กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--กกพ.
สำนักงาน กกพ. เผยความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า กกพ.เห็นชอบแล้ว 17 กองทุน ส่วนที่เหลือคาดแล้วเสร็จไม่เกินเมษายน 2555 พร้อมแบ่งกรอบการพิจารณาการจัดสรรเงินเพื่อพัฒนาชุมชน 11 ด้านเพื่อการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน
นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า “ขณะนี้การจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้าภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จกว่า 95% นอกจากนี้มีกองทุนพัฒนาไฟฟ้าที่ได้รับการเห็นชอบการแต่งตั้งจาก กกพ.แล้ว 17 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนประเภท ก ที่มีปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้า มากกว่า 5,000 ล้านหน่วยต่อปี ปริมาณเงินที่ได้รับมากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี จำนวน 6 กองทุน ได้แก่ กองทุนโรงไฟฟ้า จะนะ กองทุนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ กองทุนจังหวัดนครศรีธรรมราช 1 กองทุนจังหวัดสระบุรี 1 กองทุนเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง กองทุนโรงไฟฟ้าบางปะกง และกองทุนประเภท ข ที่มีปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้ามากกว่า 100 ล้านหน่วยต่อปี แต่ไม่เกิน 5,000 ล้านหน่วย ซึ่งจะได้รับเงิน ระหว่าง 1-50 ล้านบาทต่อปี จำนวน 11 กองทุน ได้แก่ กองทุนโรงไฟฟ้ากระบี่ กองทุนโรงไฟฟ้าน้ำพอง กองทุนโรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น กองทุนบริษัท กัลฟ์ ยะลากรีน กองทุนโรงกลั่นน้ำมันบางจาก กองทุนบริษัท ภูเขียว ไบโอ-เอ็นเนอร์ยี่ กองทุนจังหวัดร้อยเอ็ด 1 กองทุนบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ กองทุนจังหวัดปราจีนบุรี 1 และ 2 กองทุนจังหวัดระยอง 1 ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการพิจารณาแต่งตั้งจาก กกพ. ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จครบ 38 กองทุน ไม่เกินเมษายน 2555 นี้”
ด้านแหล่งที่มาของเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้านั้น นางสาวนฤภัทรกล่าวเพิ่มเติมว่า “เงินที่ได้จะมาจากผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าที่นำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามประเภทเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าในอัตรา 1-2 สตางค์/หน่วย โดยจำนวนเงินตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 จนถึงปัจจุบันมีกว่า2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการจัดสรรให้คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า หรือ คพรฟ. บริหารงาน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ตามที่ กกพ. กำหนด กล่าวคือ เป็นค่าบริหารจัดการของ คพรฟ. ไม่เกินร้อยละ 15 แล้วแต่ขนาดของกองทุน อีกหนึ่งส่วนคือค่าดำเนินโครงการชุมชนจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 จะรอจ่ายให้กับกองทุนฯ ที่มีการทำแผนงานประจำปีเข้ามาเพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่ฯ ตามความต้องการของประชาชนภายใต้กรอบการจัดสรรเงินใน 11 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะ การพัฒนาอาชีพ การพัฒนาการเกษตร การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น การพัฒนาชุมชน การอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม การใช้จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน การพัฒนาศักยภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน และ โครงการและแผนงานอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ประกาศตามที่ กกพ.เห็นชอบ โดยโครงการชุมชนดังกล่าวจะมาจากการประชาคมหมู่บ้านหรือตำบลและจะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกองทุนในพื้นที่เพื่อเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่เพื่อให้ความคิดเห็นประกอบก่อนที่จะนำมาเสนอต่อ กกพ. เพื่อพิจารณาในการจ่ายเงินเข้ากองทุนต่อไป”