การใช้อุปกรณ์ส่วนตัว (BYOD) มีส่วนสร้างระบบความปลอดภัยไอทีขององค์กร ผลการสำรวจในเอเชียของฟอร์ติเน็ตพบว่าพนักงานเกือบครึ่งหนึ่งไม่พอใจนโยบายขององค์กรด้านไอที

ข่าวเทคโนโลยี Monday July 9, 2012 18:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--ฟอร์ติเน็ต Fortinet ? (NASDAQ : FTNT) -- ฟอร์ติเน็ตผู้นำโลกด้านโซลูชั่นประสิทธิภาพสูงสำหรับความปลอดภัยเครือข่ายประกาศผลจากการสำรวจทั่วโลกที่เผยให้เห็นว่าผู้ที่ใช้อุปกรณ์ของตนเองในที่ทำงาน หรือเพื่อการทำงานนำมาซึ่งประเด็นท้าทายของระบบไอทีองค์กร โดยที่พนักงานให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของข้อมูลองค์กรต่ำ แต่ยังคาดหวังที่จะใช้อุปกรณ์มือถือของตัวเองในงานต่อไป และพบว่าเกือบหนึ่งในพนักงานชาวเอเชียมีความรู้สึกขัดขืนกับนโยบายการรักษาความปลอดภัยของบริษัท ที่ห้ามพวกเขาใช้อุปกรณ์ส่วนบุคคลของพวกเขาในที่ทำงาน หรือเพื่อการทำงาน จึงเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรควรจะพัฒนากลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยเพื่อรองรับการใช้อุปกรณ์ของตนเองในที่ทำงาน หรือเพื่อการทำงานของพนักงาน การสำรวจภูมิภาค 15 เขตทั่วโลก (อินเดีย, เกาหลี, จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, โปแลนด์และยูเออี) ในช่วงพฤษภาคม- มิถุนายน พ.ศ. 2555 นี้ได้ถามพนักงานที่ใช้อุปกรณ์ของตนเองเพื่อทำงานมากกว่า 3,800 คน (โดยมี 1,443 เป็นผู้ตอบในเอเชีย) อายุระหว่าง 21-31 ถึงมุมมองของพวกเขาในด้าน BYOD และผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมการทำงานของพวกเขาและวิธีการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีส่วนบุคคลของตันเอง รวมทั้งทัศนคติด้านไอทีขององค์กร ยืนยันในสิทธิส่วนบุคคล จึงยังต้องมี BYOD อยู่ ในกลุ่มประชากรสำรวจแสดงให้เห็นว่า BYOD จะเป็นที่นิยมต่อไป กว่าสามในสี่ (85%) ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียตอบว่าใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ที่สำคัญ มากกว่าครึ่งหนึ่ง (55%) ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียเห็นว่าการอุปกรณ์ของพวกเขาที่ทำงานเป็น 'ถูกต้อง' มากกว่า 'สิทธิ’ จากผู้มองของผู้ใช้งาน เห็นว่า BYOD เป็นที่นิยมเนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโปรแกรมที่ตนเองชินและชอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ การสื่อสารเฉพาะกลุ่ม (Personal communications) ทั้งนี้ กับ 59% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียยอมรับว่าการสื่อสารส่วนบุคคลที่มีอิทธิพลมาก ไม่มีวันไหนที่พวกเขาไม่มีการเข้าถึงเครือข่ายทางสังคมและ 67% จะหยุดส่ง SMS ได้ไม่ถึง 1 วัน และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกแล้ว จะเห็นว่าพนักงานในเอเชียให้ความสำคัญกับอุปกรณ์มือถือของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญสูงกว่าถึง 35% และให้ความสำคัญกับเครือข่ายทางสังคมและ SMS สูงกว่าถึง 47% ความเข้าใจที่หละหลวมด้านความเสี่ยงทางธุกิจอาจเกิดความขัดขืนต่อนโยบายองค์กรได้ จากกลุ่มคนใช้งาน BYOD รุ่นแรกๆ ในโลกนั้นเข้าใจว่าการนำอุปกรณ์ส่วนตัวของเขามาใช้เพื่อทำงานอาจจะนำพาซึ่งความเสี่ยงให้กับองค์กรของพวกเขา ทั้งนี้ ร้อยละสี่สิบสองของกลุ่มตัวอย่างการสำรวจในเอเชียเชื่อว่าสามารถก่อให้เกิดปัญหาข้อมูลสูญหายและความเสี่ยงต่อภัยคุกคามไอทีที่เป็นอันตรายได้จริง แต่ถึงแม้ว่าจะเห็นความเสี่ยงและนโยบายขององค์กรด้านไอทีอยู่ก็ไม่สามารถหยุดการนำอุปกรณ์ไอทีส่วนตัวมาใช้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชีย (47%) ยอมรับว่าพวกเขาได้ขัดขืนหรือจะขัดขืนต่อนโยบายของบริษัทที่ห้ามการใช้อุปกรณ์ส่วนตัวเพื่อการทำงานด้วยซ้ำ ต่อคำถามเกี่ยวกับนโยบายห้ามการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการอนุมัตินั้น ตัวเลขยังคงอยู่ประมาณเดียวกันที่ 39% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียที่ยอมรับว่าพวกเขาได้ขัดขืนหรือจะขัดขืนนโยบายนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น องค์กรจึงมีความเสี่ยงสูงจากการที่พนักงานใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการอนุมัติ อันที่จริง กว่าสามในสี่ (81%) ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียยืนยันว่าพวกเขามีความสนใจในการ Bring Your Own Application - BYOA หรือ จะสร้างโปรแกรมแอปพลิเคชั่นขึ้นเองในที่ทำงานอีกต่อไป ผลการสำรวจยังชี้อย่างเป็นนัยให้เห็นว่า องค์กรอาจเผชิญการต่อต้านหากดำเนินการรักษาความปลอดภัยบนอุปกรณ์ของพนักงาน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ (54%) ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียเห็นว่าตนเองจะเป็นผู้รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ส่วนบุคคลที่พวกเขาใช้เพื่อการทำงาน (มิใช่บริษัท) และมี 35% เห็นว่าในที่สุดแล้ว ความรับผิดชอบก็ยังอยู่ที่องค์กรอยู่ดี “การสำรวจนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่องค์กรเผชิญอยู่เพื่อรักษาปลอดภัยและจัดการกับ BYOD" แพททริค เปร์ช รองประธานอาวุโสฝ่ายขายต่างประเทศและสนับสนุนแห่งฟอร์ติเน็ตกล่าวว่า "ในขณะที่ผู้ใช้อุปกรณ์ยังต้องการและคาดว่าจะใช้อุปกรณ์ของตัวเองสำหรับการทำงานต่อไป ส่วนใหญ่เพื่อความสะดวกส่วนบุคคล แต่ไม่ต้องการให้องค์กรมาก้าวก่ายรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยบนอุปกรณ์ของตัวเอง ทำให้ในสถานการณ์นี้ องค์กรจะต้องเร่งปรับกระบวนการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของพวกเขา โดยต้องสร้างเกราะการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งสำหรับการเข้าถึงของผู้ใช้งานทั้งขาเข้าและขาออกที่เครือข่ายขององค์กร ไม่ใช่เพียงแค่องค์กรจะจัดการระบบความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือ “Mobile device management — MDM“ เท่านั้น นอกจากนี้ องค์กรไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีเดียวในการรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยของ BYOD เครือข่าย โดยเห็นว่ากลยุทธ์ด้านรักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการที่สามารถควบคุมด้านผู้ใช้งานและแอปพลิเคชั่นมีใช่แค่ตัวอุปกรณ์” ข้อมูลเกี่ยวกับฟอร์ติเน็ต (www.fortinet.com) ฟอร์ติเน็ต (NASDAQ: FTNT) เป็นผู้ให้บริการระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยเครือข่ายและเป็นผู้นำตลาดด้านการจัดการภัยคุกคามแบบหลอมรวม หรือที่เรียกว่า Unified Threat Management (UTM) ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการ Subscription จะปกป้องเครือข่ายจากภัยคุกคามต่างๆ ด้วยการป้องกันแบบรวมที่มีประสิทธิภาพสูง ในขณะที่ช่วยปรับโครงสร้างด้านความปลอดภัยด้านความปลอดภัยไอทีให้กลับง่ายขึ้น กลุ่มลูกค้าได้แก่ องค์กร ผู้ให้บริการ ราชการทั่วโลก ซึ่งอยู่ในกลุ่ม The 2009 Fortune Global 100 ทั้งนี้อุปกรณ์ฟอร์ติเกท (FortiGateR) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มความปลอดภัยชั้นนำของฟอร์ติเน็ตจะมอบประสิทธิภาพความปลอดภัยระดับ ASIC และรวมระดับด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันการคุกคามระดับเครือข่ายและแอปพลิเคชั่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ของฟอร์ติเน็ตมีมากกว่า UTM ที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยขององค์กร ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทาง รวมทั้งพารามิเตอร์ และส่วนคอร์ อันได้แก่ ดาต้าเบสและแอปพลิเคชั่น สำนักงานใหญ่ของฟอร์ติเน็ตตั้งอยู่ที่เมืองซันนี่เวล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ