กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--ปตท.
ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สรุปรายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ราคาน้ำมันดิบหลักทุกชนิดลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยน้ำมันดิบเวสเท็กซัส (WTI) เฉลี่ยปรับตัวลดลง 3.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อยู่ที่ 93.12 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เฉลี่ยปรับตัวลดลง 3.18 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อยู่ที่ 109.64 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) เฉลี่ยปรับตัวลดลง 1.83 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อยู่ที่ 107.19 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยปรับตัวลดลง 3.59 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อยู่ที่ 120.79 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลเฉลี่ยปรับตัวลดลง 2.71 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อยู่ที่ 122.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา ได้แก่
ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- Fitch Ratings ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศกรีซลง 1 อันดับมาอยู่ที่ CCC จากระดับ B- และ Moody's ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ระยะยาวของธนาคารสเปนทั้งหมด 16 แห่ง
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ค. 55 ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ระดับ 370,000 ราย
- กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเดือน เม.ย. 55 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.74% อยู่ที่ระดับ 8.40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (Energy Information Administration: EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค.55 เพิ่มขึ้น 2.12 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 381.64 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 22 ปี
- North Dakota Industrial Commission รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันของรัฐนอร์ทดาโคตา (North Dakota) ทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. 55 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 19,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 0.575 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- บริษัท JX Nippon Oil & Energy ของญี่ปุ่นมีแผนลดอัตราการกลั่นน้ำมันดิบในเดือน พ.ค. 55 ลง 4% มาอยู่ที่ระดับ 0.998 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมัน Gasoline และ Diesel ในประเทศลดลง
ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีรายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 1/55 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 0.5% เนื่องจากยอดส่งออกขยายตัว
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศสรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non-Farm Payrolls) ในไตรมาส 1/55 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 0.1%
- ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนเงินสำรอง (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% มีผลตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 55 ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจ
- Reuters รายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านในเดือน เม.ย. 55 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเฉลี่ยที่ระดับ 3.50 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ทศวรรษ
- ทางการอินเดียมีแผนปรับลดปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านลงจากปีก่อนหน้า 11% อยู่ที่ระดับ 113.6 ล้านบาร์เรล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2556
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ที่ 21-25 พ.ค. 55
ในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีแนวรับแนวต้านอยู่ที่ 105-113 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 89-97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลตามลำดับ ทั้งนี้ราคาน้ำมันมีความผันผวนปรับตัวขึ้นลงตามปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางจิตวิทยา โดยนักลงทุนมีความวิตกกังวลว่าปัญหาทางการเมืองและวิกฤตหนี้สินของกรีซ อาจทำให้กรีซต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ประกอบกับ State Information Center ของจีนคาดการณ์อัตราการเจริญโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 2/55 จะลดลงจากไตรมาสก่อน 0.6% อยู่ที่ระดับ 7.5% ส่งผลให้นักลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามระบบท่อขนส่ง Seaway Pipeline ในสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการขนส่งน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ออกจากคลังน้ำมันที่เมือง Oklahoma เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 55 ที่ผ่านมา โดยปริมาณขนส่งจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 150,000บาร์เรลต่อวัน ภายในสัปดาห์นี้ ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันดิบ WTI นอกจากนั้นที่ประชุมกลุ่มประเทศ G8 แสดงความเห็นว่าราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นเมื่อมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้เต็มที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.ค. 55 ทั้งนี้ให้จับตามาตรการของรัฐบาลประเทศ G-8 ที่ส่งสัญญาณแสดงความพร้อมระบายน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อบรรเทาปัญหาข้างต้นในทันทีที่เกิดปัญหาตลอดจนการประกาศร่วมมือกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน