กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--ก.ล.ต.
ตามที่ปรากฏข่าวว่า บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“BROOK”) จะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของ แม็คมิลเลน แอดเวนเทจ แคปปิตอล ลิมิเต็ด (“แม็ค”) จากผู้ถือหุ้นเดิมของแม็คจำนวน 16 ราย โดย BROOK จะชำระค่าหุ้นบางส่วนเป็นเงินสด และบางส่วนเป็นหุ้นเพิ่มทุนของ BROOK และ BROOK ได้ยื่นทำคำเสนอซื้อจากบุคคล 16 รายดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งคณะกรรมการ BROOK ให้เหตุผลว่ารายการดังกล่าวเป็นการสร้างโอกาสให้ BROOK ได้ขยายเครือข่ายทางธุรกิจเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
เท่ากับเป็นการขยายฐานรายได้และลูกค้าของ BROOK
โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 2 รายจาก16 รายข้างต้น เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ BROOK คือ (1) นายโรเบิร์ตวิลเลี่ยม แม็คมิลเลน กรรมการบริหารและกรรมการของ BROOK และแม็ค และ (2) รอลิน อินเวสเม้นส์ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งของ BROOK และขนาดของรายการมีนัยสำคัญ การทำรายการดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันและรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่ต้องขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ดังนั้น BROOK จึงจะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการทำรายการดังกล่าวในวันที่ 24 พฤษภาคม 2555
อย่างไรก็ดี ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันในครั้งนี้ เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นสามัญของแม็คไม่สมเหตุสมผล ในขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบ (AC) มีความเห็นพ้องกับ IFA ว่า ราคาซื้อหุ้นแม็คเฉลี่ยสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ปรับปรุงแล้วอย่างมีนัยสำคัญและมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการได้รับเงินคืนทุนจากการลดทุนของแม็คกรณีนี้ AC และ IFA มีความเห็นแตกต่างจากคณะกรรมการ BROOK ประกอบกับการทำรายการดังกล่าวมีผลต่อราคาและผลประโยชน์ที่ BROOK จะได้รับ ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นโปรดศึกษาข้อมูลโดยละเอียดและใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมกับขอให้ซักถามผู้บริหารบริษัทถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย
อนึ่ง รายการดังกล่าวข้างต้นต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย นอกจากนี้ ในส่วนที่ BROOK จะออกหุ้นใหม่เพื่อชำระค่าหุ้นแม็คยังเข้าข่ายเป็นการเสนอขายหุ้นในราคาต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด จึงต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน และไม่มีผู้ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละ 10 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม ออกเสียงคัดค้านการเสนอขายหุ้น