ภาวะตลาดทองคำ Gold Futures by Classic Gold Futures

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 15, 2012 09:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส Price Movement ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดที่ 1,642.90 USDต่อออนซ์ ลดลง 51.30 USDต่ออออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,634.70 — 1,682.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำในตลาดที่ COMEX ร่วงลงต่ำสุดบริเวณ 1,634 USDต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเทคนิคเมื่อหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,656 และจากผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ เมื่อ FED ออกมาระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรือ QE3 อีก รวมถึงการแข็งค่าของเงิน USD นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนในทองคำ และเห็นว่าราคาทองคำอาจร่วงลงได้อีก เมื่อหลุดเส้น MA 200 วันและแนวรับสำคัญบริเวณ 1,656 ส่วนราคาทองคำในช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวบริเวณ 1,640 USDต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการ rebound ขึ้นจากการปรับลดลงแรงเมื่อคืนนี้ ปัจจัยลบในวันนี้ ได้แก่ ความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลงค่อนข้างแรง หรือ hard landing จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง การที่อังกฤษถูกสถาบันจัดอันดับมีมุมมองเชิงลบต่อฐานะการเงินและอาจสูญเสียอันดับเครดิตในระดับสูงสุด คาดว่าวันนนี้โมีแนวต้านแรกบริเวณ 1,656 และถัดไปบริเวณ 1,665 การลงไปทำ Low บริเวณ 1,634 ซึ่งต่ำกว่า low เดิมที่ 1,662 ส่งสัญญาณ bearish มากขึ้น คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 1,625 และถัดไปบริเวณ 1,600 แนะนำ นักลงทุนระยะยาว buy the dip เมื่อราคาปรับลดลงบริเวณแนวรับ 1,600 ส่วนนักลงทุนระยะสั้นปิด Long เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้าน หรือ Trading ในกรอบ 1,600 — 1,665 Technical Analysis ราคามีแนวโน้มเป็นขาลง และยังไม่มีสัญญาณการกลับตัว ต้องรอให้จบรอบขาลง และสร้างฐานได้ก่อนค่อยเข้าซื้อ โดยมีแนวต้านแรกบริเวณ 1,656 และถัดไปบริเวณ 1,665 การกลับมายืนเหนือเส้น MA 200 วัน และบริเวณแนวต้านทางจิตวิทยาบริเวณ 1,700 ได้จะส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนการปรับลดลงต่ำกว่า 1,600 จะส่งสัญญาณ bearish มากขึ้น และมีเป้าหมายการลงลึกมากขึ้นถึงระดับ 1,522 ซึ่งเป็น low เดิมในช่วงปลายเดือนธ.ค. คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 1,625 และถัดไปบริเวณ 1,600 แนะนำ นักลงทุนระยะยาว buy the dip เมื่อราคาปรับลดลงบริเวณแนวรับ 1,600 ส่วนนักลงทุนระยะสั้นปิด Long เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้าน หรือ Trading ในกรอบ 1,600 — 1,665 Key Point in Precious Market - ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่ การแข็งค่าของเงิน USD จากผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดคงไม่ส่งสัญญาณการมี QE 3 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การเปิดเผย Stress Test ของเฟดระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่มีเงินทุนที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และขายสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงิน USD และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ปัจจัยลบในวันนี้ ได้แก่ ความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลงค่อนข้างแรง หรือ hard landing จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง การที่อังกฤษถูกสถาบันจัดอันดับมีมุมมองเชิงลบต่อฐานะการเงินและอาจสูญเสียอันดับเครดิตในระดับสูงสุดส่วนปัจจัยบวก ราคาน้ำมันปรับลดลง ได้แก่ การเข้าซื้อของนักลงทุนระยะยาว buy the dip - ประเด็นที่ต้องติดตาม การที่ยูโรโซนจะเพิ่มขนาดกองทุนช่วยเหลือถาวรของยุโรปก่อนสิ้นเดือนนี้หรือไม่ ในการประชุมวันที่ 30/31 มี.ค. - การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพฤหัสบดี ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมี.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนม.ค. ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนมี.ค. วันศุกร์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมี.ค. - SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,293.27 ตัน ราคาโลหะเงินปิดลดลง 1.40 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 32.18 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.63 — 33.47 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะจำนวนเท่าเดิม 9,752.67ตัน ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 31.5/ 30.5 แนวต้านบริเวณ 32.5/ 33.5 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 30.5 — 33.5

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ