การเดินทางทางอากาศสามารถเชื่อมผู้คนทั่วโลกให้ใกล้ชิดกันได้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คยอดนิยมอย่างเฟสบุ๊ค

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday July 11, 2012 15:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--โทเทิ่ล ควอลิตี้ พีอาร์ การสำรวจมุ่งพัฒนาศักยภาพเพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการบินของผู้โดยสาร ก่อนเปิดฉากงาน Farnborough International Airshow อย่างเป็นทางการ แอร์บัสบริษัทผลิตเครื่องบินชั้นนำของโลกได้เผยข้อสรุปล่าสุดจากการสำรวจความคิดเห็นประชากรมากกว่า 1.75 ล้านคน ตลอดระยะเวลา 2 ปี ว่าสิ่งที่ผู้โดยสารต้องการในอนาคต คือ เที่ยวบินที่ยั่งยืนไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดความตึงเครียดอันเกิดจากการเดินทางลงและมีการปฏิสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น - ร้อยละ 63 ของประชากรทั่วโลกกล่าวว่าพวกเขาวางแผนเดินทางบ่อยขึ้นภายใน ปี พ.ศ.2593 - ประชากรร้อยละ60 เห็นว่าโซเชียลมีเดียไม่สามารถตอบสนองหรือเติมเต็มความปรารถนาที่อยากพบปะกันซึ่งหน้าได้ - ประชากรร้อยละ 96 เชื่อว่าเครื่องบินต้องมีความยั่งยืนมากขึ้นหรือ‘ประหยัดเชื้อเพลิง’และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - ประชากรเกือบร้อยละ 40 รู้สึกว่าการเดินทางทางอากาศรวดเดียวโดยไม่หยุดพักก่อให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น มร.ชาร์ล แชมปิญง รองประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารด้านวิศวกรรมแอร์บัส กล่าว “อุตสาหกรรมการบินเป็นการเปิดประตูสู่โลกกว้างอย่างแท้จริง ผลจากการสำรวจแสดงให้เห็นว่าไม่มีทางใดที่ดีไปกว่าการสื่อสารกันแบบซึ่งหน้าอีกแล้ว โลกใบนี้ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยเที่ยวบินซึ่งมีบทบาทในการสร้างรวมไปถึงขยายเครือข่ายทางสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งงาน 57 ล้านอัตรา การค้าโลกที่สูงขึ้นร้อยละ 35และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เรามีการเปิดตัวโครงการ The Future by Airbus เราได้ร่วมกับคน 192 ประเทศทั่วโลกในการพูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตแห่งการเดินทางทางอากาศ จนเป็นที่มาของการปฏิรูปแนวคิดเครื่องบินและห้องโดยสารซึ่งนำเสนอนวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้คนล้วนให้ความสนใจกับอนาคตแห่งเที่ยวบินที่ยั่งยืน เราจึงอยากเชิญชวนพวกเขาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตนั้นไปด้วยกัน” - ประชากรร้อยละ 86 เห็นว่าการลดปริมาณการเผาผลาญเชื้อเพลิงเป็นกุญแจสำคัญ ส่วนประชากรร้อยละ 85 คิดว่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นหัวใจหลักของการแก้ไขปัญหา - ประชากรร้อยละ 66 ต้องการเครื่องบินที่เงียบปราศจากเสียงรบกวน ส่วนประชากรร้อยละ 65 ต้องการเครื่องบินที่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ มร.แชมปิญง เน้นต่ออีกว่า เมื่อประชากรเดินทางเพิ่มมากขึ้น ความคาดหวังของพวกเขาก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วยในแง่ ‘ประสบการณ์ผู้โดยสารแบบครบวงจร (end-to-end passenger experience)’ อย่างไรก็ตาม ผลสรุปจากการสำรวจของแอร์บัส ยังบ่งชี้ถึงเหตุต่างๆที่ทำให้ผู้โดยสารเกิดการขุ่นเคืองใจ อาทิ การต่อแถวเพื่อรอตรวจหนังสือเดินทาง ความเชื่องช้าในการเช็คอินสัมภาระ การนั่งรอที่สนามบินและการเดินวนไปเดินวนมารอบสนามบินเพื่อฆ่าเวลาก่อนขึ้นเครื่อง “ยกตัวอย่างเช่นที่ลอนดอน เรารับรู้ถึงข้อวิตกเกี่ยวกับแถวคอยที่สนามบินและผู้โดยสารก็ดูไม่พอใจเรื่องนี้เลย” มร.แชมปิญง กล่าวและเสริม “แต่ในความเป็นจริงแล้วข้อจำกัดในการรองรับและปัญหาต่างๆจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการไม่ทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้า ทั้งในปัจจุบันและอีก 15 ปีข้างหน้าที่เราคาดการณ์ว่าวงการอุตสาหกรรมการบินจะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า” แอร์บัสทุ่มงบประมาณกว่าร้อยละ 90 จาก 2 พันล้านยูโรเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาด้านประสิทธิภาพเครื่องบินให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ เอ380 เครื่องบินเชิงพาณิชย์ที่เงียบและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เครื่องบินประหยัดพลังงานที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ทางเลือกใหม่อย่าง เอ320นีโอและเครื่องบิน เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานลงถึงร้อยละ 25 พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้น บรรยายภาพ: เครื่องบินแห่งอนาคตของแอร์บัส

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ