ปภ. เตือน 1 — 2 สัปดาห์นี้ ไทยอาจได้รับผลกระทบจากพายุหมุน

ข่าวทั่วไป Friday September 9, 2005 17:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนทั่วทุกภาคของประเทศจะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น พื้นที่เสี่ยงภัยต้องระวังภัยธรรมชาติ ส่วนคลื่นลมในทะลมีกำลังแรงขึ้น ทำให้จังหวัดในพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก - ตะวันออก และจังหวัดที่ติดกับอ่าวไทยตอนบนได้รับผลกระทบ อนึ่ง ในระยะ 1 — 2 สัปดาห์นี้ หย่อมความกดอากาศต่ำ อาจเพิ่มกำลังแรงเป็นพายุหมุน และมีโอกาสเคลื่อนที่เข้าใกล้ประเทศไทยมากขึ้น
นายสุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วทุกภาคของประเทศมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนตกชุกหนาแน่น และตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้นได้ จึงขอเตือนให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะพื้นที่ ราบลุ่มเชิงเขา ที่ลาดชัน และริมน้ำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด ระวังภัยจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ในระยะ 1-2 วันนี้ โดยให้ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด เตรียมขนย้ายทรัพย์สิน สิ่งของมีค่าไว้ที่สูงหรือในที่ปลอดภัย หากได้รับการแจ้งเตือนจะได้อพยพหนีภัยได้ทันท่วงที นอกจากนี้ ยังพบว่า ร่องฝนได้เลื่อนลงมาพาดผ่านตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้ภาคกลาง ภาคตะวันออกมีฝนหนาแน่นมากขึ้น ส่วนคลื่นลมในทะเลจะเพิ่มกำลังแรงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่ห่างจากชายฝั่ง จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง และมีคลื่นสูง 2 — 3 เมตร โดยพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ พื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก ตั้งแต่จังหวัดระนองลงไป และฝั่งทะเลด้านตะวันออก คือ จังหวัดที่อยู่ติดทะเลอ่าวไทยตอนบน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด จึงขอให้ผู้ที่เดินทางไป เที่ยวทะเล และชาวเรือ เพิ่มความระมัดระวัง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
นายสุนทร กล่าวต่อไปว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ตรวจติดตามสภาพอากาศเพิ่มเติม พบว่า ในช่วง 1 — 2 สัปดาห์นี้ หย่อมความกดอากาศต่ำ ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีนใต้ จะมีโอกาสเพิ่มกำลังแรงเป็นพายุหมุนได้ตลอดเวลา และมีทิศทางเคลื่อนที่เข้าใกล้ประเทศไทย ประกอบกับ ระยะนี้ ร่องฝนได้พาดผ่านตอนกลางของประเทศไทย และกระแสลมตะวันตกเฉียงใต้เพิ่มกำลังแรงขึ้น ทำให้มีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้น และ ฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ และยิ่งถ้าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เกิดพายุเคลื่อนตัวขึ้นสู่แผ่นดินบริเวณใกล้เคียง ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติภัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติในระยะนี้ จึงขอเตือนให้ผู้ขับที่รถผ่านเส้นทางที่มีฝนตก เพิ่มความระมัดระวัง อย่าขับรถเร็ว เพราะถนนที่เปียกลื่น จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากขึ้น หากน้ำท่วมผิวการจราจร ขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง แต่ถ้าน้ำท่วมสูง อย่าขับรถลุยน้ำโดยเด็ดขาด เพราะรถอาจถูกพัดลอยไปตามกระแสน้ำได้ ตลอดจนขอเตือนให้ผู้ขับรถผ่านเส้นทางที่เป็นภูเขาสูงชัน ในขณะที่มีฝนตกหนัก เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ เนื่องจากอาจจะมีหินร่วง หรือดินไหลปิดเส้นทาง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ และในขณะที่ขับรถขึ้นหรือลงเขา ไม่ควรขับรถเร็ว ให้ใช้เกียร์ต่ำ เพราะพื้นถนนที่เปียกลื่น ทำให้รถเสียการทรงตัว แหกโค้ง พุ่งลงหุบเหวได้ สำหรับผู้ที่จะไปท่องเที่ยวป่า น้ำตก และปีนเขาในช่วงนี้ ขอให้ระมัดระวังเช่นกันเพราะอาจได้รับอันตรายจากน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม ได้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ภัยพิบัติ กรมป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด อำเภอ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจะได้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันที เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้น และหากพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ทางสายด่วน 1784 กรม ปภ. ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยทหาร มูลนิธิ อาสาสมัคร เข้าช่วยเหลือโดยด่วนต่อ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ โทร./โทรสาร.0-2243-0674
e-mail : public@ disaster.go.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ