FMCG ฟื้นตัว: โมเดิร์นเทรดกลับสู่สภาวะปกติ สะดวกซื้อผลักภาพรวมโต 5.3% โชห่วยยังเหนื่อยจากน้ำท่วม

ข่าวทั่วไป Friday March 30, 2012 16:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--นีลเส็น - โมเดิร์นเทรดกระตุ้น FMCG ไทยให้กลับสู่สภาวะปกติ ในขณะที่โชห่วยยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม - ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ดึงอัตราการเติบโตของ FMCG ให้สูงขึ้น โดยมีอัตราการขยายตัวและส่วนแบ่งของตลาดเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวภายใน 5 ปี - ผู้บริโภคจับจ่ายมากขึ้นในแต่ละครั้ง แต่ลดความถี่ในการซื้อลง - ปัจจัยการซื้อสุดขั้ว: ชอบทั้ง "คุ้มค่า" ชอบทั้ง "พรีเมี่ยม" จากการสำรวจของนีลเส็นเกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) พบว่า โมเดิร์นเทรดช่วยดึงธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคไทย (FMCG) ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 5.3% ทั้งปี 2011แม้ว่าจะประสบภาวะวิกฤตธรรมชาติช่วงสิ้นปี ขณะที่ร้านค้าปลีก (โชห่วย) ยังไม่ฟื้นตัวจากน้ำท่วมดี ยงยุทธ องค์วัฒนพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่าย Retail Measurement Services กล่าวว่า "ซุปเปอร์/ไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ในบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑลมีการฟื้นตัวที่ดีมาก เราเห็นอัตราการเติบโตที่พุ่งขึ้นสู่ภาวะปกติทันทีหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายไป และยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกของปี 2012 และถึงแม้ว่าสถานการณ์ของธุรกิจโชห่วยยังคงไม่สู้ดีเมื่อเทียบกับผลประกอบการของปี 2010 เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากภัยธรรมชาติ โดยภาพรวมแล้ว ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยยังคงสดใสและมีโอกาสในการเติบโตสูง" ผลการสำรวจของนีลเส็นพบว่า ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) เป็นกลุ่มร้านค้าปลีกที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในปี 2011 เมื่อเปรียบเทียบกับร้านค้ากลุ่มอื่น โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับปี 2010 ตามมาห่างๆด้วยซุปเปอร์/ไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่มีอัตราการเติบโต 6% ในด้านของโชห่วย แม้ว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจะยังคงไม่ฟื้นตัวดี แต่ภาพรวมแล้วก็ยังคงมีการเติบโตอยู่ถึง 2% รายงานดังกล่าวยังพบว่าอัตราส่วนแบ่งของยอดขายในตลาด FMCG เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยร้านสะดวกซื้อมีส่วนแบ่งของตลาดเพิ่มขึ้นจาก 16.9% ในปี 2009 ขึ้นมาอย่างรวดเร็วถึง 20% ในปี 2011ในขณะที่ซุปเปอร์/ไฮเปอร์มาร์เก็ตยังคงรักษาส่วนแบ่งคงที่ที่ 26% และแม้ว่าส่วนแบ่งของธุรกิจโชห่วยจะตกลง 3% ในสามปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงความเป็นผู้นำ มีส่วนแบ่งของตลาดมากกว่า 50% "ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ร้านสะดวกซื้อได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" ยงยุทธกล่าว "เราเชื่อว่าจำนวนสมาชิกในครัวเรือนของแต่ละครอบครัวที่ลดลง และการขยายตัวของสังคมเมือง รวมไปถึงกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Zoning) ที่เคร่งครัดมากขึ้นสำหรับห้างร้านขนาดใหญ่ ส่งผลอันมีนัยสำคัญให้ร้านสะดวกซื้อมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วมาก จากการศึกษาของเราพบว่า เหตุผลหลักๆ ห้าประการของผู้บริโภคที่เลือกจับจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อเกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าพร้อมดื่มพร้อมรับประทาน และการเลือกซื้อสื่อต่างๆทั้งสิ้น ในขณะที่โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกกลับมีบทบาทน้อยกว่า" จากข้อมูล Retail Index ของนีลเส็นพบว่า ประเทศไทยมีร้านสะดวกซื้ออยู่ 3,250 ร้านในปี 2001 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่เพียง 8% ในปี 2005 ตัวเลขจำนวนร้านเพิ่มขึ้นเป็น 5,026 ร้านพร้อมส่วนแบ่งที่ขยับขึ้นเป็น 11% และในปี 2011 ที่ผ่านมานี้ จำนวนร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยมีมากถึง 9,052 ร้านโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดพุ่งขึ้นสูงถึง 20% ในด้านความนิยมของผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด การสำรวจของนีลเส็นพบว่า ผู้บริโภคที่มีรายได้ในระดับล่างเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตมากขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับบนเลือกจะจับจ่ายที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตมากขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคทั้งสองประเภทต่างเพิ่มจำนวนสินค้าที่ซื้อในแต่การจับจ่ายแต่ละครั้งมากขึ้น โดยปรับเพิ่มขึ้น 6.6% ในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับล่าง และ 9.3% ในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับบน และมีการปรับลดจำนวนความถี่ในการจับจ่ายลงไป 2.1% และ 6.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ การสำรวจดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่มีความขัดแย้งกันอย่างชัดเจน แม้ว่า "ความคุ้มค่า" ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า "ความเป็นพรีเมี่ยม" ก็กลับขึ้นมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคไม่แพ้กัน "ผู้บริโภคพร้อมจะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสินค้าที่มีราคาสูงกว่า หากผู้บริโภคเชื่อว่าสินค้าตัวนั้นมีคุณประโยชน์มากขึ้นอย่างชัดเจน" ยงยุทธกล่าว "แม้ความคุ้มค่ายังคงครองใจผู้ซื้อทุกผู้ทุกวัย แต่เราได้เห็นอัตราการเติบโตที่ชัดเจนของสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม โดยคุณค่าทางด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค" เกี่ยวกับนีลเส็น Nielsen Holdings N.V. (NYSE: NLSN) เป็นบริษัทผู้นำระดับโลกด้านการให้ข้อมูลและการสำรวจวิจัย โดยมีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการตลาดและกลุ่มผู้บริโภค, ด้านสื่อและการวัดความนิยมของสื่อทุกชนิด, ด้านโลกออนไลน์, ด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร, รวมไปถึงการวัดความสำเร็จของกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรืองานอื่นๆ บริษัทนีลเส็นตั้งอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมืองดีเม็น ประเทศเนเธอร์แลนด์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ www.nielsen.com # # # ตาราง 1: อัตราการเติบโตของ FMCG

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ