กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--ฮาคูโฮโด (กรุงเทพฯ)
ผลวิจัย "คาโอฯ" เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย พบผู้หญิงไทยต้องการผ้าอนามัยที่ให้ความมั่นใจและความสบาย จึงนิยมผ้าอนามัยแบบสลิม (แผ่นบาง) และประเภทผิวหน้านุ่ม
-ผู้หญิงไทยยุคใหม่ต้องการผ้าอนามัยที่สามารถซึมซับได้ดี เหมาะกับสรีระ เพื่อความมั่นใจในการใช้ให้ความรู้สึกสบาย
-ส่งผลให้ผ้าอนามัยแบบสลิม (แผ่นบาง) และประเภทผิวหน้านุ่มครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในขณะนี้
บริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยแพร่รายงานการวิจัยทัศนคติและพฤติกรรมของผู้หญิงไทยต่อผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย พร้อมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประจำเดือนให้กับผู้หญิงไทย รวมถึงภาพรวมสถานการณ์ของตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยในปัจจุบันในหนังสือ "Consumer Insight Report ฉบับที่ 9: ความในใจของผู้หญิงกับวันนั้นของเดือน"
รายงานผลจากการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับการเลือกซื้อผ้าอนามัย พบว่า ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่นิยมผ้าอนามัยแบบสลิม (แผ่นบาง) มากที่สุด ความนิยมรองลงมา ได้แก่ แบบแมกซี่ (แผ่นหนา) และแบบอัลตร้า สลิม (แผ่นบางเฉียบ) ตามลำดับ โดยเหตุผลส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงไทยระบุถึงความชอบผ้าอนามัยประเภทนี้ คือ ให้ความรู้สึกสบาย กระชับ ทำให้เกิดความคล่องตัว สร้างความรู้สึกมั่นใจ และมีขนาดที่เหมาะสม
สำหรับผิวหน้าของผ้าอนามัยที่ผู้หญิงไทยนิยมมากที่สุด คือ ผิวหน้านุ่ม เนื่องจาก ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวให้ความรู้สึกนุ่มสบาย ส่วนผู้บริโภคที่นิยมผ้าอนามัยผิวหน้าตาข่าย เพราะมีการซับที่ดี ทำให้แห้งสบาย ไม่อับชื้น
จากเหตุผลของความชื่นชอบผ้าอนามัยแต่ละประเภทในข้างต้นนั้น มีความสอดคล้องกับคุณสมบัติของผ้าอนามัยที่ผู้หญิงไทยต้องการ คือ มีประสิทธิภาพในการซึมซับที่ดี ให้ความรู้สึกสบาย มีขนาดบาง เหมาะกับสรีระร่างกาย ก่อให้เกิดความคล่องตัว ทั้งนี้ เพื่อลดความกังวลและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเองในช่วงระหว่างวันนั้นของเดือน ส่วน เกณฑ์ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อผ้าอนามัยที่ผู้หญิงไทยคำนึงมากที่สุด คือ เรื่องคุณภาพ รองลงมา ได้แก่ ความคุ้นเคยที่มีต่อตราสินค้า ความสะดวกในการซื้อ และการโฆษณา และเมื่อพิจารณาถึงส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย พบว่า ในปี 2546 ผ้าอนามัยแบบสลิม (แผ่นบาง) สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดไว้สูงสุดถึง 49% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,532 ล้านบาท และคาดว่ามีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นในปี 2547 เช่นเดียวกับผ้าอนามัยแบบไนท์เซฟ (สำหรับกลางคืน) ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 18% มีมูลค่าประมาณ 563 ล้านบาท ในขณะที่ผ้าอนามัยแบบแมกซี่ (แผ่นหนา) และแบบอัลตร้า สลิม (แผ่นบางเฉียบ) มีอัตราการเติบโตที่ลดลง
ด้านส่วนแบ่งทางการตลาดของผ้าอนามัยผิวหน้าประเภทต่างๆ ในปี 2547 ประมาณการณ์ว่า ผิวหน้าที่ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะ 2-3 ปีนี้ คือ ผิวหน้านุ่มที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 63% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,969 ล้านบาท ส่วนผิวหน้าตาข่าย ครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 37%
การศึกษาวิจัยผู้บริโภคในหนังสือ "Consumer Insight Report ฉบับที่ 9: ความในใจของผู้หญิงกับวันนั้นของเดือน" เกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย ได้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงไทยทั่วประเทศซึ่งมีอายุระหว่าง 15-39 ปี จำนวน 800 คน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ฮาคูโฮโด (กรุงเทพฯ)จำกัด
นุชจรินทร์ องค์อรรถฉัตร (ต่อ723) หรือ ฐิติกา จารุรัตน์(ต่อ 724)
โทร.(02)257-0533 โทรสาร (02)257-0545-6--จบ--
--อินโฟเควสท์ (กภ)--