ลัดเลาะเมืองแห่งวัฒนธรรม ชมวิถีชีวิตชาวเมืองด่านซ้าย

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday August 1, 2012 15:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--อพท. จังหวัดเลย เมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อนและด้วยลักษณะภูมิประเทศที่ตั้งอยู่บนที่ราบระหว่างหุบเขานี้เอง ทำให้ถนนเกือบทุกสายเป็นเส้นทางที่ต้องขึ้นและลงเนินกันเป็นระยะ หลายๆ พื้นที่ในจังหวัดเลยจึงเป็นเมืองที่เหมาะกับการท่องเที่ยวโดยการขี่จักรยานเสือภูเขาที่มีระบบเฟืองทดช่วยในการผ่อนแรง วันนี้ อพท. จึงจะขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวสายหนึ่งที่มีความน่าสนใจอยู่ในอำเภอด่านซ้าย ที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะทำกิจกรรมท่องเที่ยวพักผ่อนตามสไตล์ Low carbon โดยการขี่จักรยานชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามสองข้างทาง ไปพร้อมกับการร่วมเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวเมืองแห่งนี้ไปพร้อมกันได้แบบสบายๆ หรือถ้าใครที่กลัวเหนื่อยกลัวร้อนอยากจะขับรถท่องเที่ยวก็ได้ไม่ถือว่าผิดกติกา.... เมื่อเอ่ยถึงเมืองด่านซ้าย ทุกคนมักจะนึกถึง งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน แต่ทราบกันหรือไม่ว่า ด่านซ้ายยังเป็นเมืองที่มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญหลายเหตุการณ์ เช่น ที่มาของเจดีย์พระธาตุศรีสองรักที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในยุคของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระไชยราชา หรือในยุคสมัยที่มีการล่าอาณานิคมเมืองด่านซ้ายนั้นเคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศษมาแล้ว อีกทั้งด่านซ้ายยังเป็นเมืองที่มีเรื่องราวเล่าขานถึงวีรบุรุษท้องถิ่นอย่าง “ท้าวกองแสง” เจ้าเมืองด่านซ้ายที่เกณฑ์ไพร่พลเข้าร่วมรบกับพวกฮ่อ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่พวกฮ่อบุกเข้าตีเมืองหลวงพระบาง ซึ่งภายหลังปราบฮ่อได้สำเร็จ รัชกาลที่ 5 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น “พระแก้วอาสา” อีกด้วย เส้นทางท่องเที่ยวสายนี้จะเริ่มที่ถนนหน้าทางเข้าพระธาตุศรีสองรัก มุ่งตรงเข้าตัวเมืองด่านซ้ายแยกขวาที่สามแยกหัวนายูงแล้วตรงไปประมาณ 600 เมตร แยกซ้ายที่สี่แยกบ้านเดิ่นเพื่อเข้าสู่ถนนแก้วอาสา เส้นทางสายเศรษฐกิจหลักระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร ของตัวเมืองด่านซ้ายนี้ เป็นที่ใช้จัดงานใหญ่อย่างขบวนแห่ในประเพณีผีตาโขนเป็นประจำทุกปีและเป็นที่ตั้งของวัดโพนชัยและพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน บนเส้นทางจะผ่านร้านรวงต่างๆ ที่มีทั้งของกินของใช้รวมทั้งร้านของฝากที่นำเอาภาพลักษณ์ของผีตาโขนมาทำเป็นของที่ระลึกได้อย่างลงตัว ด้วยความพิเศษของภูมิประเทศและความเข้มแข็งของชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพเมืองด่านซ้าย ทำให้จักรยานเป็นเสมือนของใช้ที่บ้านเกือบทุกหลังต้องมีไว้ ตลอดเส้นทางสายสั้นๆ ที่ผ่านตัวเมืองแห่งนี้ เราจะสามารถพบเห็นจักรยานจอดเรียงรายอยู่มากมายในบ้านเรือนทั้งสองข้างทาง เมื่อผ่านตลาดสดด่านซ้ายและที่ว่าการอำเภอเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 2114 (ด่านซ้าย-นาหอ-ปากหมัน) ที่พาเราออกจากตัวเมืองด่านซ้ายขึ้นไปทางทิศเหนือ หากเป็นในช่วงฤดูฝน เมื่อออกมาได้ไม่ไกลนักก็จะได้พบกับทุ่งนาที่ชาวบ้านของที่นี่ยังใช้วิธีการปักดำด้วยแรงงานคน เป็นสีเขียวขจีอยู่ตลอดสองข้างทางสลับบ้านเรือนและหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กันเป็นกลุ่มในระยะที่ไม่ห่างกันนัก โดยมีจุดสังเกตอยู่ที่ทิวมะพร้าวและต้นตาลซึ่งจะตัวบอกตำแหน่งของการตั้งบ้านเรือนได้เป็นอย่างดี ที่นี่เราจะได้พบกับร่องรอยของประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวีรบุรุษของชาวเมืองด่านซ้าย ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในหอพิพิธภัณฑ์พระแก้วอาสา ในวัดศรีภูมิ ต.นาหอ (พิกัด ละติจูด : N17 19.570, ลองติจูด : E101 08.790) วัดศรีภูมิเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของอำเภอด่านซ้ายที่มีประวัติความเป็นมาเชื่อมโยงกับพระแก้วอาสา หอพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมเรื่องราวประวัติและวีรกรรมที่ท่านทำไว้และเป็นที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับพระแก้วอาสา เช่น เตียงนอนไม้แกะสลัก หอพระจำลองฝีมือช่างชั้นสูง เครื่องแต่งกาย อาวุธ รวมทั้งภาพวาดของท่านเอาไว้ด้วย จากนั้นออกเดินทางต่อบนถนนสายเดิม ถัดมาไม่ไกลจากวัดศรีภูมินัก เมื่อผ่านไปถึงชุมชนบ้านเก่า ต. นาหอ ข้างทางจะพบกับกลุ่มแม่บ้านแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีสินค้าขึ้นชื่ออย่างกล้วยเบรกแตกให้ได้ลิ้มลองกัน (พิกัด ละติจูด : N17 20.608, ลองติจูด : E101 08.755) ออกแรงปั่นจักยานกันต่อไปอีกสักนิดก็จะถึงบ้านนาดี (พิกัด ละติจูด : N17 22.856, ลองติจูด : E101 09.390) ที่นี่เค้ามีชื่อเสียงเรื่องน้ำผักสะทอนและการแปรรูปน้ำผักสะทอนเป็นน้ำพริกแจ่วดำ ซึ่งผลิตโดยกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนาดี เป็นสินค้าโอท็อปดีเด่นของอำเภอที่ซื้อไปรับประทานเองก็ได้หรือเป็นของฝากคนทางบ้านก็ดี กลับออกมาจากบ้านนาดี (ถ้าใครที่แรงดีก็สามารถเดินทางต่อไปจนถึงบ้านปากหมันที่เป็นจุดบรรจบกันของลำน้ำหมันกับแม่น้ำเหือง) ย้อนกลับเส้นทางเดิมเพื่อเข้าตัวเมืองซึ่งจะมีจุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์อีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่บ้านนาหมูม่น ต.นาหอ (พิกัด ละติจูด : N17 21.780, ลองติจูด : E101 09.406) หากย้อนความกลับไปสักเล็กน้อย การทำนาข้าวในเขตที่ราบของอำเภอด่านซ้ายยังคงต้องพึงพาน้ำจากลำน้ำหมัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นลำน้ำสายหลักของอำเภอด่านซ้ายที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่ไหลหล่อเลี้ยงเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านที่นี่ การที่จะดึงเอาน้ำขึ้นมาใช้ตั้งแต่อดีตกาลมาแล้วนั้น ชาวบ้านซึ่งมีวิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพิงพลังจากธรรมชาติเป็นหลัก จึงได้ประดิษฐ์เครื่องกลวิดน้ำที่ถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ชาญฉลาดขึ้นมาติดตั้งไว้ในลำนำใช้สำหรับทดน้ำเข้าสู่ผืนนา หากใช้เส้นทางที่ลัดเลาะไปตามหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมลำน้ำแห่งนี้ สิ่งที่ผู้มาเยือนสามารถพบเห็นและสร้างความตื่นตาตื่นใจอย่าง กังหันวิดน้ำขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านของที่นี่เรียกว่า “พัด” หรือ “หลุก” ซึ่งปัจจุบันเริ่มหาดูได้ยากเต็มทีจากการเข้ามาแทนที่ของเครื่องสูบน้ำที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือน้ำมัน สำหรับใครที่จะเดินทางไปด่านซ้ายในช่วงหน้าฝนนี้แล้วอยากไปสัมผัสและดื่มด่ำกับบรรยากาศของวันเวลาเก่าๆ ที่มีภาพของทุ่งนาเขียวขจีและกังหันวิดน้ำอยู่ที่ปลายนาตัดกับฉากหลังที่เป็นขุนเขาและท้องฟ้าสีครามก็ลองแวะเวียนไปชมกันได้ เส้นทางท่องเที่ยวสายนี้เมื่อย้อนกลับเข้ามาจนถึงบริเวณที่ว่าการอำเภอด่านซ้ายจะมีระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตรครับ...... ติดต่อ: www.dasta.or.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ