ยอดขอลงทุนจากต่างประเทศ 5เดือน ขยายตัว 45% ต่างชาติมุ่งลงทุน ยานยนต์ ชิ้นส่วน เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์

ข่าวทั่วไป Monday June 18, 2012 16:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--บีโอไอ บีโอไอเผย การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ เอฟดีไอ ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ จำนวนโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมขยายตัวร้อยละ 26 มูลค่าเงินลงทุนขยายตัวร้อยละ 45 ส่วนใหญ่เป็นกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักร โลหะ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ญี่ปุ่นนั่งแท่นขอลงทุนสูงสุด 308 โครงการ นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ช่วง 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม 2555) ว่า นักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 547 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 205,646 ล้านบาท จำนวนโครงการขยายตัวร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 432 โครงการ ในขณะที่เงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 141,396 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญในสายตานักลงทุน ทั้งนี้ความสนใจเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 57.4 จากจำนวนโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนจากเอฟดีไอทั้งหมด เป็นการขยายการลงทุนจากกิจการเดิมที่ได้ลงทุน อยู่แล้ว โดยมีจำนวน 314 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 152,078 ล้านบาท อีกร้อยละ 42.6 เป็นโครงการลงทุนใหม่ มีทั้งสิ้น 233 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 53,568 ล้านบาท อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจสูงสุด อยู่ในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 176 โครงการ เงินลงทุน 62,479 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า 116 โครงการ เงินลงทุน 55,736 ล้านบาท ตามด้วย กิจการบริการและสาธารณูโภค 106 โครงการ เงินลงทุน 24,409 ล้านบาท และกิจการเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก 73 โครงการ เงินลงทุน 24,306 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนในประเทศไทยสูงสุดในช่วง 5 เดือน อันดับ 1 ยังเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น มีจำนวนทั้งสิ้น 308 โครงการ เงินลงทุน 130,462 ล้านบาท รองมาเป็นนักลงทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ 16 โครงการ เงินลงทุน 11,570 ล้านบาท ตามด้วย นักลงทุนจากมาเลเซีย 16 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 11,344 ล้านบาท นักลงทุนจากสิงคโปร์ 53 โครงการ เงินลงทุน 11,285 ล้านบาท และนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา 18 โครงการ เงินลงทุนรวม 9,131 ล้านบาท สำหรับสถิติการขอรับส่งเสริมการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ รายเดือน ในช่วง มกราคม — พฤษภาคม 2554 และในปี 2555 มีรายละเอียดดังนี้ เดือน จำนวนโครงการ จำนวนโครงการ มูลค่าเงินลงทุน มูลค่าเงินลงทุน ปี 54 ปี 55 ปี 54 (ล้านบาท) ปี 55 (ล้านบาท) มกราคม 63 74 14,910.3 22,731.1 กุมภาพันธ์ 75 107 26,921.5 54,071.9 มีนาคม 105 126 26,335.3 54,039.7 เมษายน 87 97 39,179.9 24,561.9 พฤษภาคม 102 143 34,049.9 50,241.4 รวม ม.ค.-พ.ค. 432 547 141,396.9 205,646 นางอรรชกา กล่าวด้วยว่า จากการจำแนกสถิติขอรับส่งเสริมการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ จะเห็นว่า สถิติในเดือนมกราคม และเมษายน น้อยกว่าเดือนอื่นๆ ทั้งจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม และมูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม ทั้งนี้เนื่องจาก เดือนมกราคมเป็นเดือนแรกของปี และเป็นช่วงเวลาต่อเนื่องจากการหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ขณะที่เดือนเมษายน เป็นเดือนที่มีเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ปีใหม่ของไทย จึงเป็นเดือนที่มีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริมไม่มาก อย่างไรก็ตาม จากสถิติข้างต้น มูลค่าเงินลงทุนของเดือนเมษายน 2554 สูงกว่ามูลค่าเงินลงทุนของเดือนเมษายน 2555 ทั้งที่มีจำนวนโครงการน้อยกว่า เพราะในเดือนเมษายน 2554 มีโครงการลงทุนผลิตรถยนต์มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทขอรับส่งเสริม และมีโครงการขนาดใหญ่มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ขอรับส่งเสริมกว่า 10 โครงการ ทั้งนี้ การนำเสนอข้อมูลสถิติขั้นคำขอรับส่งเสริม ก็เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงความสนใจของ นักลงทุน และแนวโน้มการลงทุนในขณะนั้น หากนำสถิติขั้นอนุมัติโครงการ หรือเปิดดำเนินการมาเผยแพร่ จะไม่สามารถบอกแนวโน้มในเวลานั้นได้ เพราะขั้นตอนการอนุมัติ อาจใช้เวลาประมาณ 2 — 3 เดือน นับจากวันยื่นขอรับส่งเสริม ขณะที่สถิติขั้นเปิดดำเนินการจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ปีหลังจากยื่นขอรับส่งเสริม ดังนั้น หากนำสถิติขั้นอนุมัติส่งเสริม หรือเปิดดำเนินการ มาเผยแพร่ ก็จะไม่สามารถบ่งบอกถึงความสนใจและแนวโน้มการลงทุนในช่วงเวลานั้นๆ ได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ