กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์
จากผลวิจัยบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าน้ำที่ท่วมนิคมอุสาหกรรม 7 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 18.93% ของที่ดินบริการอุตสาหกรรมทั้งหมด เอ็นอีเอสดีบี รายงานว่าจีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วนั้นลดลงถึง -9% ซึ่งเป็นการลดลงสูงสุดนับตั้งแต่วิกถตเศรษฐกิจในปี 2540 ขณะที่ยอดขายของพื่นที่อุตสาหกกรมและอัตราการการเช่าโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้านั้นกลับเพิ่มขึ้น
ในพื่นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบีโอไอโซน 2 มีความต้องการสุดสุง ตามมาด้วยโซนอีสเทริ์น ซีบอร์ดเนื่องจากบริษัทต่างๆต้องการหลีกเลี่ยงพื่นที่ที่เคยน้ำท่วมหรือพื่นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะน้ำท่วมในอนาคต มูลค่าที่ดินในทำเลที่ไม่เกิดน้ำท่วมและ อีสเทริ์น ซีบอร์ดนั้น คาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% ในปีนี้ ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้นจะดึงดูดนักลงทุนได้ยากโดยหากไม่ยื่นข้อเสนอพิเศษหรือส่วนลด และวางมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างชัดเจน
นายมาร์คัส เบอร์เทนชอว์ ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนนายหน้า บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จนถึงสิ้นปีที่แล้วมีการใช้ที่ดินบริการอุสาหกรรมถึง 100,344 ไร่ คิดเป็นอัตรา 80.13% โดยเพิ่มจาก79.24% ในไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว ในขณะที่ไตรมาสที่4ปี่ 2554 นั้นมียอดขายที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมถึง 3,783 ไร่ เพิ่มจากไตรมาสที่ผ่านมาถึง 48.18% และเพิ่มถึง 451.46% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่4ของปีก่อนหน้า ที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมที่ขายไปส่วนใหญ่นั้นตั้งอยู่ในโซน 2 ถึง 66.48% ของที่ดินที่ขายไปทั้งหมด 2,515 ไร่ ในขณะที่ดินโซน 3 ขายไปทั้งสิ้น 1,224 ไร่
ในไตรมาสรที่ 4ของปี 2554 มีที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมทั้งหมด 125,223 ไร่ เพิ่มขึ้น 0.26% จากไตรมาสที่ผ่านมาและเพิ่มขึ้น 6.68% จากปี 2553 ในช่วงนี้ มี 27,111 ไร่เป็นที่ดินที่กำลังพัฒนา และ 60% ของ พื่นที่จำนวนนี้ตั้งอยู่ในบีโอไอโซน 2 เกือบครึ่งนี้ 8,226 ไร่เป็นที่ดินที่กำลังพัฒนาของ นิคมอุตสาหกรรมอมตนคร ชลบุรีเฟส 2 ขณะที่ 15,585 ไร่คาดว่าจะพัฒนาในโซน อีสเทิร์นซีบอร์ด
นายมาร์คัส ได้อธิบายว่า ในไตรมาสที่ 4ของปีที่แล้ว มีโรงงานสำเร็จรูปสร้างใหม่ให้เช่า 16 แห่งจากผู้พัฒนารายใหญ่เข้าสู่ตลาด ทำให้จำนวนซัพพลายของโรงงานสำเร็จรูปทั้งหมดมี 660 แห่ง ด้วยเนี้อที่ 1,535,973 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 3.47% จากช่วงเดียวกันของปี่ที่แล้ว โดยที่อัตราการเช่าอยู่ที่ 92.75% ในไตรมาส4 ของปี 2554 โดย 539 โรงงานถูกปล่อยเช่าด้วยเนื่อที่ทั้งหมด 1,283,522 ตารางเมตร นายมาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปี้นี้ทางไนท์แฟรงค์คาดว่าจะเห็นโรงงานสร้างใหม่แล้วเสร็จเป็นเนื้อที่ประมาณ 250,000 ตารางเมตรเข้าสู่ตลาด”
ซัพพลายคลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้น 6.53% จากไตรมาสที่ผ่านมาคิดเป็นเนื่อที่ 359,363 ตารางเมตร เนื่องจากมีการตื่นตัวการย้ายทำเลหนีน้ำท่วม อัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 95.49% นายมาร์คัสแนะนำผู้เช่าในอนาคตว่า เนื่องจากตอนนี้มีการตัวเลือกของคลังสินค้าให้เช่ามีจำกัดในตลาดโดยเฉพาะพื่นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และมีความต้องการใช้พื่นที่มากในบางทำเลและในส่วนของพื่นที่โกดังที่ทันสมัยที่ยกพื้น มีท่าเทียบสินค้า และเพดานสูงไม่ต่ำกว่า 10 เมตร เราแนะนำว่าทางผู้เช่าควรจะรีบตัดสินใจวางเงินเพื่อที่จะรับประกันการใช้พื่นที่
ในไตรมาสที่ 4ของปี 2554 ค่าเช่าโดยเฉลี่ยของโกดังกระจายสินค้าเกรดเอที่ทันสมัย อยู่ที่ 149.45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะที่ค่าเช่าของคลังสินค้าเกรดบี อยู่ที่ 142.83 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และค่าเช่าของคลังสินค้าเกรดซีอยู่ที่ 87.12 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน อย่างไรก็ตาม คลังสินค้าในกรุงเทพส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างเก่า หากแต่ค่าเช่ายังคงสูงอยู่ที่ 129.37 บาทต่อตารางต่อเดื่อน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนคลังสินค้าให้เช่าที่จำกัด อีกทั้งมูลค่าที่ดินที่สูงในเขตกรุงเทพนี้
นายมาร์คัส ได้กล่าวสรุปว่า ราคาในนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และอีสเทิร์นซีบอร์ดนั้นจะเพิ่มขึ้น 5-10% ในปีนี้ ขณะเดียวกันยังมีความต้องการมากในการย้ายโรงงานจากโซนน้ำท่วม และความต้องการจากนักลงทุนรายใหม่นั้นก็เฉพาะเจาะจงไปที่ส่วนนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อย่างไรก็ตามมันเป็นการยากที่นิคมอุตสาหกรรมที่เกิดภาวะน้ำท่วมนั้นจะรักษานักลงทุนรายใหม่ โดยที่ไม่เสนอส่วนลดพิเศษ หรือแสดงให้นักลงทุนเห็นถึงมาตราการการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต นายมาร์คัส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ต่างชาติสนใจมาลงทุนมากที่สุดในอาเชียนเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตต่ำ รองรับการผลิตด้วยแรงงานที่มีทักษะ ปัจจัยอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานที่ดี ทำเลที่เป็นศูนย์กลาง และสิทธิประโยชน์ต่างๆในการลงทุนและการทำธุกิจ