กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
กกพ. เผยความคืบหน้าการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ ซึ่งได้แต่งตั้ง คพรฟ. ไปแล้ว 39 กองทุน ล่าสุดได้อนุมัติแผนงานประจำปี 2555 ของกองทุนในพื้นที่แล้ว 7 กองทุน เป็นเงินกว่า 235 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12 % ของงบประมาณรวม 2,000 ล้านบาท พร้อมเผยตัวเลข
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า “ขณะนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า หรือ คพรฟ. ไปแล้ว 39 กองทุน จำนวน 79 โรงไฟฟ้า โดยเป็นกองทุนประเภท ก ที่ได้รับเงินมากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี ซึ่งได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วจำนวน 10 กองทุน และกองทุนประเภท ข ที่ได้รับเงินมากกว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี จำนวน 29 กองทุน โดยขณะนี้ ยังคงเหลือการสรรหา คพรฟ. ของกองทุนประเภท ข อีกจำนวน 11 กองทุน ที่ได้มีการประกาศพื้นที่เพิ่มเติมในเดือนมีนาคม 2555 ที่ผ่านมา และการจัดให้มีตัวแทนของกองทุนประเภท ค ที่ได้รับเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2555 นี้”
นายดิเรก กล่าวเพิ่มเติมว่า “ส่วนเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าที่ สำนักงาน กกพ. เก็บรักษาไว้อยู่ในปัจจุบันจะมีจำนวนประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่ง กกพ. ได้อนุมัติการจัดสรรให้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ในปีงบประมาณ 2555 ให้จำนวนประมาณ 2,000 ล้านบาท นั้น ปัจจุบัน กกพ. ได้ให้สำนักงาน กกพ. โอนเงินค่าบริหารจัดการให้ คพรฟ. เพื่อจัดทำแผนงานประจำปีแล้ว และได้มีกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศจัดส่งแผนงานประจำปีให้ กกพ. พิจารณาเห็นชอบแผนงานประจำปี พ.ศ. 2555 ของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าแล้วจำนวน 7 กองทุน ได้แก่ กองทุนฯ จังหวัดราชบุรี 1 กองทุนฯ โรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา กองทุนฯ บริษัท ด่านช้าง ไบโอ-เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี กองทุนฯ บริษัท ไตร เอนเนอจี้ จำกัด กองทุนฯ บริษัท เอ ที ไบโอพาวเวอร์ จำกัด กองทุนฯ บริษัท น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด และ กองทุนฯ บริษัท กัลฟ์ ยะลา กรีน จำกัด จำนวนรวมกว่า 235 ล้านบาท จำแนกเป็นค่าบริหารจัดการของ คพรฟ. ประมาณ 22 ล้านบาท และค่าดำเนินโครงการชุมชนเป็นเงินประมาณ 213 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการชุมชนกว่า 650 โครงการ”
สำหรับการโอนเงินให้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศนั้น ปัจจุบันสำนักงาน กกพ. ได้มีการโอนเงินให้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศแล้วกว่า 200 ล้านบาท จำแนกเป็น เงินค่าใช้จ่ายบริหารของ คพรฟ. จำนวน 35 กองทุน เป็นเงินประมาณ 77 ล้านบาท และค่าดำเนินโครงการชุมชนงวดแรกของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า จำนวน 7 กองทุน ตามแผนงานประจำปีที่ กกพ. ได้อนุมัติ จำนวนประมาณ 137 ล้านบาท สำหรับเงินในการดำเนินโครงการชุมชนที่เหลือซึ่งได้รับอนุมัติแล้วอีกประมาณ 98 ล้านบาทนั้น จะโอนเงินให้กองทุนในพื้นที่ตามแผนงานและความต้องการในการใช้จ่ายเงินของ คพรฟ. ในเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2555 เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ใน 11 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมคุณภาพชีวิต สุขภาพและสุขภาวะ การพัฒนาอาชีพ การพัฒนาการเกษตร การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น การพัฒนาชุมชน การอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม การใช้จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน การพัฒนาศักยภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน และโครงการอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ประกาศตามที่ กกพ.เห็นชอบ ต่อไป
“ล่าสุดได้มีกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศเสนอแผนงานประจำปีเข้าสู่การพิจารณาของ กกพ. เพิ่มเติมอีกจำนวน 8 กองทุน ซึ่งสำนักงาน กกพ. จะนำเสนอให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนงานและโครงการฯ พิจารณาความเห็นต่อแผนงานประจำปีดังกล่าวในวันที่ 14 มิถุนายน 2555 ก่อนที่จะนำเสนอ กกพ. พิจารณาต่อไปในสัปดาห์หน้า ประกอบด้วย กองทุนฯ โรงไฟฟ้ากระบี่ กองทุนฯ จังหวัดนครสวรรค์ 1 กองทุนฯ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก กรุงเทพมหานคร กองทุนฯ บริษัท น้ำตาลมิตรภูเวียง จำกัด กองทุนฯ บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ จำกัด กองทุนฯ จังหวัดสมุทรปราการ 2 กองทุนฯ จังหวัดระยอง 1 และกองทุนฯ เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยขณะนี้ กกพ. ได้ขอให้ คพรฟ. ในแต่ละพื้นที่เร่งสำรวจความต้องการประชาชน และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเสนอโครงการชุมชนเพื่อรวบรวมจัดทำแผนงานประจำปีเสนอ กกพ. โดยเร็ว ซึ่งคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะมี คพรฟ. อีกจำนวนหนึ่งสามารถนำเสนอแผนงานประจำปีเข้ามาเพื่อขออนุมัติการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง” นายดิเรก กล่าวทิ้งท้าย