เลห์แมน บราเดอร์ส เผยรายงานล่าสุด ระบบพยากรณ์แนวโน้มการเกิดวิกฤติทางการเงิน

ข่าวทั่วไป Thursday April 29, 2004 13:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
ไทยพ้นความเสี่ยงวิกฤติทางการเงิน โดยมีค่าความเสี่ยงต่ำสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย
เลห์แมน บราเดอร์ส บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนระดับโลก เปิดเผยรายงานระบบพยากรณ์วิกฤติทางการเงินล่วงหน้า "เดมอกคลี่ส์"
(Damocles) ประจำไตรมาส 1 ปี 2547 ซึ่งเป็นระบบที่ใช้วัดและประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาที่มีแนวโน้มจะประ
สบภาวะวิกฤติทางการเงิน
เลห์แมน บราเดอร์ส ใช้ระบบเดมอกคลี่ส์ในการประเมินระดับความเสี่ยงในการเกิดภาวะวิกฤติทางการเงินของประเทศต่างๆ 17
ประเทศ ซึ่งได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล จีน ฮ่องกง ฮังการี อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ รัสเซีย สิงคโปร์
แอฟริกาใต้ ไต้หวัน ไทย และตุรกี ทั้งนี้ ประเทศที่ระบบ เดมอกคลี่ส์กำหนดค่าความเสี่ยงรวมกันเท่ากับหรือมากกว่า 75 คะแนน หมายถึงว่า
สภาพเศรษฐกิจของประเทศนั้นมีโอกาสที่จะเกิดวิกฤติได้ แต่หากประเทศดังกล่าวมีค่าความเสี่ยงรวมกันเกิน 100 คะแนน หมายความว่า
วิกฤติทางเศรษฐกิจสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สำหรับรายงานล่าสุดประจำเดือนมีนาคม 2547 นั้น ระบบเดมอกคลี่ส์ ระบุว่า เม็กซิโก
โปแลนด์ และไทย มีค่าความเสี่ยงต่ำสุดคือเท่ากับศูนย์คะแนน ขณะที่ฟิลิปปินส์มีค่าความเสี่ยงสูงสุดคือ 50 คะแนน โดยระบบเดมอกคลี่ส์ สะท้อนว่า
ภูมิภาคเอเชียยังคงมีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนี้ได้เตือนว่า แม้ขณะนี้เศรษฐกิจมหภาคของตลาดประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจน สภาพแวดล้อมทางการ
เงินโดยรวมจะเป็นที่น่าพอใจ แต่สิ่งที่สำคัญอย่างน้อยหนึ่งประการที่ประเทศเหล่านี้ควรให้ความใส่ใจ คือ ปัจจัยความเสี่ยงทางการเมืองทั้ง
ภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ซึ่งระบบ เดมอกคลี่ส์นี้ไม่ได้นำมาพิจารณารวมอยู่ด้วย
ไทยได้รับการจัดอันดับดีที่สุดในเอเชีย
ระบบเดมอกคลี่ส์ ชี้ว่า ในเดือนมีนาคม 2547 เศรษฐกิจไทยมีค่าความเสี่ยงเท่ากับศูนย์คะแนน ซึ่งนับเป็นอันดับที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับ
ประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ เพราะไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูง มีปริมาณเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ ใน
ขณะที่ปริมาณหนี้ต่างประเทศต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลดลง มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ และมีการปรับปรุงนโยบายทางการเงินของ
ภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจไทยห่างไกลจากความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะวิกฤติ
นายร็อบ ซับบาราแมน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียของเลห์แมน บราเดอร์ส กล่าวว่า "เศรษฐกิจไทยขยายตัว
อย่างมาก โดยจีดีพีของไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 8 ในไตรมาส 4 ของ ปี 2546 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2545 ซึ่ง
สะท้อนให้เห็นว่า ไทยมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค เอเชียรองจากจีน และเมื่อเดือนที่ผ่านมา เลห์แมน บราเดอร์ส ได้ยกระดับ
การคาดการณ์แนวโน้ม การเติบโตของจีดีพีของไทยในปี 2547 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 7.2 ซึ่งบ่งชี้ว่า ไทยจะมีการเติบโตทาง
เศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียรองจากจีน"
"อย่างไรก็ดี ไทยจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นเพื่อให้เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นการรักษาอัตราการ
เติบโตอย่างมีคุณภาพควบคู่ไปด้วย" นายร็อบกล่าวเตือน
ผลสรุปการพยากรณ์วิกฤติทางการเงินสำหรับภูมิภาคเอเชีย
ระบบเดมอกคลี่ส์วิเคราะห์ว่า ภูมิภาคเอเชียมีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ทั่วโลก โดยในไตร
มาสแรกของปี 2547 ประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกมีกระแสเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเอเชียเป็นภูมิภาคที่ได้รับความสนใจมาก
ที่สุด ทั้งนี้เอเชียมีการลงทุนในตลาดทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ธนาคารพาณิชย์เริ่มทยอยปล่อยสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง อีกทั้งภาครัฐและ
เอกชนยังได้ออกหลักทรัพย์เพื่อการระดมทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งการปรับปรุงนโยบายเชิงโครงสร้าง ตลอดจนเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และอัตราดอก
เบี้ยทั่วโลกในระดับต่ำ ส่งผลให้ระบบเดมอกคลี่ส์จัดอันดับค่าความเสี่ยงของเอเชียเท่ากับ 17
"แต่นักลงทุนก็ไม่ควรประเมินว่า ทุกประเทศในเอเชียจะมีลักษณะเดียวกัน เพราะฟิลิปปินส์ยังคงมีความเสี่ยงในระดับสูงเมื่อเทียบ
กับประเทศอื่นๆ" นายร็อบ กล่าว
และแม้ว่าการสะสมปริมาณเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้น และการเติบโตอย่างรวดเร็วจะทำให้ เอเชียมีค่าความ
เสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม เลห์แมน บราเดอร์ส ได้เตือนว่า การสะสมปริมาณเงินทุนสำรอง เงินตราต่างประเทศดังกล่าวเริ่มมีปริมาณที่มาก
เกินไป
"ต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการสะสมปริมาณเงินทุนสำรองในเอเชียจะส่งผลเสียต่อประโยชน์ของประเทศโดยรวม" นายร็อบกล่าวเพิ่มเติม
โดยการสะสมเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) อาจเร่งให้มี การเติบโตของปริ
มาณเงินในประเทศมากเกินไป ซึ่งจะเป็นการลดความสามารถในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างที่ควรจะเป็น และจะเป็นการกระตุ้นให้เกิด
ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
เลห์แมน บราเดอร์ส สรุปในตอนท้ายว่า มีแรงกดดันของประเทศที่พัฒนาแล้วต่อการยืดหยุ่นของอัตรา แลกเปลี่ยนของสกุลเงินเอเชีย
ซึ่งประเทศในเอเชียไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ รวมถึงประเทศจีนด้วย
ตารางต่อไปนี้ เป็นผลสรุปการพยากรณ์วิกฤติทางการเงิน "เดมอกคลี่ส์" สำหรับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เอเชีย พร้อมด้วยปัจจัย
ที่ควรระวังที่อาจมีผลกระทบในอนาคตได้
ประเทศ คะแนนล่าสุด คะแนน (ธ.ค.2546) แนวโน้มใน 1 ปี ปัจจัยสำคัญที่มีผลก
(มี.ค.2547)
จีน 10 24 ลดลง การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อ/ภาวะการลงทุนภายในประเทศ
ฮ่องกง 10 10 ลดลง การขาดดุลงบประมาณ/ปัจจัยทางการเมือง
อินโดนีเซีย 11 11 ลดลง การจัดทำงบประมาณ/ระบบการพิจารณาคดี/ปัจจัยทางการเมือง
เกาหลีใต้ 24 10 ลดลง หนี้ต่างประเทศระยะสั้น/ปัจจัยทางการเมือง/ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับเกาหลีเหนือ
มาเลเซีย 10 10 เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย/คงที่ การขาดดุลงบประมาณ
ฟิลิปปินส์ 50 50 สูงขึ้น หนี้สาธารณะ/ภาคธุรกิจการเงิน/ปริมาณ เงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ/ปัจจัยทางการเมือง
สิงคโปร์ 10 10 ลดลง ผลกระทบจากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
ไต้หวัน 24 24 สูงขึ้น การเมืองภายในประเทศ/ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีน
ไทย 0 0 เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย/คงที่ หนี้ภาคเอกชน
สำหรับสำเนารายงานเรื่อง "ระบบเดมอกคลี่ส์: อย่าละเลยความเสี่ยง" ซึ่งเรียบเรียงโดย นายร็อบ ซับบาราแมน พร้อมด้วย
นายรัสเซล โจนส์ และนายฮิโรชิ ชิรายชิ พร้อมนำออกเผยแพร่แก่สื่อมวลชน โดยสามารถติดต่อขอรับได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เลห์แมน
บราเดอร์ส บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์จำกัด โทร. 02 252 9871 หรืออีเมล์ s_waraporn@th.bm.com
ระบบ "เดมอกคลี่ส์" (Damocles)
ระบบ "เดมอกคลี่ส์" ประกอบด้วยดัชนีทางการเงินและเศรษฐกิจระดับมหภาค 10 ข้อ ซึ่งผ่านการทดสอบอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจ
ว่า การประเมินวิกฤติทางการเงินและการธนาคารมีความถูกต้องและเชื่อถือได้ ระบบพยากรณ์วิกฤติทางการเงิน "เดมอกคลี่ส์" ได้นำวิกฤติ
ทางการเงินที่เคยเกิดขึ้นในเอเชีย ยุโรป และ ละตินอเมริกา มาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดค่าและความสำคัญของดัชนีทั้ง 10 ข้อ
หากดัชนีทั้ง 10 ข้อมีคะแนนรวมกัน 75 คะแนน หรือสูงกว่านั้น "เดมอกคลี่ส์" จะส่งสัญญาณเตือนว่า ดุลการชำระเงินของประเทศนั้นๆ มี
โอกาสที่จะเกิดวิกฤติได้ หากคะแนนรวมกันมากกว่า 100 คะแนน หมายความว่า วิกฤติสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ระบบเดมอกคลี่ส์ มีดัชนีชี้วัด 10 ข้อ คือ 1) เงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ/การนำเข้า (foreign reserve/imports)
2) เงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ/หนี้ต่างประเทศระยะสั้น (foreign reserves/short-term external debt) 3)หนี้ต่างประ
เทศซึ่งคิดเป็นร้อยละของจีดีพี (external debt as a percentage of GDP) 4)หนี้ต่างประเทศระยะสั้นคิดเป็นร้อยละของการส่งออก
(short-term external debt as a percentage of exports) 5) ดุลบัญชีเดินสะพัดคิดเป็นร้อยละของจีดีพี (current account
as a percentage of GDP) 6) ปริมาณเงิน/เงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ(broad money/foreign reserves) 7)สินเชื่อ
ภาคเอกชนในประเทศคิดเป็นร้อยละของจีดีพี (domestic private credit as a percentage of GDP) 8) อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
ที่แท้จริง (real short-term interest rate) 9) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (stock market index) และ 10) อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้
จริงถ่วงน้ำหนักด้วยดุลการค้า (real trade-weighted exchange rate)
เลห์แมน บราเดอร์ส (ตัวย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค: LEH) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2393 เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในธุรกิจการเงินของ
โลก โดยเป็นผู้ให้บริการด้านการเงินแก่บริษัทเอกชน รัฐบาล และองค์กรของรัฐ ตลอดจนกลุ่มลูกค้าประเภทสถาบันและประเภทบุคคลชั้นนำทั่ว
โลก เลห์แมน บราเดอร์ส ยังเป็นผู้นำในด้านการขายหุ้นทุนและตราสารหนี้ การซื้อขายและวิเคราะห์หลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาด้านการลง
ทุน การให้บริการปรึกษาเพื่อร่วมทุน และการให้บริการลูกค้าส่วนบุคคลระดับสูง เลห์แมน บราเดอร์ส มีสำนักงานใหญ่ ในนิวยอร์ก ลอนดอน
และโตเกียว และมีการดำเนินงานในรูปแบบของเครือข่ายสำนักงานซึ่งมีอยู่ทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลห์แมน บราเดอร์ส สามารถ
เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทได้ที่ www.lehman.com
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
วราพร สมบูรณ์วรรณะ
สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์
โทร 0 2252 9871--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ