กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--ธ.ไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการและฐานะการเงินไตรมาสสองของปี 2547 ก่อนการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ ธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งผลประกอบการเบื้องต้นสำหรับงวดครึ่งปีแรกของปี 2547 ก่อนการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 11,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 5,971 ล้านบาทในงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนเนื่องจากในครึ่งแรกของปีนี้ ธนาคารมีกำไรจากเงินลงทุนรวม 5,674 ล้านบาท โดยเป็นการขายหุ้นบางส่วนในกิจการที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจการเงิน สำหรับไตรมาสสองของปี 2547 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 4,869 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 6,858 ล้านบาทในไตรมาส 1/2547 เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนลดลงจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 2,895 ล้านบาทในไตรมาส 2/2546 คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า "ผลประกอบการจากธุรกิจหลักในไตรมาสสองอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและสอดคล้องกับนโยบายการเน้นการเจริญเติบโตภายหลังจากที่ธนาคารได้วางรากฐานผ่านโครงการปรับปรุงธนาคารที่ดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 2 ปี โดยในครึ่งปีแรกธนาคารสามารถขยายสินเชื่อได้สูงถึง 55,052 ล้านบาทหรือร้อยละ 10.9 ธนาคารยังคงรักษาระดับรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในระดับที่คงที่สม่ำเสมอ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้นได้ดีเป็นไปตามเป้าหมาย" ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังว่า "ธนาคารจะดำเนินนโยบายมุ่งเน้นการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพ ทั้งในธุรกิจหลักของธนาคาร และกลุ่มธุรกิจการเงินไทยพาณิชย์ตามกลยุทธ์การเป็นสถาบันการเงินที่ครบวงจร"รายละเอียดผลประกอบการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้1. รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจากดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสนี้ จำนวน 4,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 169 ล้านบาท และ 290 ล้านบาทเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาส 2/2546 ตามลำดับ ดอกเบี้ยรับจากเงินให้สินเชื่อปรับตัวดีขึ้น 618 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนเนื่องมาจากการขยายตัวของสินเชื่อมากขึ้น ประกอบกับดอกเบี้ยรับจากการปรับโครงสร้างหนี้พิเศษประมาณ 140 ล้านบาท ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับจากเงินลงทุนลดลงจากไตรมาสก่อนเป็นผลส่วนใหญ่จากการบันทึกเงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ในไตรมาสก่อน รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ปรับตัวดีขึ้นขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงเล็กน้อยทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(Net Interest Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.53 ในไตรมาสก่อน เป็นร้อยละ 2.60 ในไตรมาสนี้ (ล้านบาท) ไตรมาส ไตรมาส % qoq ไตรมาส % yoy 2/47 1/47 2/46รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล 6,423 6,262 2.6 7,053 -8.9- เงินให้สินเชื่อ 5,226 4,609 13.4 5,521 -5.3- รายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน 208 259 -19.6 296 -29.7- เงินลงทุน 988 1,395 -29.2 1,235 -20.0ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 1,509 1,518 -0.6 2,428 -37.9รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 4,914 4,745 3.6 4,624 6.3ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ* 2.60% 2.53% 2.60% *คำนวณโดยเฉลี่ยยอดคงค้าง ณ สิ้นไตรมาส2. รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่มาจากธุรกิจหลักของธนาคารในไตรมาส 2/2547 มีจำนวน 2,251 ล้านบาทลดลง 107 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน เนื่องจากกำไรจากการปริวรรตลดลง 211 ล้านบาทจากการปรับปรุงรายการทางบัญชีและในไตรมาสก่อนมีรายได้พิเศษจำนวนหนึ่ง ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 57 ล้านบาทจากการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อทำให้รายได้จากการรับรอง รับอาวัลและค้ำประกันเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการใหม่อื่นๆจากธุรกิจบัตร bancassurance และ cash management ยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง (ล้านบาท) ไตรมาส ไตรมาส % qoq ไตรมาส % yoy 2/47 1/47 2/46ค่าธรรมเนียมและบริการ 1,863 1,806 3.2 1,382 34.8 - การรับรอง รับอาวัล และค้ำประกัน 223 162 37.1 146 53.0 - อื่นๆ 1,640 1,644 -0.2 1,236 32.7กำไรจากการปริวรรต 323 534 -39.6 466 -30.8รายได้อื่น 65 18 267.3 13 383.7รวมรายได้จากธุรกิจหลัก 2,251 2,358 -4.5 1,861 21.0กำไรจากเงินลงทุน 2,039 3,635 -43.9 76 2,579.7ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย/ร่วม 110 525 -79.0 235 -52.9รวมรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 4,400 6,518 -32.5 2,172 102.6 ในไตรมาสนี้ กำไรจากเงินลงทุนลดลงจาก 3,635 ล้านบาทในไตรมาสก่อนเป็น 2,039 ล้านบาทเนื่องจากมีการขายหุ้นน้อยลง โดยในไตรมาสนี้ ธนาคารยังคงดำเนินการขายหุ้นในบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงินออกไป นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย/ร่วมลดลง 415 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนเป็น 110 ล้านบาท เนื่องจากการตั้งค่าใช้จ่ายค้างจ่ายของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งและเป็นไปตามภาวะตลาดหลักทรัพย์ โดยรวมแล้ว ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้จำนวน 4,400 ล้านบาท ลดลง 2,118 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนซึ่งมีจำนวน 6,518 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2546 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2,228 ล้านบาท จากกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น 1,963 ล้านบาท และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 481 ล้านบาท ในขณะที่กำไรจากการปริวรรตลดลง 143 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย/ร่วมลดลง 125 ล้านบาท3. ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย ธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้ จำนวน 3,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39 ล้านบาทจาก 3,805 ล้านบาทในไตรมาสก่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้ (ล้านบาท) ไตรมาส ไตรมาส % qoq ไตรมาส % yoy 2/47 1/47 2/46ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน 1,225 1,427 -14.2 1,069 14.5ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ 917 741 23.8 707 29.7ค่าภาษีอากร 283 270 4.7 284 -0.5ค่าธรรมเนียมและบริการ 354 433 -18.3 402 -12.0ค่าตอบแทนกรรมการ 39 10 291.1 10 291.9เงินสบทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟู 614 614 0 581 5.6ค่าใช้จ่ายอื่น 412 310 32.8 248 66.6รวมค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย 3,844 3,805 1.0 3,301 16.4อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน 53.6% 53.6% 50.0% - ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง 202 ล้านบาทเป็น 1,225 ล้านบาทเนื่องจากในงวดก่อนมีการบันทึกโบนัสพิเศษให้พนักงาน ขณะเดียวกันในงวดนี้มีการโอนพนักงานจากการยุบบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจด้านเทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของธนาคาร ทำให้ค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย - ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 176 ล้านบาทหรือร้อยละ 23.8 เป็นผลส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปรับปรุงตกแต่งสาขาทั่วประเทศของธนาคาร รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านระบบงาน - ค่าภาษีอากรเพิ่มขึ้น 13 ล้านบาทเป็น 283 ล้านบาท - ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง 79 ล้านบาทเนื่องจากการยุบบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตมาเป็นส่วนหนึ่งของธนาคาร ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ - ค่าตอบแทนกรรมการเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านบาทเป็น 39 ล้านบาทเนื่องจากมีการจ่ายโบนัสให้กรรมการตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น - ค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 102 ล้านบาทเป็น 412 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมการตลาด เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2546 ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 543 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 210 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 164 ล้านบาท แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นดังกล่าวข้างต้น แต่รายได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน (Operating cost to income ratio) คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 53.6 แต่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50.0 ในไตรมาส 2 ของปี 25464. ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ในไตรมาส 2/2547 ธนาคารตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งสำรองเป็นการทั่วไป (General reserve) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 ธนาคารมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 71,312 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพร้อยละ 83.6(ยังมีต่อ)--อินโฟเควสท์ (นห)--