มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ อัดงบ 50 ล้านหนุน "ทีโน่" หวังกวาดส่วนแบ่งการตลาดผ้าอ้อมเด็ก 10% กลางปีหน้า

ข่าวทั่วไป Thursday June 17, 2004 17:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--AD2Y Communications Service
มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ ผู้ผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แบรนด์ "อันอัน" พร้อมลงแข่งขันในตลาดผ้าอ้อมเด็ก เตรียมทุ่มงบการตลาด 50 ล้านบาทหนุนแบรนด์ "TINO" เต็มสูบ หลังชิมลางตลาดและพัฒนาสินค้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีก่อน พร้อมชูคุณสมบัติพิเศษซึมซับได้เร็วขึ้นและดีกว่าคู่แข่งถึง 50% ขณะที่ราคายังต่ำกว่าถึง 20-30% มั่นใจชิงส่วนแบ่งการตลาดได้ 10% ภายในกลางปีหน้าจากมูลค่าตลาดรวม 2,500-3,000 ล้านบาท
นายบรรพต พสุธารชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีภายใต้ยี่ห้อ "อันอัน" เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็กภายใต้แบรนด์ "TINO" อย่างเต็มที่ โดยได้เตรียมงบการตลาดไว้สูงถึง 50 ล้านบาทสำหรับทำการตลาดอย่างครบวงจรในช่วง 12 เดือนจากนี้ไป โดยแบ่งเป็นงบโฆษณาผ่านสื่อประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้มอบหมายให้บริษัท ฟาร์อีสต์ ดีดีบี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มผู้บริโภคให้วงกว้าง ส่วนที่เหลืออีก 20 ล้านบาท จะเป็นงบสำหรับทำประชาสัมพันธ์ แจกสินค้าตัวอย่าง ทำไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง พนักงานเชียร์สินค้า ณ จุดขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป รวมถึงทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบต่างๆ
นายบรรพตกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับทำการตลาด หลังจากที่ได้ทดลองวางสินค้าออกสู่ตลาดไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 2546 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะความพร้อมในด้านประสิทธิภาพและคุณภาพของตัวสินค้าที่ได้มีการวิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปัจจุบันนี้ผ้าอ้อมเด็กแบรนด์ "TINO" มีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่ากับแบรนด์ที่ดีที่สุดในตลาดแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังเพิ่มคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดปัจจุบันเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มและตอกย้ำให้แบรนด์ "TINO" มีความชัดเจนในตลาดและตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย อาทิ ใส่สาร BIO-CHITOSAN เพื่อยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นที่มาของผดผื่น และป้องกันอาการแพ้ และมีแผ่น AQL สีฟ้า ทำให้ผ้าอ้อมเด็ก TINO สามารถซึบซับได้เร็วขึ้นและดีกว่าสินค้าทั่วไปในท้องตลาดได้ถึง 50%
ขณะที่คุณสมบัติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเมจิกเทปที่สามารถเปิด-ปิดใหม่ได้กี่ครั้งก็ไม่มีปัญหา หรือขอบเอวที่มีความกระชับ พื้นผิวที่ช่วยระบายความร้อน ฯลฯ ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังได้ตั้งราคาจำหน่ายไว้ต่ำกว่าคู่แข่งที่อยู่ในตลาดระดับเดียวกันถึง 20-30% ดังนั้น จึงมั่นใจผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็ก "TINO" จะเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งของกลุ่มผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และคาดว่าจากการรุกตลาดอย่างเป็นจริงเป็นจังในปีนี้จะทำให้บริษัทสามารถมีส่วนแบ่งในตลาดผ้าอ้อมได้ถึงประมาณ 10% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท
"การปรับปรุงและพัฒนาสินค้าของเรานั้นล้วนเป็นผลมาจากการสำรวจ วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทีมนักวิจัยของบริษัทที่ได้ทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเราต้องการที่จะให้สินค้าของเราสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากที่สุด" นายบรรพตกล่าว
นายบรรพตกล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็ก "TINO" ก็จัดได้ว่าเป็นสินค้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง โดยมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 5% ของตลาดรวม ทั้งๆ ที่ในช่วงแรกนั้นบริษัทยังไม่ได้ทำการตลาดเพื่อสร้างให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ในแบรนด์มากนัก เพียงแต่มีการแจกสินค้าตัวอย่างเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ว่ามีสินค้าแบรนด์ TINO อยู่ในตลาดเท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะว่าสินค้าตัวนี้เป็นสินค้าที่ผลิตจากเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีสูง
"เรามองว่าตลาดผ้าอ้อมในปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่าตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่ถึงกว่าเท่าตัว ขณะเดียวกันยังเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพและความสามารถที่จะเติบโตได้อีกมาก เพราะพฤติกรรมการใช้ผ้าอ้อมสำหรับเด็กสำหรับกลุ่มผู้บริโภคคนไทยยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้บริโภคในประเทศอื่นๆ"
และไม่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็กเท่านั้น บริษัทยังได้ผลิตผ้าทำความสะอาดผิวเด็กภายใต้แบรนด์ TINO ออกมาทำตลาดอีก 1 ผลิตภัณฑ์ด้วย โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ผ้าทำความสะอาดผิวเด็กนั้นก็ได้ผลิตในคุณสมบัติที่พิเศษกว่าของคู่แข่งที่มีอยู่แล้วในตลาดเช่นเดียวกัน คือ มีความหนากว่าคู่แข่งถึง 50% ขณะที่จำนวนชิ้นบรรจุมีปริมาณที่เท่ากับแบรนด์อื่นๆ ซึ่งก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ได้รับการตอบรับจากตลาดค่อนข้างดีเช่นกัน
อนึ่ง บริษัท มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ กรุ๊ป จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2537 โดยร่วมทุนกับบริษัท ฟู เบิร์ก อินดัสเตรียล แห่งประเทศไต้หวัน ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อม ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานประกอบการผลิต 1 แห่ง ซึ่งมีประสบการณ์การผลิตผ้าอ้อมมากว่า 30 ปี ด้วยทุน 150 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 45 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ไทย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เปิดดำเนินการผลิตเต็มสมรรถภาพเมื่อต้นปี 2546 และตลอดระยะเวลาการทำงานบริษัทมีเป้าหมายสูงสุดที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการผลิต และมุ่งขยายฐานตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาดและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ AD2Y Communications Service
รุจิกาญจน์ (ลูกหยี), สุพัตรา (แอน), เสาวนี (ดาว), แสงเดือน (หยุย)
โทร. 0-2722-8804, 0-2321-9822--จบ--
-กภ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ