แสนสิริ เผยผลสำรวจเจาะลึกภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ย่านชัยพฤกษ์ — ราชพฤกษ์ - แจ้งวัฒนะ หลังวิกฤตน้ำท่วมใหญ่รอบ 50 ปี

ข่าวอสังหา Thursday May 17, 2012 11:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--4D Communications - รัฐและเอกชนเร่งพัฒนาโปรเจครับการขยายตัว ผู้ประกอบการระดมแผนฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค- แสนสิริ ส่งทีมวิจัยลงภาคสนามสำรวจภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ฝั่งตะวันตก “ชัยพฤกษ์ - ราชพฤกษ์ — แจ้งวัฒนะ” หลังน้ำท่วมหนักช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบโดยรวมฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ด้านภาครัฐและเอกชน เร่งพัฒนาโครงการรับการเติบโตของชุมชนในย่านดังกล่าว หลังครองแชมป์ทำเลฮอตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อีกทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็เร่ง คลอดแผนเรียกคืนความเชื่อมั่นจากลูกค้าแบบครบวงจร ระบุมั่นใจโซนนี้จะกลับมาบูมอีกครั้ง นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมโครงการ อสังหาริมทรัพย์ย่าน ชัยพฤกษ์ - ราชพฤกษ์ - แจ้งวัฒนะ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ จากการส่งทีมวิจัยเพื่อลงสำรวจภาพรวมล่าสุด พบว่า สถานการณ์โดยรวมเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติเช่นเดียวกับ ช่วงก่อนเกิดอุทกภัย ทั้งนี้ รูปธรรมที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวดังกล่าวเกิดจากการเกิดใหม่ของกลุ่ม Community Mall ขนาดใหญ่ รวมถึงสถานศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง และโครงการต่อยอดเพื่อพัฒนาเมืองของภาครัฐ เพื่อตอบกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงเห็นในศักยภาพของทำเลในย่านดังกล่าว ที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 8 — 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นย่านที่รวมกำลังซื้อคุณภาพไว้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้ามุ่งพัฒนาโครงการในย่านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญยังได้วางแผนและพัฒนาระบบเพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัยแบบครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของกำลังซื้อกลับคืนมา “ในส่วนของ แสนสิริ เราให้ความสำคัญต่อลูกบ้านเป็นอันดับแรก เรายื่นมือเข้าจัดการปัญหาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุอย่างเต็มที่ ทำให้โครงการโดยรวมสามารถฟื้นคืนกลับสู่ภาวะปกติ ได้อย่างรวดเร็ว โดยยอดขายของโครงการบ้านเดี่ยวโดยรวมของเราเริ่มกลับมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม เพราะลูกค้าเห็นถึงศักยภาพในการบริหารเรื่องน้ำของเรา ดังนั้น เราจึงเร่งพัฒนาแผนในการ ฟื้นคืนความเชื่อมั่นของกำลังซื้อใหม่ด้วยการสร้างแผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำเพื่อที่อยู่อาศัย แบบครบวงจรนำร่องโครงการแรกที่ “เศรษฐสิริ ชัยพฤกษ์ - แจ้งวัฒนะ” ด้วยงบประมาณรวม 9 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการสร้างระบบดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่งผลให้จำนวนลูกค้า เข้าเยี่ยมชมโครงการเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึง 50%” นายเมธา อังวัฒนพานิช กล่าว ทั้งนี้ เมื่อเจาะลึกถึงแผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำเพื่อที่อยู่อาศัยของแสนสิริแล้วพบว่าสามารถ ครอบคลุมในทุกช่วงการเกิดอุทกภัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ "แสนสิริ ได้วางมาตรการป้องกันน้ำไว้ 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 บริเวณรั้วโครงการ เราได้ทำการ เก็บปูนตามแนวรอยต่อ รอบรั้วโครงการตลอดแนว ส่วนที่ 2 ดำเนินการติดตั้งสถานีสูบน้ำ ภายในโครงการรวม 2 สถานี ณ บริเวณ ด้านหลังของโครงการ โดย 1 สถานี มีเครื่องสูบน้ำ จำนวน 2 เครื่อง สามารถสูบน้ำออกจากโครงการได้ถึง 7 ซม. / ชม. เครื่องสูบน้ำมีความสูง 5 ม. ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ดิน 4 ม. และเหนือพื้นดินอีก 1 ม. เป็นระบบลูกลอย โดยเครื่องสูบน้ำ จะทำงานเมื่อมีปริมาณน้ำสูง 3 ม. วัดจากตัวเครื่องสูบ และส่วนที่ 3 ดำเนินการสร้างแนวป้องกันน้ำด้านหน้าโครงการ โดยยกแนวพื้นถนนทางเข้าโครงการให้สูงประมาณ 1 ม. ทำเสมือนเป็นสะพานข้ามคลองและเพิ่มบ่อพักน้ำ ใต้ดินรองรับการติดตั้ง Mobile Pump ซึ่งทั้ง 3 ส่วนได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือแผนในส่วนของการป้องกัน และนอกจากแผนด้านการป้องกันแล้ว แสนสิริ ยังเน้นสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ทั้งลูกบ้านที่ซื้อโครงการแล้วและลูกค้าใหม่ โดยลูกบ้านที่ซื้อโครงการแล้วที่ประสบอุทกภัยในครั้งที่ผ่านมา เราได้ให้ความช่วยเหลือโดยเข้าตรวจเช็คระบบไฟฟ้า ช่วยทำความสะอาดและจัดหาผู้ให้บริการ ที่เกี่ยวกับตัวบ้าน และภายในบ้าน เช่น บริการทำความสะอาด, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องปรับอากาศ, ปั้มน้ำ, บานประตู เป็นต้น ตลอดจนมอบเงินช่วยเหลือสำหรับใช้เป็นค่าซ่อมแซมบ้านอีกด้วย และในส่วนของลูกค้าใหม่ แสนสิริ ได้นำเสนอ มาตรการป้องกันน้ำท่วมแบบครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้ใช้ทีมงานมืออาชีพในการออกแบบการรับมืออุทกภัย ดังเช่นที่ได้นำเสนอไปแล้ว นอกจากนี้ ยังได้สร้างความอุ่นใจให้เพิ่มมากขึ้น โดยการสร้างสรรค์แคมเปญพิเศษจองบ้าน และโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 31 ธันวาคม 2555 ลูกค้าจะได้รับประกันภัย “คุ้มครองอุ่นใจ” ซึ่งเป็นประกันภัยที่คุ้มครองในเรื่องภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ โดยลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 9 แสนบาท ระยะเวลา 1 ปี นับจากวันโอนกรรมสิทธิ์” นายเมธา อังวัฒนพานิช อธิบายถึงรูปธรรมของแผนการฟื้นฟูความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคของ แสนสิริ และจากรายงานของฝ่ายวิจัยแสนสิริ พบว่า ภาพรวมตลาดบานเดี่ยวในย่านรอบนอก ยังราคาสูงตอบรับดี สวนกระแสวิกฤตมหาอุทกภัย ’54 สําหรับบานเดี่ยวไตรมาส 1 ของปี 55 พบอุปทานรวมอยูที่ 4,941 ยูนิต โดยทยอยเปิดขายกอนบางสวนจํานวน 1,935 ยูนิต สวนแบงยูนิตเสนอขาย 89% เปนของผูประกอบการรายใหญ ราคาสวนใหญยังเนนกลุม 3-5 ล้านบาทเปนหลัก คิดเปนสวนแบง 45.6% รองลงมาคือกลุม 1-3 ลานบาท มีสวนแบง 32% กลุม 7-10 ลานบาท มีสวนแบง 10% กลุม 5-7 ลานบาท มีสวนแบง 7% กลุม 10-20 ลานบาท มีสวนแบง 5% และกลุมราคามากกวา 20 ลานบาท มีสวนแบง 0.4% เปดตัวสูงสุดในพื้นที่ปทุมธานี-ลําลูกกา รองลงมาคือ บางใหญ-รัตนาธิเบศร และบางบัวทอง-ไทรนอย เปนตน แมภาพรวมอัตรายอดขายไดในเดือนแรกที่เปิดตัวจะอยูที่อัตรา 10-20% แตคาดว่ายอดขาย จะเติบโตดีขึ้นในอนาคต แมภาวะตลาดในปที่ผานมาจะซบเซาลงไปบาง และคาดวาปนี้ สถานการณ์มีแนวโน้มกลับมาทรงตัวได้ดีอีกครั้ง แต่ผูประกอบการอาจ ตองรับภาระหนักขึ้นดวยการกระตุน ยอดขาย จากหลายชองทางเพื่อสรางแรงจูงใจที่หดหายไปขณะหนึ่งเมื่อสิ้นปที่ผานมา ถึงอยางไร อุปทานโดยรวมจนถึงครึ่งปแรกนี้คาดวาจะเติบโตขึ้นอีกทั้งอุปสงคและอุปทานประมาณ 3-5% จนทําใหสัดสวนยอดขายไดกลับมาทรงตัว ในระดับ 55-60% สําหรับราคาเสนอขายยังเนนกลุม 3-5 ลานบาท เปนสินคาหลัก และมีแนวโนมผูประกอบการ จะขยายกําลังผลิตไปที่กลุม 5-7 ลานบาท และ 10-20 ลานบาท เพิ่มขึ้นเนื่องจากในปที่ผานมามีอัตราดูดซับดีเพราะเปน ที่ตองการของผูบริโภครายไดสูง อุปสงคในกลุมนี้มีภาวะความเสี่ยงต่ำต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ประกอบกับ มีโอกาสชวงชิงสวนแบ่งอุปสงคไดสูงและคาดวาภาพรวมราคาเสนอขายอาจขยับตัวสูงขึ้นอีก 5-7% จากปจจุบัน ตามภาระตนทุนการพัฒนาที่สูงขึ้น ซึ่งในป 2554 ที่ผานมา เริ่มมีตัวเลขใหเห็นชัดเจนถึงแนวโนมราคา ที่ปรับตัวขึ้นในหลายโครงการ อาทิ โซนฝงธนบุรีมีราคาขายเฉลี่ยปรับตัวขึ้นมาอยูที่ 5.21 ลานบาท และโซนนนทบุรีอยูที่ 6.21 ลานบาท จึงทําใหราคาเสนอขายในปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยขยับตัวสูงถึง 10% “แสนสิริยังเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของทำเลชัยพฤกษ์และราชพฤกษ์ เพราะเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่รายล้อมไปด้วยระบบสาธารณูปโภคครบครัน รวมทั้งการเกิดใหม่ของศูนย์การค้าขนาดเล็กและแหล่งรวมชุมชนสนองไลฟ์สไตล์ (Community Mall) สถานศึกษา อีกทั้งยังสะดวกต่อการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ของ กทม. และจังหวัดใกล้เคียง เพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง ดังนั้น เราจึงยังวางแผนการลงทุนพัฒนาโครงการในย่านนี้อย่างแน่นอน โดยทำเลที่มองไว้จะอยู่ใกล้กับที่ตั้งมหาวิทยาหอการค้าไทยแห่งใหม่ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นในอนาคตภายหลังจากมีการเปิดมหาวิทยาลัยแล้ว” นายเมธา อังวัฒนพานิช กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ