บ้านปู คาดผลการดำเนินงานปี 55 ใกล้เคียงกับ ปี 54

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 11, 2012 14:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--บ้านปู บริษัท บ้านปูฯ คาดผลการดำเนินงานในปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 54 ที่ผ่านมา จากปริมาณถ่านหินที่เพิ่มขึ้นทั้งจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย มั่นใจปริมาณการผลิตและขายถ่านหินใกล้เคียง เป้าหมายที่ตั้งไว้ ยืนยันกฎระเบียบด้านการทำเหมืองแร่ ทั้งของอินโดนีเซีย และออสเตรเลียไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2555 ว่าจะมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ตามปริมาณการผลิตและยอดขาย ถ่านหินที่จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยตั้งเป้าหมายปริมาณการขายถ่านหินรวมจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และจีน ที่ประมาณ 47- 48 ล้านตัน จาก 42 ล้านตันในปี 2554 โดยปริมาณการขายจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย และออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 เป็นประมาณ 27 ล้านตัน และ 16 ล้านตัน ตามลำดับ ส่วนยอดขายที่เหลือคาดว่าจะมาจากประเทศจีนและมองโกเลีย สำหรับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของทั้งปีคาดว่าจะดีกว่าปีที่แล้ว โดยราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของอินโดนีเซียจะสูงกว่าปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 97 เหรียญสหรัฐต่อตัน เช่นเดียวกันราคาขายของถ่านหินออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วชึ่งอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน ทั้งนี้ การขายถ่านหินจากทั้งสองประเทศได้มีการกำหนดราคาไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นส่วนใหญ่ “ในปีนี้ คาดว่ารายได้จากการขายจะเติบโตได้ ธุรกิจถ่านหินซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ จะได้รับผลดีจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและราคาขายที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่ราบรื่นในไตรมาสแรก และน่าจะยังคงทรงตัวต่อเนื่อง” นายชนินท์กล่าว ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/55 ที่ผ่านมา บ้านปูฯ มีปริมาณขายถ่านหินจำนวน 9.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็น ปริมาณการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย จำนวน 5.7 ล้านตัน และออสเตรเลีย จำนวน 3.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และลดลงร้อยละ 3 ตามลำดับจากไตรมาส1/54 ในขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย และออสเตรเลียในไตรมาสนี้อยู่ที่ 100.63 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ 73.02 เหรียญออสเตรเลียต่อตันตามลำดับ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 28,310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,132 ล้านบาท หรือร้อยละ 17 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 26,522 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 94 ของรายได้จากการขายรวม) และรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน และรายได้อื่นๆ มีจำนวน 1,789 ล้านบาท (ร้อยละ 6 ของยอดขายรวม) สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้นมีจำนวน 2,785 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 70 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และลดลง ร้อยละ 21 จากไตรมาส 4 ของปี 2554 เนื่องจากไม่มีการบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในไตรมาสนี้หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่มีการบันทึกกำไรหลังหักภาษีจากการขายเหมืองต้าหนิงในประเทศจีน จำนวน 6,308 ล้านบาท “หากไม่นับรวมกำไรจากการขายเงินลงทุนแล้วจะเห็นว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2เท่า(หรือร้อยละ 204) จากไตรมาส 1/54 แบ่งเป็นกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3 เท่า (หรือร้อยละ 330) จากไตรมาส 1/54 และกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 477 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จาก ไตรมาส 1/54 โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังคงดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น และจะยังคงสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากมีสัญญารับมอบถ่านหินของปีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”นายชนินท์กล่าวปิดท้าย บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพลังงานแห่งเอเชียที่มีความฉับไว ดำเนินธุรกิจถ่านหินและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีฐานธุรกิจใน 5 ประเทศหลัก คือ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย และมองโกเลีย สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 มีสินทรัพย์รวม 222,635 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 และมีหนี้สินรวม 131,527 ล้านบาท ลดลง 4,827 ล้านบาท หรือร้อยละ 4 สำหรับอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เท่ากับ 0.69 เท่า เทียบกับ 0.74 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) เท่ากับ10.25 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 33.72 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ