เอสซีจี เปเปอร์ ชูนวัตกรรมยูคาลิปตัส 4 สายพันธุ์ใหม่ แกร่ง ทน รับมือภาวะโลกร้อน

ข่าวทั่วไป Wednesday June 20, 2012 17:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ เอสซีจี เปเปอร์ ชูนวัตกรรมยูคาลิปตัส 4 สายพันธุ์ใหม่ แกร่ง ทน รับมือภาวะโลกร้อนพร้อมหนุนเป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ยั่งยืนให้เกษตรกร เอสซีจี เปเปอร์ ผู้นำในอุตสาหกรรมกระดาษครบวงจรรายใหญ่ของไทยและภูมิภาคอาเซียน สานต่อนโยบาย “เพื่อนแท้เกษตรกรไทย” เผยนวัตกรรมลูกผสมยูคาลิปตัส 4 สายพันธุ์ใหม่ ปลูกได้ครอบคลุมหลากหลายพื้นที่ในประเทศ ทั้งยังทนต่อโรคพืชและแมลงศัตรูพืชได้ดียิ่งขึ้น หนุนเกษตรกรทั่วประเทศปลูกยูคาลิปตัสเป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์การสนับสนุนแบบครบวงจร เข้าถึงเกษตรกรทุกท้องที่ผ่านเครือข่ายศูนย์กระจายกล้าอันแข็งแกร่งถึง 50 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ควบคู่กับการจัดการแปลงปลูกเฉพาะพื้นที่ให้มีความเหมาะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น นายจุมพฏ ตัณมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ในเอสซีจี เปเปอร์ กล่าวว่า “เอสซีจี เปเปอร์ ดำเนินนโยบาย เพื่อนแท้เกษตรกรไทย มาตั้งแต่ปี 2551 โดยเชิญชวนให้เกษตรกรปลูก ยูคาลิปตัสเป็นพืชเศรษฐกิจอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นการมุ่งใช้ประโยชน์สูงสุดจากที่ดินเกษตร ตั้งแต่ที่ดินตามคันนา จนถึงพื้นที่แล้ง และพื้นที่มีปริมาณฝนมาก” “ที่ผ่านมา ผลกระทบของปรากฎการณ์สภาวะโลกร้อนที่มีต่อภาคเกษตรของไทยในช่วงหลายปีมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมหันตภัยใหญ่น้ำท่วมปี 2554 ภัยแล้งช่วงต้นปี 2555 ตลอดจนภัยคุกคามต่อเกษตรกร ทั้งที่มาจากการใช้พื้นที่ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกและการเติบโต วงจรชีวิตแมลงศัตรูพืชที่วิวัฒนาการเร็วมากขึ้นจนยากที่จะป้องกันและกำจัด โดยเฉพาะแตนฝอยปม ศัตรูพืชที่ทำลายผลผลิตยูคาลิปตัสของเกษตรกร ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก เราจึงได้วิจัยและพัฒนาพันธุ์ยูคาลิปตัสลูกผสม 4 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งใช้นวัตกรรมแนวความคิดด้านความหลากหลายของสายพันธุ์ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผลผลิต ทั้งหมดผ่านการทดลองผสมพันธุ์เป็นเวลากว่า 3 ปีและทดลองปลูกอีก 5 ปี ประกอบด้วย H8, H10, H12, H14 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เราส่งเสริมให้ปลูกในปีนี้” จุดเด่นของยูคาฯ 4 สายพันธุ์ใหม่ ครอบคลุมการปลูกหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบด้วย - H8 — ทนโรคแมลง เหมาะกับพื้นที่ปริมาณน้ำฝนมาก - H10 — ทนโรคแมลง เหมาะกับพื้นที่ดินร่วนหยาบ ปริมาณน้ำฝนปกติ - H12 — ทนโรคแมลง เหมาะกับพื้นที่ดินด่างอ่อนๆ และอยู่ในช่วงปริมาณน้ำฝนแล้งถึงปกติ - H14 — ทนโรคแมลง เหมาะกับพื้นที่ดินที่ลุ่ม และอยู่ในช่วงปริมาณน้ำฝนแล้งถึงปกติ นอกจากการคิดค้นยูคาลิปตัสสายพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตที่สูงขึ้นและต้านทานโรคแมลงได้ดียิ่งขึ้น เอสซีจี เปเปอร์ ยังได้พัฒนาการบริการให้เข้าถึงเกษตรกรมากขึ้นผ่านการช่วยเหลือสนับสนุนในด้านต่างๆ อย่างครบวงจร ด้วยการจัดการแปลงปลูกเฉพาะพื้นที่ให้มีความเหมาะสมแก่เกษตรกร และการสร้างเครือข่ายศูนย์กระจายกล้ายูคาลิปตัสครอบคลุมทั่วประเทศ วิธีการจัดการแปลงปลูกฯ ดังกล่าวเป็นการเพิ่มผลผลิต โดยการควบคุมต้นทุน ลดความสูญเสียและความเสี่ยงต่อโรคแมลงต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่เกษตรกรเพิ่มมากขึ้น ประกอบด้วย - การวิเคราะห์พื้นที่เพื่อปลูกยูคาลิปตัสอย่างเจาะลึก - การคัดเลือกสายพันธุ์ยูคาลิปตัสที่เหมาะสมกับพื้นที่ พร้อมแนะนำวิธีการปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ - การให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในทุกปัญหาด้านการจัดการแปลงปลูก เพื่อช่วยให้ได้ผลผลิตดีขึ้น - การช่วยคำนวณค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนให้กับเกษตรกร เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุน ตลอดจนการรับซื้อไม้กลับอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของทีมและการมีศูนย์กระจายกล้าที่กระจายอยู่ในพื้นที่หลักมากถึง 50 สาขาทั่วประเทศ สามารถส่งกล้าไม้ยูคาลิปตัสสายพันธุ์ใหม่แก่เกษตรกรได้อย่างทั่วถึง โดยเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์อีสาน โทร.043-433-355 ศูนย์ตะวันตกและเหนือ โทร. 034-615-040 หรือ http://paper.scg.co.th “จากความใส่ใจและเข้าใจถึงปัญหาที่เกษตรกรผู้ปลูกยูคาลิปตัสต้องพบอยู่ในปัจจุบัน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนแท้ของเกษตรกรไทย เราจึงมุ่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไทยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ด้วยแนวทางส่งเสริมแบบลงลึกเฉพาะในแต่ละพื้นที่ เพื่อสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรในการสร้างเพิ่มมูลค่าที่ดินให้สูงขึ้น และสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน” นายจุมพฏกล่าวท้ายสุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ