สผ.เตรียมผลักดันอีไอเอปรับปรุงใหม่มุ่งเน้นให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมตรวจสอบ

ข่าวทั่วไป Wednesday June 16, 2004 08:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 47 ที่ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในประเด็นเรื่อง การปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น มีสาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ การปรับปรุงครั้งนี้ได้ทำให้มีการแบ่งระดับของการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมออกเป็น 2 ระดับ โดยหากเป็นโครงการที่มีขนาดเล็กกว่าหรือเป็นโครงการที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ให้จัดทำรายงานในลักษณะของรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น หรือ ไออีอี ส่วนโครงการขนาดใหญ่หรืออาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ จะต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถวางมาตรการป้องกันและแก้ไขไว้ล่วงหน้า ไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะต้องมาแก้ไขในภายหลังอันอาจจะไม่คุ้มค่านางนิศากร โฆษิตรัตน์ รองเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้กล่าวถึงการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครั้งนี้ว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีการพิจารณาปรับปรุงใน 2 ประเภทโครงการ คือ กิจการทำเหมืองตามกฎหมายว่าด้วยแร่ และโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งกิจการเหมืองที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอนั้น ได้แก่ เหมืองถ่านหิน โพแทช เกลือหิน หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ แร่โลหะทุกชนิด เหมืองแร่ใต้ดิน และเหมืองแร่ทุกชนิดที่ตั้งในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 บีตามมติ ครม. ทะเล ป่าอนุรักษ์ เพิ่มเติมตามมติ ครม. รวมทั้งพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติและนานาชาติ ตลอดจนกิจการเหมืองที่ตั้งอยู่ในระยะ 2 กิโลเมตรใกล้กับโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ รวมไปถึงแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ก็ต้องจัดทำอีไอเอ ส่วนโครงการเหมืองแร่อื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มข้างต้น ให้จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น หรือ ไออีอี แทนขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยนั้น คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้มีการปรับปรุงโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 18 เมตรขึ้นไปทุกขนาด ซึ่งตั้งอยู่ในระยะ 200 เมตร ใกล้กับวัด วัง ศาสนสถาน โบราณสถาน ริมแม่น้ำ ทะเลสาบ และชายทะเล โดยวัดจากระดับน้ำทะเลสูงสุด ต้องจัดทำ อีไอเอ ตลอดจนโครงการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย หรือเพื่อการพาณิชย์ในเขตกรุงเทพฯหรือปริมณฑล ที่มีที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไป หรือมีพื้นที่โครงการเกินกว่า 100 ไร่ รวมทั้งโครงการโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตั้งแต่ 100 เตียงขึ้นไป ก็ต้องมีการจัดทำ อีไอเอ เช่นกันส่วนในกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น หรือ ไออีอี ซึ่งโครงการที่เข้าข่ายในกลุ่มนี้จะมีอาคารที่มีขนาดพื้นที่รวมกันทุกชั้น หรือชั้นใดชั้นหนึ่งในหลังเดียวกัน หรือเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยทุกหลังในโครงการเดียวกันตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป รวมทั้งยังมีโรงแรม สถานที่พักตากอากาศ และอาคารที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมที่มีห้องตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป ตลอดจนโครงการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 300 — 400 แปลง หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 -100 ไร่ และในเขตพื้นที่อื่นๆ ที่มีจำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 300 แปลงขึ้นไปหรือ ตั้งแต่ 50 ไร่ขึ้นไป โดยโครงการทั้ง 3 ประเภทนี้จะทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเท่านั้น นอกจากการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการฯ แล้ว คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยังได้พิจารณาเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้มีการตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นภายในจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ เพื่อทำหน้าที่พิจารณารายงานฯ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยังมีมติให้การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นนี้ ต้องจัดทำโดยผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ชำนาญการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม“ซึ่งข้อดีของการกำหนดให้มีคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นภายในจังหวัดนี้ จะมีผลทำให้กลไกด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเริ่มลงไปสู่ระดับพื้นที่ รวมทั้งยังเป็นการลดภาระผู้ประกอบการที่ไม่ต้องเสนอรายงานเข้ามาในส่วนกลาง และยังทำให้รายงานฯ ได้รับการพิจารณาโดยผู้ที่รู้ปัญหาในพื้นที่ อันจะช่วยให้การพัฒนาโครงการมีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งนับเป็นวิวัฒนาการที่สำคัญสำหรับระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย” รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความเห็น และยังกล่าวเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการดำเนินการของ สผ.ต่อจากนี้ไปว่า“สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะวางแนวทางการปฏิบัติ ด้วยการออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ รวมทั้งจะได้มีการประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำร่างแนวทางต่างๆ ประกอบการดำเนินงานต่อไป” ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักส่งเสริมและเผยแพร่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 49 พระราม 6 ซอย 30 ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 http://www.deqp.go.th. โทรศัพท์/โทรสาร: 0-2298-5852-3--จบ---นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ