สสส. หนุนตลาดนัดศิลปวัฒนธรรม-เวทีสาธารณะชุมชน ใช้ศิลปะนำร่องเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ก่อเกิดบุคคล-ชุมชนต้นแบบต่อยอดสู่ความยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Tuesday July 31, 2012 16:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--สสส. เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ ศสส. สำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สนับสนุนโครงการการจัดการศึกษาบนฐานชุมชนตำบลโคกสลุง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดลพบุรี จัดตลาดนัดศิลปวัฒนธรรมและเวทีสาธารณะชุมชน ครั้งที่ 1 ดึงศิลปิน-เยาวชน-ผู้นำชุมชน ที่มีจิตสาธารณะและมีศักยภาพมาทำงานร่วมกัน เน้นใช้จุดเด่น อัตลักษณ์ รากเหง้าของสื่อศิลปะและวัฒนธรรมชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้ในกระบวนการพัฒนาและสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยเบิ้งโคกสลุง จ.ลพบุรี โดย ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการ การจัดการศึกษาบนฐานชุมชนตำบลโคกสลุง ภายใต้ทิศทางของแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. ที่เป็นกระบวนการการเปลี่ยนแปลงอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในชุมชนที่เป็น ศิลปิน-เยาวชน-ผู้นำชุมชน ที่มีจิตสาธารณะมาพัฒนากระบวนการเรียนรู้และสร้างศักยภาพ สร้างความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ยั่งยืนให้แก่เด็ก เยาวชน สถานศึกษา และศิลปินที่เกี่ยวข้อง เป็นกระบวนการที่เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ขาออก (Inside out learning) ที่จะสร้างหลักการความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับผู้ที่มีส่วนร่วม อย่างแกนนำเยาวชนในชุมชนเพื่อไปสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนตนเองและชุมชนอื่นๆ ใกล้เคียงให้สร้างความตื่นตัว และสร้างความตระหนักให้กับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มีความมั่นใจในการเดินหน้าต่อเรื่องของการพัฒนาชุมชนบนฐานของความรู้และฐานของการศึกษาท้องถิ่น กลุ่มชาติพันธุ์ มีกระบวนการทดลองทำแล้วก็แสดงออกเป็นระยะๆ ที่เป็นเสมือนการเรียนรู้ที่อยู่นอกห้องเรียนแต่สามารถสร้างความยั่งยืนอย่างจริงจังมากขึ้นได้ ซึ่งนายประทีป อ่อนสลุง ผู้รับผิดชอบโครงการและผู้จัดตลาดนัดศิลปวัฒนธรรมและเวทีสาธารณะชุมชน ครั้งที่ 1 กล่าวว่า ชุมชนไทยเบิ้งเป็นชุมชนที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี มีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบันอยู่หลากหลาย อาทิ ภาษาและวรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรี การละเล่นเพลงพื้นบ้าน การละเล่นทั่วไปและกีฬา ทั้งนี้ประเพณีชีวิตยังสอดแทรกวัฒนธรรมอันดีงามไว้ ทั้งเรื่องความกตัญญู ความสามัคคี ความมีน้ำใจเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเห็นอกเห็นใจ และยังมีประเพณีท้องถิ่นเนื่องในพุทธศาสนา ตรุษสารท และประเพณีเกี่ยวเนื่องกับการประกอบอาชีพและเกี่ยวข้องกับความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น โชคลาง โหราศาสตร์ ภูตผีปีศาจ และไสยศาสตร์ จึงเป็นที่มาของรูปแบบการจัดกิจกรรมที่เกิดขึ้นครั้งที่ 1 นี้ที่เน้นเรื่อง “ความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ” เป็นหลัก เพราะเป็นเหมือนทั้งแนวทางและตัวกำหนดเข็มทิศในการเดินของคนในชุมชน อย่างเรื่องการทำนา การรับท้องข้าว (ประเพณีที่นิยมทำกันในวันเข้าพรรษาหรือลาพรรษา หลังจากเสร็จพิธีทำบุญแล้วแต่ละบ้านจะทำพิธีรับท้องข้าวกันที่นาของตนเพื่อให้ในปีนั้นข้าวในนาออกรวงตั้งท้องสวยงาม) การรับขวัญข้าว (ทำหลังจากเกี่ยวข้าว นวดข้าวนำข้าวเข้ายุ้ง) ความเชื่อเรื่องผี อย่างผีบ้านผีเรือนหรือผีปู่ย่าตายาย แต่ชาวไทยเบิ้งจะไม่นิยมตั้งศาลบูชา หรือตั้งเป็นศาลเจ้าที่ แต่จะเชื่อว่ามีอยู่จริงในบ้านเรือน จึงได้มีพิธีการเลี้ยงเจ้าบ้านที่เรียกว่า "พ่อหลวงเพชร" ขึ้นทุกปีในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 เพราะเชื่อว่าพ่อหลวงจะเป็นผู้ดูแลในทุกเรื่อง มีอะไรก็จะเรียกให้พ่อหลวงช่วยเสมอ และมีเครื่องเซ่นในพิธีกรรม ต่างๆ ต้นไม้สมุนไพรผี และยาผีบอก ที่เป็นความเชื่อที่ชาวบ้านนิยมทำสืบทอดกันมาหลายช่วงอายุแล้ว “โดยความเชื่อดังกล่าวเป็นการสอนให้เด็กและเยาวชนเห็นคุณค่าเกิดความภาคภูมิใจจะอนุรักษ์ หวงแหน สืบสานสืบทอดความเชื่อเหล่านี้ต่อไปก่อนจะหลงลืมเรื่องราวความเชื่อดีๆ ไป ที่สำคัญกิจกรรมที่จัดขึ้นยังดึงคนในชุมชนมาทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างไม่มีข้อแม้ ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีกัน เพราะเป็นเรื่องของความงดงาม ภูมิปัญญา วิถีชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งจะกลายเป็นเสน่ห์ชุมชน ที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสืบไปในอนาคตได้” นายประทีป อ่อนสลุง กล่าว ซึ่งผู้รับผิดชอบโครงการและผู้จัดตลาดนัดศิลปวัฒนธรรมฯ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในงานนอกเหนือจากจะมีความรู้ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อที่ครูภูมิปัญญา คนเฒ่าคนแก่ชาวไทยเบิ้งแล้วยังมีความเชื่อและการละเล่นทรงผีเรื่อง “ผีนางสุ่ม” โดยไทยมอญบางขันหมาก ที่นิยมเล่นกันเพื่อความสนุกสนาน ร่าเริง เบิกบาน สร้างความสามัคคีต่อคนในชุมชน ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ไม่สูญหาย เช่นเดียวกับการแสดงความเชื่อเรื่อง “นางกวัก” โดยไทยพวนบ้านทราย ที่เป็นการละเล่นเพื่อสอบถามสารทุกข์สุขดิบของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว หรือเป็นการถามเรื่องโชคลาภ และอื่นๆ ที่ไม่กระจ่างไม่สบายใจให้หายและคลายกังวลลง นอกจากนี้ยังมีคนเฒ่าคนแก่ในชุมชนสอนทำของเล่นพื้นบ้านเช่น ตุ๊กกะโต่ง (ตั๊กแตนจากใบตาล) เกียน (เกวียนของเล่นเด็กที่ทำจากไม้ไผ่) จิ่งหันลูกยาง (กังหันที่ทำจากไม่ไผ่) สานปลาตะเพียน และตัดพวงมะโหด ฯลฯ มาสอนและถ่ายทอดภูมิปัญญาให้เด็ก-เยาวชนและผู้ร่วมงานลองทำและบอกเล่าความเป็นมา ที่มาที่ไปของของเล่นแต่ละอย่างไปพร้อมกันด้วย “บรรยากาศงานนอกจากจะคละคลุ้งไปด้วยความรู้และภูมิปัญญาต่างๆ ที่ครูภูมิปัญญานำมาถ่ายทอดแล้วยังมี อาจารย์มงคล บุญเจริญ กวีบ้านไร่มาขับขานกวีเรื่อง “ความเชื่อเหนือธรรมชาติ” เคล้าเสียงไวโอลินให้คนภายในงานได้ชื่นชมทำให้เรื่องความเชื่อพระเอกของงานนี้ดูน่าสนใจและได้บรรยากาศแบบชุมชนอย่างแท้จริง ทั้งยังมีการ “รำโทน” ที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านคิดสร้างสรรค์เป็นศิลปะประจำท้องถิ่น มีรูปแบบท่าทาง ท่วงที ท่ารำตามบทเพลงในแต่ละเพลง ที่เล่นกันมาแต่โบราณที่รักษาไว้มาผสมผสานกับความเชื่อเรื่องมาร้องเล่นเต้นรำกันอย่างสนุกสนานด้วย” นายประทีป อ่อนสลุง กล่าวเพิ่มเติม ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของกิจกรรมภายใต้โครงการการจัดการศึกษาบนฐานชุมชนตำบลโคกสลุง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดลพบุรี ที่นำความเชื่อที่มีมาถ่ายทอด ซึ่งครั้งต่อไปจะมีการนำของดีในชุมชนโดยเฉพาะเรื่องอาหารมาปลูกฝังและถ่ายทอดต่อ แต่จะมีรูปแบบและวิธีการในการนำเสนออย่างไรสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.artculture4health.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ