(ต่อ3): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอ TROY

ข่าวทั่วไป Thursday April 29, 2004 11:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
เครื่องแต่งกาย
เช่นเดียวกับปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมดของการสร้าง ความสมจริงนับเป็นเรื่องสำคัญในการออกแบบเสื้อผ้าหลายพันชุดที่ต้องใช้สำหรับนักแสดง นักแสดงสตันท์ และตัวประกอบ จำนวนมหาศาล ของเรื่อง Troy อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จึงมีข้อมูลอ้างอิงที่ยังคงหลงเหลืออยู่น้อยมาก การบรรยายของโฮเมอร์ใน อีเลียต นั้นมาจากการแต่งกายและชุดเกราะในยุคสมัยของเขา เป็นเวลาสามหรือสี่ร้อยปีหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ บ็อบ ริงวู้ด ผู้กำกับเครื่องแต่งกายชื่อดัง จึงต้องใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดจากแหล่งข้อมูลที่มีอยู๋ "ผมมีแคตตาล็อคจากพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งทั่วโลกที่มีทุกอย่าง" ริงวู้ดบอก "แล้วก็ใช้เวลาหลายวันที่พิพธภัณฑ์แห่งอังกฤษ เพื่อศึกษาทุกอย่าง อย่างจริงจังเพื่อให้รู้ว่าเสื้อผ้าและเสื้อเกราะทำจากอะไร ผมดูจากรูปแกะสลักนูนต่ำจำนวนมาก ซึ่งเป็นรูปปั้นจิ๋วจำนวนนับพันๆ ตัว - ผมมักจะทำให้กริ่งในพิพิธภัณฑ์ดังขึ้นตลอดเพราะความที่เข้าใกล้จนเกินไป - แต่ถ้าหากว่าเราพยายามที่จะศึกษามัน มันก็ค่อนข้างจะให้รายละเอียดที่ถูกต้อง ผมได้ข้ออ้างอิงของเสื้อผ้าในราชสำนักจากรูปปั้นพวกนั้น ซึ่งนับว่าเป็นเครื่องแต่งกายแห่งประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องที่สุดในหนัง"ความแม่นยำส่วนใหญ่นั้นเป็นผลมาจากวิธีการจัดทำของริงวู้ด "ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการทำหนังประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยก็คือ เราใช้ผ้าที่มีอยู่น้อย และให้คนกลุ่มน้อยเป็นผู้ผลิต" ริงวู้ดกล่าว "หากเราพยายามทำขึ้นมาจากผ้าสมัยใหม่ ในโรงงานสมัยใหม่ มันก็จะออกมาดูสมัยใหม่ แล้วเราก็เลยซื้อผ้าพวกนั้นมาจากทั่วโลก และพวกมันก็มักจะเป็นผ้าที่ทำด้วยวิธีเดียวกันมา 3,000 ปีแล้ว ผมมีคนราวๆ 150 คนทำงานให้ และเราก็จ้างงานไปทั่วโลก อิรัค ตุรกี อินเดีย ศรีลังกา จีน"
ริงวู้ดต้องหาทางออกที่สร้างสรรค์สำหรับเรื่องที่สำคัญมากสำหรับหนัง การออกแบบเสื้อเกราะ เขาต้องทำให้กองทัพกรีกดูเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้ว่าจะมาจากกองทัพย่อยๆ จากบรรดาเผ่าต่างๆ ซึ่งแต่ละแห่งก็ควรจะมีรูปแบบที่ต่างกันไป "พวกเขาต้องดูเป็นหนึ่งเดียว เพราะเวลาหนังถูกตัดต่อรวมกันแล้ว เราต้องการให้พวกโทรจันและกรีกดูเป็นสองกองทัพที่ต่างกัน ดังนั้นผมจึงได้ออกแบบให้เกราะของโทรจันมีสีน้ำเงิน ทอง และเป็นโลหะ และแต่งให้กองทัพกรีกเป็นสีเอิร์ธโทน ทำจากหนัง และผ้าหยาบๆ ดังนั้นถึงแม้ว่ากลุ่มต่างๆ ในกองทัพกรีกจะดูต่างกันไป พวกเขาก็จะเป็นกลุ่มเดียวกัน"
ในการแต่งตัวให้กับกองพลทหารม้าในเรื่อง Troy นั้น ทีมงานของริงวู้ดได้จัดทำเกราะในแบบแรกเริ่ม ด้วยวิธีการและวัสดุที่สมจริงกับยุคสมัย รวมถึง ผ้าทอลินิน โลหะ หนัง และหญ้า ต่อจากนั้นนำเอาชุดในขนาดที่สวมได้จริงมาหล่อด้วยพลาสติค โดยใช้วิธีการที่เพิ่งได้รับการพัฒนาและให้ผลอย่างดีเยี่ยม ปืนพ่นแรงดันสูงจะพ่นละอองพลาสติคที่เป็นฝอยขนาดเล็กมากไปจนทั่ววัตถุที่ต้องการ และมันจะเก็บรายละเอียดทุกอย่างจากต้นแบบ ลึกลงไปจนกระทั่งถึงรูฝีเข็มที่เย็บผิด แม่พิมพ์จะถูกทำขึ้น ตามด้วยสำเนาพลาสติคที่ถอดแบบจากต้นฉบับของเกราะ แล้วตกแต่งด้วยรายละเอียดอย่างพิมพ์โลหะและหนังย้อมสี ผลที่ได้ในตอนสุดท้ายก็คือสำเนาของต้นแบบที่สมบูรณ์แบบและมีน้ำหนักเบา ที่สามารถทำออกมาในจำนวนมากๆ ในอัตราหลายร้อยชิ้นต่ออาทิตย์
"บ็อบ ริงวู้ดเป็นอัจฉริยะ" ปีเตอร์เสนกล่าวชม "อัจฉริยะที่แท้จริง เขาเป็นศิลปินตัวจริง ผมทึ่งกับบ็อบมาก - เขาหาวัสดุจากทั่วทุกมุมโลก และผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างน่าทึ่ง" โดยรวมแล้ว ริงวู้ดและทีมได้ออกแบบและจัดทำชุดประมาณ 8,000 ชุด และรองเท้า 10,000 คู่ในระยะเวลาเพียงสี่เดือนครึ่ง
กรุงทรอยในประวัติศาสตร์ และ อีเลียด
เทพนิยายกรีกเล่าขานถึงเรื่องราวของลูกแอปเปิลทองคำที่ เอริส เทวีแห่งความขัดแย้งได้โยนเข้าไปกลางงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานในโอลิมปุส ซึ่งเธอไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน แอปเปิลลูกนั้นตกมาถึงมือของปารีสซึ่งถูกบอกให้มอบมันแก่เทวีที่สวยที่สุด เฮรา ชายาของซุส ได้สัญญาว่าจะมอบอำนาจให้หากเขาเลือกเธอ อเธนาสัญญาจะมอบความร่ำรวย แต่อโพรไดตี สัญญาว่าจะมอบหญิงงามที่สุดในโลกให้ - และเธอคือผู้ที่เขายื่นแอปเปิลให้ เธอจึงตกรางวัลเขาด้วย เฮเลน
ในขณะที่ Troy ได้รับแรงบันดาลใจจาก อีเลียต แต่ก็ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในงานของโฮเมอร์ด้วย ม้าไม้โทรจันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ อีเลียต และมีเพียงเวอร์กิลเท่านั้นที่เขียนอย่างโดยละเอียดถึงการล่มสลายของทรอยใน The Aeneid "หนังของเราเป็นการรวบรวมของเรื่อง และองค์ประกอบของเรื่องหลายๆ เรื่องเข้าด้วยกัน แต่โดยหลักๆ แล้วจาก อีเลียต" ปีเตอร์เสนบอก "สิ่งหนึ่งที่เราแตกแขนงออกไปจากงานเล่าเรื่องของโฮเมอร์ก็คือ เรื่องของเราไม่ได้รวมไปถึงการมีอยู่ของเทพเจ้า พวกเทพเจ้าในเรื่อง อีเลียต นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องโดนตรงกับเรื่องราว - พวกเขาต่อสู้ ช่วยเหลือ และยักย้าย แต่ไม่ใช่ในเรื่องของเรา เรื่องศาสนามีอยู่ ความเชื่อมีอยู่ แต่เทพเจ้านั้นเพียงแต่ได้รับการกล่าวถึง - พวกเขาไม่ได้ถูกทำให้มีส่วนร่วม มันคงไม่อยู่ในกรอบของความเป็นจริงที่เราต้องการจะได้รับจากหนังเรื่องนี้"
ความมีตัวตนที่แท้จริงของปารีส และเฮเลน กับตัวละครอื่นๆ ที่อยู่ในเรื่องของโฮเมอร์นั้นอาจไม่มีใครล่วงรู้ แต่หลักฐานทางโบราณคดีบางอย่าง ที่สันนิษฐานว่าเป็นวังของอกาเมมนอนและเนสเตอร์นั้นมีอยู่ และยังมีกษัตริย์องค์อื่นๆ รวมทั้ง โอดิสซีอุสและ ไปรอัม ซึ่งบางสถาบันยอมรับว่าเป็นประวัติศาสตร์ แจกันและรูปสลักโบราณเล่าถึงเรื่องราวของสงคราม แต่พวกมันบอกเล่าถึงเทพนิยายหรือประวัติศาสตร์นั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้สงครามโทรจันเป็นสิ่งที่คิดกันมานานว่าเป็นการแต่งเรื่องขึ้นมาทั้งสิ้นของนักกวีโบราณที่ชื่อโฮเมอร์ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรถึงความเจริญที่เขาได้บรรยายไว้ งานโบราณคคี - วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของวัฒนธรรมอียิปต์ที่เพิ่งมีมาเมื่อไม่นาน จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเผยความจริงแห่งอดีตโบราณนี้
ซากที่เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นกรุงทรอยของแท้ ไม่ได้ถูกขุดพบจนกระทั่งเมื่อปี 1871 บรรดาผู้ที่เฝ้าตามหามันมากว่าหลายศตวรรษได้เห็นพ้องกันว่าเมืองใหญ่ที่ถูกล้อมด้วยกำแพงซึ่งมองเห็นทะเลอีเจียนได้จากประเทศตุรกีในปัจจุบัน ซึ่งยังเรียกกันว่าโทรดนั้นสืบทอดมาจากชื่อโบราณ ทรอย แต่ไม่มีหลักฐานบนผิวหน้าระบุว่าตรงไหนที่มันเคยตั้งอยู่เป็นการเฉพาะ
หลักฐานสำหรับการค้นพบเมืองทรอยนั้นตกเป็นของนักธุรกิจชาวเยอรมันผู้เป็นนักโบราณคดีมือใหม่ ไฮน์ริค ชไลแมนน์ และผู้ที่ไม่มีหลักฐาน-นักโบราณคดีชาวอังกฤษ แฟรงค์ คาลเวิร์ต ผู้ที่แนะนำว่าชไลแมนน์ควรจะขุดตรงที่เรียกว่า ไฮซาลิค - สถานที่ซึ่งในตอนนี้รู้จักกันว่าเป็นทรอยยุคโบราณ ซากที่เหลืออยู่ของเมืองทั้งเจ็ดถูกค้นพบที่นั่น แต่ละเมืองสร้างซ้อนทับต่อๆ กัน แสดงให้เห็นว่าทรอยได้ถูกสร้างมาหลายครั้ง เมืองที่ชไลแมนน์ได้ประกาศตั้งแต่แรกว่าเป็นเมืองทรอยของโฮเมอร์ คือชั้นที่สอง ต่อมาการวิจัยได้พบว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ และในตอนนี้เกือบทุกสถาบันเชื่อว่าเมืองที่หกน่าจะเป็นฉากหลังของสงครามโทรจัน ช่วงเวลาที่คาดว่าน่าจะเป็นช่วงล่มสลายของทรอยคือราวปี 1250 ถึง 1183 ก่อนคริสตกาล ซึ่งตรงกับเวลาของการถูกทำลายของเมืองเหล่านั้น การขุดเจาะอุโมงค์ได้เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในปี 1988 ด้วยความเชื่อที่ว่ายังมีอะไรให้ค้นพบอีกมาก ยังมีการถกเถียงกันค่อนข้างมาก ว่าเพียงสงครามเดียวนี้หรือที่ทำให้กรุงทรอยล่ม : หลักฐานบางอย่างบ่งชี้ว่าการเกิดแผ่นดินไหว น่าจะป็นต้นเหตุของการถูกทำลายมากกว่าการโจมตีอย่างรุนแรง นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าอาจเกิดสงครามต่อเนื่องกันหลายครั้งระหว่างกรีกและโทรจัน โดยมีการรบครั้งยิ่งใหญ่ปิดท้าย ไม่ว่ากรณีใด ผลที่ทำให้เกิดการสูญหายของเมืองใหญ่แห่งหนึ่งของอีเจียนนั้นก็ยังเกินกว่าที่จะโต้แย้ง
แม้ว่าชไลแมนน์อาจไขปัญหาข้อหนึ่งของปริศนาชิ้นใหญ่แห่งประวัติศาสตร์ เขาก็ไม่อาจทำให้มีหลักฐานในความแม่นยำของเรื่องราวเหตุการณ์ของโฮเมอร์ได้ อันที่จริง การค้นพบของเขาได้ลบล้างความหวังของผู้ที่เชื่อว่า การพิสูจน์ว่าทรอยเคยมีอยู่จริงจะทำให้เกิดความเชื่อถือในบันทึกการล่มสลายของโฮเมอร์ว่าเป็นเรื่องจริง
บทกวีมหากาพย์ที่ยึดถือกันจากโฮเมอร์ อีเลียต และ โอดิสซี ได้ถูกประพันธ์ขึ้นเมื่อราว 400 ปีหลังจากกรุงทรอยล่ม ทั้งสองเรื่องเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าขานปากต่อปาก ซึ่งเรื่องราวได้ถูกท่องจำและเล่าให้กันฟัง แทนการเขียนและอ่าน เช่นเดียวกับกวีคนอื่นๆ โฮเมอร์ใช้เทพนิยายเล่าขานสู่คนรุ่นต่อๆ ไป และได้รับการบอกเล่าโดยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสมัยของคนฟัง เพิ่มเติมรายละเอียดและตัดบางตอนทิ้งไป เรารู้น้อยมากเกี่ยวกับโฮเมอร์ และมีข้อโต้เถียงกันว่ากวีเพียงคนเดียวเท่านั้นหรือที่แต่งมันขึ้น แต่ในขณะที่งานของกวีคนอื่นๆ ได้สูญหายไป บทกวีของโฮเมอร์ยังคงเป็นที่รู้จักในความเหนือชั้นกว่าผู้ที่ลอกแบบเขา และได้รับการรักษาเอาไว้ ทั้งสองเรื่องเป็นผลงานชั้นครูรุ่นแรกของวรรณคดีกรีก และหลายสถาบันเชื่อว่ามันเป็นผลงานของคนๆ เดียว
ต้นเหตุที่น่าจะเป็นได้แห่งหนึ่งสงคราม หรือหลายสงคราม ก็คือการชิงกันครอบครอง ดาร์ดาเนลเลส ทางน้ำสายแคบที่ตัดลงสู่ทะเลดำ แต่การลักตัวชายาแห่งกษัตริย์องค์หนึ่งก็อาจเป็นข้อแก้ตัวที่ดีสำหรับการเริ่มต้นข้อขัดแย้งอันนองเลือด ที่ตำนานของโฮเมอร์กล่าวไว้ว่ายาวนานถึงสิบปี อีเลียต ได้บรรยายถึงเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 50 วัน อย่างไรก็ตามหากจะเชื่อถือตามวรรณคดี และได้มีการเทียบกับช่วงชีวิตอันยาวนานแล้ว มันอาจเป็นช่วงเวลา 50 วันที่น่าจดจำอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาตินักแสดง
แบรด พิตต์ (อคิลลิส) เป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงที่มีชื่อเสียงที่สุดในรุ่นของเขา และได้รับหลากหลายบทบาทในภาพยนตร์อย่าง Fight Club, Legends of the Fall, Seven และ Twelve Monkeys
ขณะนี้อยู่ระหว่างการถ่ายทำเรื่อง Mr. & Mrs. Smith ซึ่งแสดงร่วมกับ แอนเจลิน่า โจลี่ ให้กับผู้กำกับฯ ดัค ไลแมน และที่จะตามมาติดๆ ก็คือการร่วมงานในภาพยนตร์รวมดาราของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส Oceans 12 ซึ่งเป็นภาคต่อของหนังบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่องฮิตของซอเดอเบิร์ก
บทของพิตต์ที่แสดงเป็นนักโบกรถเสน่ห์แรง ในภาพยนตร์เกี่ยวกับการโต้แย้งของ ริดลีย์ สก๊อตต์ เรื่อง Thelma & Louise เป็นการทำให้เขาเป็นที่สนใจของคนทั่วประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเขาได้รับบทเป็นฆาตรกรต่อเนื่องโรคจิตในเรื่อง Kalifornia และเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์แต่ชะตาขาด พอล แมคคีนในภาพยนตร์ของโรเบิร์ต เรดฟอร์ดเรื่อง A River Runs Through It และ ลูอิส จอมดูดเลือด ในภาพยนตร์ของเนล จอร์แดนเรื่อง Interview With The Vampire
พิตต์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 2 ครั้งจากการทำงานของเขา ในบท ทริสแทน น้องชายหัวแข็งอารมณ์ร้อน ใน Legends of the Fall และจากบทดาราสนับสนุน ในหนังของเทอรี่ กิลเลียม เรื่อง Twelve Monkeys ซึ่งพิตต์ได้รับรางวัลจากผลงานแสดงในเรื่องหลัง
บทบาทล่าสุดหลายบทที่พิตต์ได้แสดง ได้แก่ ในภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ พิกเจอร์สเรื่อง Oceans 11 กับการรวมดารา อย่าง จอร์จ คูลนีย์ จูเลีย โรเบิร์ตส และแมตต์ เดมอน และกำกับการแสดงโดย สตีเวน โซเดอร์เบิร์กและเรื่อง Spy Game ซึ่งเขาแสดงคู่กับ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด และกำกับการแสดงโดย โทนี่ สก๊อตต์ เขายังร่วมแสดงในเรื่อง The Mexican คู่กับจูเลีย โรเบิร์ตส และเจมส์ แกนดอล์ฟินี หนังของผู้กำกับการแสดง กอร์ เวอร์บินสกีและหนังของ เกย์ ริตชี่ เรื่อง Snatch เขายังได้รับบทเล็กๆ ในหนังของโซเดอร์เบิร์กเรื่อง Full Frontal และหนังของคลูนีย์เรื่อง Confessions of a Dangerous Mind
พิตต์ยังเป็นผู้ให้เสียงพากย์เป็นซินแบดในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Sinbad: Legend of the Seven Seas
เกิดที่เมืองชอว์นี รัฐโอกลาโฮมา และเติบโตในสปริงก์ฟิล์ด รัฐมิซซูรี พิตต์เรียนในมหาวิทยาลัยมิซซูรีที่โคลัมเบีย ที่เขาได้ศึกษาวิชาเอกทางด้านหนังสือพิมพ์โดยมุ่งในงานด้านโฆษณา ตามจริงแล้วก่อนจบการศึกษา เขาได้ย้ายไปลอสแอนเจลิสเพื่อเรียนด้านโฆษณาและกราฟฟิกดีไซน์ แต่กลับไปเริ่มงานด้านการแสดงแทน โดยเรียนกับ รอย ลอน หลังจากนั้น เขาเริ่มได้รับบทในงานต่างๆทางโทรทัศน์ ได้แก่ ซีรีส์ของฟอกซ์เรื่อง Glory Days ทาง HBO เรื่อง The Image และภาพยนตร์ประจำสัปดาห์ที่ได้รับคำชื่นชมของนักวิจารณ์เรื่อง Too Young To Die
ในด้านภาพยนตร์ พิตต์ยังได้แสดงในเรื่อง Johnny Suede ซึ่งได้รับรางวัล Golden Leopard Award ในปี 1992 สาขา Best Picture ที่ Locarno Film Festival ภาพยนตร์ของ ราล์ฟ บาคส์กี เรื่อง Cool World ภาพยนตร์ของโทนี่ สก๊อตต์เรื่อง True Romance, Sleepers, The Devil's Own, ภาพยนตร์ของ ฌอง จาคส์ อันนอด เรื่อง Seven Years In Tibet ภาพยนตร์ของมาร์ตี้ เบรตเรื่อง Meet Joe Black และเรื่อง Fight Club ซึ่งเป็นการร่วมงานอีกครั้งของเขากับผู้กำกับการแสดง เดวิด ฟินเชอร์
อีริค บานา (เฮกเตอร์) เกิดในเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ซึ่งเขาอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี้ และได้ถูกนำเสนอต่อสายตาผู้ชมต่างประเทศเป็นครั้งแรกในการรับบทเป็น มาร์ค 'ชอปเปอร์' รีด ในภาพยนตร์ออสเตรเลียเรื่อง Chopper ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกใน Sundance Film Festival ปี 2001 และนอกจากนั้นยังได้ออกฉายจนได้รับคำชื่นชมในอเมริกา หลังจากที่ประสบความสำเร็จในออสเตรเลีย
เมื่อเร็วๆนี้ บานาได้แสดงในบทนำในเรื่อง The Hulk ของผู้กำกับการแสดง อัง ลี เขายังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ของริดลีย์ สก๊อตต์ เรื่อง Black Hawk Down ซึ่งแสดงเป็นหนึ่งในกลุ่มทหารอเมริกันชั้นยอด แสดงกับ โจช ฮาร์ทเน็ท, อีแวน แมกเกรเกอร์ และทอม ไซส์มอร์
บานา อยู่ในเมลเบิร์นกับภรรยาของเขา รีเบกก้า และลูก 2 คน
ออร์แลนโด บลูม (ปารีส) ได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเขาเองในการแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก จากการรับบทเป็น 'เลโกลัส' ในภาพยนตร์ของปีเตอร์ แจ็คสันเรื่อง Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring ซึ่งทำให้ทั้งคนดูและผู้สร้างหนังทั้งหลายหลงรักไปตามๆ กัน เขายังได้แสดงต่อในภาคที่ 2 และภาคที่ 3 ของหนังไตรภาคเรื่อง Lord of the Rings - The Two Towers และ Return of the King เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาเขายังได้แสดงคู่กับ จอห์นนี่ เดพพ์ในภาพยนตร์ของ เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในเรื่อง Pirates of the Caribbean กำกับการแสดงโดย กอร์ เวอร์บินสกี้
บลูมจะมีผลงานให้ชมกันต่อในภาพยนตร์ของ เกรเกอร์ จอร์แดนเรื่อง Ned Kelly แสดงคู่กับ ฮีธ เลดเกอร์และในเรื่อง The Calcium Kid เมื่อเร็วๆนี้เขาร่วมแสดงในภาพยนตร์อิสระของ แฟรงก์ อี.ฟลาวเวอร์ เรื่อง Haven และตอนนี้อยู่ในการถ่ายทำในภาพยนตร์ของ ริดลีย์ สก๊อตต์เรื่อง Kingdom of Heaven และเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านั้นเขาได้แสดงในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลของริดลีย์ สก๊อตต์เรื่อง Black Hawk Down บลูมเกิดในแคนเทอเบอร์รี่ ประเทศอังกฤษ และเมื่ออายุได้ 16 ปี ได้ย้ายมาลอนดอนที่เขาได้ร่วมใน National Youth Theatre เป็นเวลา 2 ซีซัน และหลังจากนั้นก็ได้รับทุนอบรมใน British American Drama Academy ในตอนที่เขาเรียนจบ บลูมได้แสดงบทนำในเรื่อง A Walk in the Vienna Woods และสร้างชื่อเสียงเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Wilde เค้าโครงเรื่องจากชีวประวัติของ ออสการ์ ไวล์ด
หลังจากนั้นเขาได้ตกลงใจเข้าเรียนที่ Guildhall School of Music and Drama ในลอนดอนและเลือกที่จะพักอาชีพไว้ก่อนในโอกาสที่จะได้เรียนต่อ ช่วงเวลาที่อยู่ Guildhall บลูมได้แสดงในงานสร้างต่างๆได้แก่เรื่อง Little Me, A Month in the City, Peer Gynt, Mephisto และ Twelfth Night หลังจากจบจาก Guildhall บลูมได้แสดงในซีรีส์โทรทัศน์ทาง BBC เรื่อง Midsomer Murders
เกิดในเยอรมัน ไดแอน ครูเกอร์ (เฮเลน) ได้เรียนรอยัลบัลเลต์ตั้งแต่อายุยังน้อยก่อนที่ความอาการบาดเจ็บจะทำให้อาชีพเต้นบัลเล่ต์สิ้นสุดลง
เธอได้กลายเป็นหนึ่งในบรรดานางแบบภาพถ่ายที่เป็นที่รู้จักดีของปารีส ที่เธอได้รับการฝึกสอนที่ Ecole Florent ได้รับรางวัล Classe Libre ในการเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมของปี
ครูเกอร์ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคู่กับ เดนนิส ฮอปเปอร์ และคริสโตเฟอร์ แลมเบิร์ตในภาพยนตร์อิสระเรื่อง The Piano Player ออกฉายเมื่อปีที่แล้ว เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Caesar เมื่อปีที่แล้วจากการรับบทในภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่ได้รับรางวัลเรื่องMon Idol และได้แสดงในภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่อง Michel Vaillant ออกฉายเมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา
เมื่อเร็วๆนี้ครูเกอร์เพิ่งเสร็จจากการแสดงภาพยนตร์อเมริกันครั้งแรกของเธอที่เล่นคู่กับ โจช ฮาร์ตเน็ท และ โรส เบิร์น ในภาพยนตร์โรแมนติคระทึกขวัญเรื่อง Wicker Park และเรื่อง National Treasure คู่กับนิโคลัส เคจ ทั้งสองเรื่องจะออกฉายในปี 2004 ครูเกอร์ได้รับรางวัลเกียรติยศเมื่อปีที่แล้วใน Cannes Film Festival ปี 2003 กับ Chopard Trophy of the Revelation สาขา Best Newcomer
ได้รับการยอมรับว่าเป็น "นักแสดงชาวสก็อตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรุ่นเดียวกัน" ไบรอัน คอกซ์ (อกาเมมนอน) ได้รับรางวัลเอมมี่ในปี 2001 สาขา Outstanding Supporting Actor in a Miniseries or Motion Picture Made for Television สำหรับการแสดงเป็น เฮอร์แมน กอริ่ง อาชญากรสงครามนาซีในภาพยนตร์ออริจินัลของ TNT Nuremberg ซึ่งเขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล SAG และลูกโลกทองคำ การที่เขาเป็นแขกรับเชิญผู้มีอารมณ์ขัน ในบท แฮร์รี่ มูนในซีรีส์ฮิตทางโทรทัศน์ของ NBC เรื่อง Frasier ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารางวัลเอมมี่ครั้งที่ 2 ของเขาในปี 2002
เมื่อเร็วๆนี้เขาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง The Ringer อำนวยการสร้างโดยพี่น้องฟาร์เรลลี่
เมื่อต้นปี 2003 พระราชินีนาถอลิซาเบธได้พระราชทานเหรียญตรา CBE (Commander of the British Empire) ให้แก่คอกซ์ เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล SAG ปี 2003 (ครั้งที่ 2 ของเขา) ในฐานะของกลุ่มนักแสดงในภาพยนตร์ของ สไปค์ โจนซ์เรื่อง Adaptation ซึ่งเขาได้รับบทเป็น โรเบิร์ต แมคคี ซึ่งเป็นครูแห่งการขโมยซีน เขายังได้รับคำชมอย่างมากจากการรับบทเป็น นายพลวิลเลียม สไตรเกอร์ วายร้ายที่ไม่ได้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ในหนังซัมเมอร์ยอดฮิตเรื่อง X-Men 2
ในปี 2002 คอกซ์ได้รับบทเด่นในภาพยนตร์ 7 เรื่อง ที่ทำรายได้สูงถึง 347 ล้านเหรียญของบอกซ์ออฟฟิศ การแสดงที่เป็นที่จดจำของเขาได้แก่ 25th Hour, The Ring, Adaptation, The Bourne Identity และ The Rookie
การรับบทที่แสดงถึงฝึมือชั้นครูของเขาเป็น "Big John" ในหนังอิสระที่ได้รับคำชื่นชมเรื่อง L.I.E. (ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการจาก 2001 Sundance Film Festival) ทำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล AFI Award, Independent Spirit Award, Golden Satellite Award และ Boston Film Critics Award สาขา r Best Actor
เป็นนักแสดงมือเก่าที่รู้จักกันดีของเวทีละครในลอนดอน ค็อกซ์ได้รับสองรางวัล Olivier Award สาขา Best Actor จากผลงานแสดงใน Titus Andronicus ที่ Swan Theatre ของ Royal Shakespeare Company และ Rat in the Skull ของ Royal Court ในลอนดอน ผลงานละครล่าสุดในนิวยอร์ค ได้แก่ Art on Broadway และ St. Nicholas บนเวทีของโรงละครนอกบรอดเวย์ (ได้เข้าชิงรางวัล Lucille Lortel Award for Outstanding Actor; Drama Desk และ Outer Critic's Circle) ผลงานละครอื่นๆ ได้แก่ ละครของคอร์เนอร์ แมคเฟอร์สัน เรื่อง Dublin Carol ที่ Royal Court; St. Nicholas ที่ Bush Theatre ในลอนดอนและ Matrix Theatre ในลอส แอนเจลิส; King Lear และ Richard III ที่ National Theatre ในลอนดอน และ Skylight ที่ Mark Taper Forum ในลอส แอนเจลิสผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ได้แก่ The Affair of the Necklace, The Minus Man, For the Love of the Game, Rushmore; The Corrupter; The Boxer; The Long Kiss Goodnight; ภาพยนตร์ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองเรื่อง Braveheart; ภาพยนตร์ได้เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง เรื่อง Rob Roy; Hidden Agenda (Special Jury Prize, Cannes Film Festival); รวมทั้งได้เป็นต้นแบบของ ฮันนิบาล เล็กเตอร์ ในฉบับภาพยนตร์คลาสสิค ซึ่งสร้างโดย ไมเคิล แมนน์ เรื่อง Manhunter, จากนิยายโดยโทมัส แฮร์ริส เรื่อง novel Red Dragonค็อกซ์มีผลงานกำกับทางโทรทัศน์เป็นเรื่องแรกในหนังดราม่าเรื่องราวของนักโทษทาง HBO เรื่อง Oz เขาเขียนหนังสือสองเล่ม Salem to Moscow: An Actor's Odyssey และ The Lear Diaries
(ยังมีต่อ)
-นท-

แท็ก ข้อมูล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ