฐานสตรอเรจกับสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ผู้ใข้งานจะปรับสภาพแอพพลิเคชั่นระดับ 2 และ 3 ให้เป็นระบบเสมือนจริงก่อน เพื่อเพิ่มความสามารถในการประหยัดงบประมาณ จากนั้นเขาก็จะเคลื่อนย้ายแอพพลิเคชั่น ที่เป็น mission-critical สำหรับการพัฒนาระดับการให้บริการ ผู้ให้บริการและไฮบริด คลาวด์ หลังจากสร้างระบบไพรเวท คลาวด์แล้ว ผู้ใช้ย่อมต้องการที่จะย้ายไปสู่ระบบไฮบริด คลาวด์ ไฮบริด คลาวด์คือการเชื่อมไพรเวท คลาวด์กับพับลิค คลาวด์เข้าด้วยกัน อีเอ็มซีทำงานร่วมกับผู้ให้บริการกว่า 40 รายทั่วโลก ที่กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานไพรเวท คลาวด์ ที่ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับที่อีเอ็มซีให้คำแนะนำสำหรับการสร้างไพรเวท คลาวด์ ทำให้เขาสามารถให้บริการไอทีในราคาที่ถูกได้ การจัดการและการจัดสรร การสร้างไฮบริด คลาวด์ ปัจจัยหลักคือไฮบริด เทคโนโลยี ดังนั้น สิ่งแรกฝ่ายไอทีต้องจัดการ resources แบบรีโมทบนระบบพลับบลิค คลาวด์ แบบเดียวกับการจัดการ resources บนระบบไพรเวท คลาวด์ — การจัดการจึงเป็นสิ่งสำคัญ อันดับที่สอง แอพพลิเคชั่นและดาต้า จำเป็นต้องถูกเคลื่อนย้ายตลอดเวลา ดังนั้น การจัดสรรสิ่งเหล่านี้ไปทั่วระบบไพรเวท และพลับบลิค คลาวด์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก ความไว้วางใจ: การเข้าถึงและการควบคุม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความไว้วางใจ คุณมีแอพพลิเคชั่นที่ทำงานอยู่บนพลับบลิค คลาวด์ — คำถามคือ คุณสามารถเข้าถึง และคุณสามารถควบคุมในระดับที่วางใจบนระบบพลับบลิค คลาวด์ ให้จัดส่งแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไปให้ยูสเซอร์ โซลูชั่น อาร์เอสเอ (RSA) ทำสิ่งนั้นให้คุณได้ เคลื่อนย้ายแอพพลิเคชั่นต่างๆ เมื่อคุณสร้างไพรเวท คลาวด์ คุณก็อยู่ในสถานะที่จะเคลื่อนย้ายแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ มีเหตุผลมากมายที่ทำให้แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นเคลื่อนย้าย ค่าใช้จ่าย — ผู้ให้บริการสามารถให้บริการไอทีในราคาที่ต่ำกว่า หรืออาจจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขยายเวิร์ดโหลดตามความต้องการของผู้ใช้งาน สร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ โครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ช่วลนี้เป็นตัวแทนของแพลทฟอร์มสำหรับแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นบนกรอบที่ทันสมัยขึ้น อาทิ Ruby, Node และ PHP แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ เหล่านี้จะนำธุรกิจไปสู่ทศวรรษหน้า การเข้าถึงจากอุปกรณ์ใดก็ได้ ในปัจจุบันนี้การเข้าถึงแอพพลิเคชั่นเหล่านี้เกิดจากอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ใช่เฉพาะ พีซี เท่านั้น — มันรวมถึง แทบเล็ตและสมาร์ทโฟน พนักงานคาดหวังที่จะเข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้จากอุปกรณ์อะไรก็ได้ที่เขาใช้ ดังนั้น Virtual Desktop Technology จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่สำคัญ คุณต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเวอร์ช่วลที่สามารถสนับสนุนการใช้งานเวอร์ช่วล เดสก์ทอป อีกขั้นของระบบไอที สิ่งที่จำเป็นอย่างมากคือการสร้างขั้นใหม่ของไอที เรามีโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แอพพลิเคชั่นใหม่ และการเข้าถึงรูปแบบใหม่ และไม่เคยมีมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ไอที ที่เราจะเห็นการปรับเปลี่ยนขั้นในเวลาเดียวกัน แต่วันนี้มันเป็นความจริงที่น่าตื่นเต้น และระยะเวลาของการขับเคลื่อนในไอที — และเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมสำหรับอีเอ็มซี การให้บริการไอที จริงๆ แล้ว สิ่งที่ไอทีต้องการทำคือการให้บริการไอที ในอนาคตอันใกล้ เขาจะทำให้ขั้นตอนใหม่ๆ ทั้งสามนี้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ จากนั้นทรัพยากรต่างๆ ก็สามารถจัดสรรและเข้าถึงอย่างง่ายๆ แบบที่ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ เช่น กูเกิล และอะเมซอน อีเอ็มซีเพื่อคลาวด์ อีเอ็มซีอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะชี้นำในส่วนการประมวลผลคลาวด์ อันดับแรก เราเป็นผู้มีประสิทธิภาพมากที่สุดรายหนึ่ง — เราสามารถสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานที่คุ้มค่า อันดับสอง เราสามารถควบคุมไอทีได้ รวมถึงการควบคุมทรัพยากรต่างๆ และความต้องการด้านการจัดการ และสุดท้ายคือ ตัวเลือก ธุรกิจใหญ่ๆ ขับเคลื่อนการทำธุรกิจ ปัจจุบันนี้ ชัดเจนว่าเราเห็นว่าการประมวลผลคลาวด์ขับเคลื่อนไอทีอย่างไร แต่บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราจะเห็นบิ๊ก ดาต้าขับเคลื่อนธุรกิจ เครื่องกลที่สร้างดาต้าในทศวรรษหน้าจะไม่เพียงแค่ทำให้เกิดความท้าทายอย่างมหาศาลสำหรับไอที แต่สร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน การขยายแหล่งดาต้า บิ๊ก ดาต้า หมายถึงอะไร และมาจากไหน มันไม่ได้มาจากแหล่งดาต้าแบบเดิม มันไม่ใช่ดาต้าที่มีความเกี่ยวข้องกัน — มันเป็นดาต้าที่ไม่มีรูปแบบ — เช่นข้อมูลภูมิศาสตร์ ข้อมูลกายภาพ มีเดียและความบันเทิง นี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น ภาพยนต์ เรื่อง “Avatar” ใช้ข้อมูลประมาณ 1.5 เพทาไบท์ ดังนั้น จึงมีข้อมูลและการขยายตัวของแหล่งบิ๊ก ดาต้าจากที่แหล่งต้นทาง สตรอเรจสำหรับบิ๊ก ดาต้า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ต้องการการออกแบบใหม่เช่นสตรอเรจ เราต้องการสตรอเรจที่มีการออกแบบสำหรับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่มีรูปแบบ ในขณะเดียวกัน ต้องไม่เทอะทะและสามารถขยายขนาดสตรอเรจได้ง่าย ระบบวิเคราะห์บิ๊ก ดาต้า สำหรับบิ๊ก ดาต้าแล้ว ระบบวิเคราะห์ก็จำเป็นนอกเหนือไปจากสตรอเรจ ลองจินตนาการดูว่าหากเราสามารถทำธุรกิจและสืบค้นได้แบบเดียวกับที่ใช้กับกูเกิล — ค้นหาข้อมูลจากเอกสารเป็นล้านๆ หน้าและได้ผลลัพท์แบบเรียลไทม์ และนั่นคือหน้าที่ของระบบวิเคราะห์บิ๊ก ดาต้า การวิเคราะห์เชิงวิทยาการ การสืบค้นไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ต้องการ เมื่อคุณมีจำนวนข้อมูลมหาศาล คุณต้องการนักวิเคราะห์เขิงวิทยากรเพื่อให้คำตอบเชิงธุรกิจว่าทำอะไรได้บ้างจากดาต้าเหล่านี้ การวิเคราะห์เชิงวิทยาการกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ด้วยนักวิเคราะห์เชิงวิทยาการ และสำหรับอีเอ็มซีแล้วเราต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์สูงสุดให้กับนักวิเคราะห์เชิงวิทยาการนี้ ความร่วมมือ ลองจินตนาการต่อว่าหากคุณสามารถเชื่อมโยงนักวิเคราะห์เชิงวิทยากรแบบเดียวกับสังคมเฟซบุ๊ค สถานที่ๆ พวกเขาสามารถสร้างชุดดาต้ามากมาย แชร์ชุดดาต้าเหล่านั้น และประสานงานกันด้วยชุดดาต้านั้นๆ เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่แต่ละคนมีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจในเวลาที่ใช่ คาดการณ์ได้และฝังมากับระบบ สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการสำหรับบิ๊ก ดาต้าคือเราต้องการนำเสนอบิ๊ก ดาต้าในจังหวะที่ใช่ ที่มีอิทธิพลมากที่สุดกับธุรกิจ เหมือนกับอะเมซอน คุณได้รับคำแนะนำในวันเดียวกับที่คุณสั่งซื้อ เราต้องการทำแบบเดียวกันนี้กับแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจ — ทุกครั้งที่ผู้บริหารกำลังตัดสินใจ เราต้องการให้เขามีดาต้าที่ถูกต้องตลอดเวลา เส้นทางสู่บิ๊ก ดาต้า เราเรียกสิ่งนี้ว่า เส้นทางสู่บิ๊ก ดาต้า สิ่งแรกเลยคือการวิเคราะห์ดาต้า ตามมาด้วยสภาพแวดล้อมเชิงบูรณาการ — การเพิ่มศักยภาพของนักวิเคราะห์เชิงวิทยาการขององค์กร และท้ายสุด การฝังดาต้านั้นลงไปในแอพพลิเคชั่นสำหรับนักธุรกิจเพื่อให้ตัดสินใจได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น พันธมิตร อีเอ็มซีทำอย่างไรที่จะนำเสนอเทคโนโลยี นวตกรรม ผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นและบริการชั้นนำเพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้นให้กับลูกค้า เราทำได้ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดและลึกซึ้งกับพันธมิตร ด้วยการเสริมศักยภาพเครือข่ายด้านยุทธศาสตร์ และการได้รับความไว้วางใจ เพราะพันธมิตรเหล่านี้สามารถช่วยลูกค้าให้เร่งความเร็วในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจได้ คลาวด์ขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนด้านไอที บิ๊ก ดาต้าขับเคลื่อนการปรับปลี่ยนธุรกิจ บทสรุปคือเรื่องราวของอีเอ็มซี ที่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนคลาวด์ในการปรับเปลี่ยนไอที ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนอย่างมโหฬาร และเป็นการจัดขั้นของไอทีใหม่ และเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบิ๊ก ดาต้าที่ปรับเปลี่ยนความท้าทายของธุรกิจ และสิ่งนี้จะนำเสนอโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า หรือมากกว่านั้น
แท็ก นวตกรรม   ไอที  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ