บทสัมภาษณ์ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงนำจาก PROMETHEUS

ข่าวบันเทิง Monday April 30, 2012 13:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--MMM Digital Asset บทบาทในภาพยนตร์เข้ามาหาไมเคิล ฟาสเบนเดอร์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2006 ด้วยมหากาพย์ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการตีรันฟันแทงของแซ็ค สไนเดอร์ เรื่อง 300 ในระยะเวลา 5 ปีต่อมาเขาเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงผู้เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดแห่งยุคของเขา ซึ่งมีโปรเจ็กต์ภาพยนตร์เฉพาะปี 2011 มากถึง 5 เรื่อง การแสดงของเขาที่สร้างอาชีพเกิดขึ้นจากภาพยนตร์ของสตีฟ แม็คควีน เรื่อง HUNGER ที่ต่อจากบทบาทในภาพยนตร์ของแอนเดรีย อาร์โนล์ด เรื่อง FISH TANK, ภาพยนตร์ของควินติน ตารานติโน่ เรื่อง INGLOURIOUS BASTERDS และภาพยนตร์ของนีล มาร์แชล เรื่อง CENTURION ปีที่แล้วฟาสเบนเดอร์แสดงในภาพยนตร์ เรื่อง JANE EYRE, X-MEN: FIRST CLASS, A DANGEROUS METHOD, SHAME และ HAYWIRE ในฉากของภาพยนตร์เรื่อง PROMETHEUS ฟาสเบนเดอร์พูดคุยถึงการแสดงของเขาที่ต้องรับบทเป็นหุ่นยนต์ เขาได้ร่วมงานกับริดลีย์ สก็อตต์และการรับหน้าที่อย่างหนักในการก้าวสู่มหากาพย์ภาพยนตร์ คุณพอจะเล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวของ PROMETHEUS ได้บ้าง? โดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องราวของการเดินทาง มันเป็นภารกิจเชิงวิทยาศาสตร์ เราพยายามแสดงให้เห็นว่ามีการแทรกแทรงเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของโลกจากสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้มาจากโลกนี้หรือไม่ และมียานลำนี้นั่นคือโพรมีธีอุสที่จะมาตอบคำถามที่ไม่มีวันสิ้นสุดว่าทำไมเราถึงอยู่ที่นี่ เราเกิดขึ้นมาทำไม และเราเกิดมาเพื่ออะไร คุณพบว่าตัวเองคิดถึงเรื่องพวกนั้นบ้างมั้ย? แน่นอนว่าเรื่องเหล่านั้นอยู่ในความคิดลึกๆ อยู่แล้ว บางทีเราอาจพบว่าหลักความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวคืออะไร มันไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงของเรามากนัก แต่เรามีการคำนึงถึงเรื่องนั้นเลยเหมือนเป็นการบอกโดยนัย นั่นมีความสำคัญต่อ เดวิด ตัวละครของผมมากเพราะเขาถูกตัดต่อโดยมนุษย์ สำหรับเขาเลยเหมือนกับ “บางคนสร้างเราขึ้นมาฉะนั้นเราก็ถูกกำหนดโปรแกรมไว้เหมือนกัน” พวกเขาก็พูดประมาณว่า “เราไม่ได้กำหนดโปรแกรมเอาไว้ เรามีการตัดสินใจด้วยตัวเอง” เขาก็ตอบ “โอ้ จริงหรอ?” เดวิดเป็นหุ่นยนต์หรอ? ใช่ ผมเหมือนกับหัวหน้าภารกิจ หัวหน้าห้วงอวกาศ ถ้างั้นน่าจะเป็นไปได้ที่เขาสบายใจกับเรื่องไอเดียผู้สร้างโลกของเขามากขึ้น ตั้งแต่ที่เขามีความใส่ใจเรื่องเหล่านั้นตั้งแต่วันแรก ผมคิดว่ามันเป็นการสนับสนุนด้วยข้อมูลจริงว่า ไม่มีใครให้เวลาเขาบนยานอย่างจริงจัง เขาเหมือนกับ Billy-No-Mates เขาพยายามตีสนิทในบางครั้งและเขามีความกังวลอยู่บ้าง เหมือนเราอยู่ในหนังเรื่อง ALIEN อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่พวกเขาอาจไม่เป็นที่ไว้วางใจ ในความคิดของเขาแล้วเหมือนพวกเขาถูกควบคุม มันเป็นความไม่มั่นใจของตัวเขาเอง มันเป็นปฏิกิริยาป้องกันตัวของเขาต่อมัน ซึ่งเป็นการนำข้อเท็จจริงย้อนกลับมาอีกครั้งว่าเขากำลังสัมผัสกับความรู้สึกของมนุษย์ เราคิดว่าหากเรากำหนดบางอย่างขึ้นมา ช่วงหนึ่งโปรแกรมนั้นอาจเพี้ยนไปและมีการกระทำที่ไม่ปกติเกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดบุคลิกอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจ การแสดงเป็นมนุษย์หุ่นยนต์เปลี่ยนการแสดงทั้งหมดของคุณหรือเปล่า? มันไม่ได้เปลี่ยนการแสดงของเรา แต่เราต้องเริ่มสร้างบุคลิกของเราด้วยการพยายามทำความเข้าใจว่ามันมีความคิดแบบไหน มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุและผล ฉะนั้นทุกสิ่งจึงมีการคิดคำนวณตลอดเวลาและทุกสิ่งจะถูกเก็บข้อมูลไว้ตลอด เช่น การเดิน ผมนำการเดินของผมมาจากเกร็ก ลูกานิส ผมคิดว่าเขาเป็นนักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญในช่วงต้นยุค 80 ผมจำได้ว่าเคยดูเขาตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมจำได้ว่าเขาเคยเดินแบบแปลกๆ บนบอร์ดกระโดดน้ำ เพราะฉะนั้นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นอาจมีส่วนช่วยเหลือได้ ผู้ชายคนนี้เหมือนกับคนที่คลั่งโยคะ เหมือนเขาวางตำแหน่งลำตัวไว้กึ่งกลางตลอดเวลา มันไม่ใช่ลักษณะที่มนุษย์ยืนตามปกติ ตำแหน่งลำตัวของเขาอยู่ตรงกลางเลย แต่ต้องพยายามไม่ทำให้ดูเหมือนศพเกินไป เพราะผมอยากแสดงให้ดูมีความกำกวมว่าเขามีความเป็นมนุษย์ผู้ชายแค่ไหนและเขาเป็นเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์อย่างไร หุ่นยนต์ของริดลีย์ค่อนข้างล้ำสมัยอยู่เสมอ — เขาทำตัวกลมกลืนกับกลุ่มมนุษย์ได้อย่างไร? มีหลักการปกครองอยู่ทุกกลุ่มเสมอ ผมคิดว่านั่นคือเหตุผลที่เรามีนักแสดงกลุ่มนี้ที่คัดสรรมาอย่างดี ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับริดลีย์ และเดมอนถ่ายทอดบทภาพยนตร์ออกมาได้จริงๆ กัน ทั้งความเหมาะสม จังหวะและความคิดสร้างสรรค์ของบทภาพยนตร์ แต่ละคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองในยานลำนั้น ซึ่งมันเป็นเป้าหมายส่วนตัวจริงๆ บางคนไปที่นั่นเพื่อผลตอบแทน บางคนไปที่นั่นเพื่อหาคำตอบ บางคนไปที่นั่นเพราะหวังว่าจะพบความลับบางอย่าง บางคนเดินทางไปที่นั่นด้วยเจตนาที่ไม่ดี เราจะได้พบกับมิตรภาพ เรื่องราวส่วนตัว แรงจูงใจ ซึ่งนั่นเป็นจุดที่เรียกความสนใจได้ก่อนที่เหตุการณ์ร้ายๆ จะเกิดขึ้น คุณรู้สึกถึงหน้าที่สำคัญที่มาพร้อมกับการรับบทแสดงในภาพยนตร์แนวไซไฟของริดลีย์ สก็อตต์ เมื่อภาพยนตร์สองเรื่องหลังกำหนดแนวภาพยนตร์มั้ย? มันเหมือนกับการแสดงเรื่อง X-MEN: FIRST CLASS มากๆ และเหมือนกับงานของผมทุกเรื่องที่ผมต้องพยายามและรับมือกับมัน เรารู้สึกถึงความรับผิดชอบเพราะมีคนจ้างเรา โดยเฉพาะคนที่มีความสามารถอย่างริดลีย์ สก็อตต์ เราไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง เขามอบความไว้วางใจให้เราในการคัดเลือกตัวนักแสดง ผมจึงมีการเตรียมตัวมาอย่างหนักและให้ความร่วมมือด้วยหลายไอเดียที่ผมให้ได้ จากนั้นก็แสดงมันออกมาให้เห็น ซึ่งมันเป็นเรื่องของการไว้วางใจ เราต้องไว้ใจเขา ซึ่งเรามีความสนุกสนานมากและได้พบกับอะไรหลายอย่าง ไม่หรอก หากเราเอาความกดดันนั้นเข้าฉากร่วมกับเรา เราจะพบกับปัญหา แน่นอนว่ามันมีความกลัวอยู่ตลอด ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพนะ ผมมีความกลัวเสมอ สำหรับผมมันทำให้เรามีจุดยืนและไม่ทำให้เราเกิดความพอใจ หากผมนำความกดดันเข้าฉาก มันจะเป็นการเบี่ยงบนความสำคัญจากการแสดงของผม ผมอยากรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสบายใจที่ได้ลองแสดงไอเดียออกไป ริดลีย์ทำให้คุณเซอร์ไพรส์มั้ย? คุณคาดคิดได้มั้ยว่าเขาจะทำแบบไหน? ไม่มีทางเลย นั่นเป็นสิ่งที่ผมเดาว่าอาจดีพอๆ กับของคุณระหว่างการทำงาน สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ “โอ้ พระเจ้า อย่าทำพังเชียวนะ” แน่นอนว่าเรารู้ว่าเขาเป็นตำนาน เขาเคยร่วมงานกับเหล่านักแสดงยอดฝีมือแห่งวงการ ซึ่งเราคิดว่า “พระเจ้า หวังว่าผมมาถูกทางนะ ผมพร้อมแล้ว” จากนั้นเราก็เข้าฉากและได้รู้ว่าเขาเป็นคนทำตัวสบายมากๆ เขารักงานของเขา พลังที่เขาแสดงออกมาทุกวันในฉาก ความกระตือรือร้น ความรักในการทำงานของเขา นั่นคือความเซอร์ไพรส์ที่น่าดีใจที่สุด ผมต้องพูดว่าผมเข้าจังหวะกับเขาได้อย่างรวดเร็วมาก เราทำงานกันอย่างรวดเร็วและง่ายมาก ฉากต่างๆ ช่างน่าเหลือเชื่อ — มันทำให้การทำงานง่ายขึ้นมั้ย? ผมคิดว่าไม่คงไม่ได้พบอะไรที่น่าประทับใจแบบนี้อีกแล้ว ผมจำตอนที่เดินอยู่บนยานในช่วงวันแรกๆ ได้ว่ารู้สึก “พระเจ้า ใช่เลย ได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว” เข้าใจมั้ยผมหมายถึงอะไร? มันเหมือนกับไม่ต้องใช้การแสดงอะไรเลย ผมกดทุกปุ่มนั่นเลยแล้วก็รู้สึกขึ้นได้ว่า ว้าว ฝ่ายศิลป์คำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย แผงบังคับเหมือนกับจังหวะการเต้นของหัวใจยาน มันมีการแสดงสัญลักษณ์ที่สำคัญทั้งหมด ทุกอย่างมีการคิดเอาไว้ แน่นอนว่าการมีสิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัวมันช่วยเราได้โดยไม่มีข้อสงสัย มันเหมือนกับการสวมเครื่องแต่งกาย ถ้าเราแสดงหนังแนวพีเรียดที่รายล้อมไปด้วยอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้สอยกันในยุคนั้น ทุกอย่างจะช่วยให้เราเข้าถึงตัวละครได้อย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ Prometheus - โพรมีธีอุส เข้าฉายในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ นำแสดงโดย นูมี ราเพซ , ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ , แพททริค วิลสัน , ไอดริส เอลบา และ ชาร์ลิซ เธอรอน กำกับภาพยนตร์โดย ริดลีย์ สก็อตต์ และมาร่วมอัพเดทข้อมูล Prometheus - โพรมีธีอุส ก่อนใครได้ที่ https://apps.facebook.com/starmap_th/
แท็ก ภาพยนตร์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ