สยามเซ็นเตอร์ทุ่มงบ 300 ล้าน ปรับโฉมอาคารพร้อมปรับขบวนสินค้าใหม่ ชูภาพลักษณ์ดีไซเนอร์ไทย เป็นศูนย์แฟชั่นสุดเปรี้ยวแห่งยุค

ข่าวทั่วไป Tuesday July 27, 2004 16:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--สยามพิวรรธน์
สยามเซ็นเตอร์เตรียมทุ่มงบประมาณ 300 ล้าน ปรับเปลี่ยนโฉมภายนอกและการตกแต่งภายในทั้งหมด โดยการออกแบบอาคารภายนอกจะสามารถปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ภายนอกอาคารได้ทุก 6 เดือน และภายในตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์เปรี้ยวล้ำยุคและสามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ทุก 6 เดือนได้เช่นกัน โดยได้ว่าจ้างทีมที่ปรึกษาทีมใหญ่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศูนย์การค้าจากหลายประเทศมาระดมความคิดร่วมกัน เพื่อเนรมิตให้สยามเซ็นเตอร์เป็นศูนย์การค้าแห่งแรกที่จะนำเสนอคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำแบบใคร
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินแผนที่จะปรับสินค้าและบริการในอาคารครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อจัดโซนสินค้าใหม่ทั้งหมดให้เป็นระเบียบและนำเสนอ Flagship Store ขนาดใหญ่และดีไซเนอร์ไทยและแบรนด์ไทยเป็นจำนวนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่อาคารทั้งหมด เพื่อชูให้เป็น "Thai Designer Showcase" ที่ล้ำสมัยและยิ่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้จะมีสินค้าใหม่เข้ามานำเสนออีกไม่ต่ำกว่า 25 ร้านค้า ทั้งนี้เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการผลักดันโครงการ "กรุงเทพเมืองแฟชั่น" ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการสร้างแบรนด์สินค้าแฟชั่นของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างยั่งยืน สยามเซ็นเตอร์เป็นแหล่งกำเนิดของแฟชั่นและดีไซเนอร์ไทยที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และเป็นศูนย์การค้าแห่งเดียวที่จัดแฟชั่นโชว์และกิจกรรมด้านแฟชั่นต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 20 ปี เพื่อส่งเสริมความสามารถและแสดงศักยภาพของดีไซเนอร์ไทย อีกทั้งยังได้จัดการประกวด "Siam Center Young Designer Contest" ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปัจจุบัน สยามเซ็นเตอร์เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกรู้จักและมาซื้อสินค้าแบรนด์ของคนไทยเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี โดยมียอดใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 50-80 ล้านบาทในแต่ละปี
อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากกระทรวงอุตสาหกรรม ในการจัดตั้ง "สถาบันพัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น" บนชั้น 20 ของอาคารสยามทาวเวอร์ พื้นที่ 1,500 ตรม. ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเร่งพัฒนาบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นให้มีศักยภาพเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ พร้อมสร้างบุคลากรใหม่ที่มีคุณภาพเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่น และยกระดับให้โครงการเป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านแฟชั่นชั้นำของภูมิภาค โดยสถาบันจะสามารถเปิดทำการได้ภายในปี 2547 นี้ จึงนับว่าสยามเซ็นเตอร์จะเป็นแหล่งปั้นดีไซเนอร์ใหม่ไฟแรงจากสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น พร้อมทั้งจะให้นำผลงานของนักเรียนในสถาบันมาจัดแสดงในสยามเซ็นเตอร์และดิสคัฟเวอรี่พลาซ่าเป็นประจำ เพื่อสร้างความคึกคักให้กับวงการแฟชั่นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับศูนย์แฟชั่นสุดเปรี้ยวแห่งยุคแห่งนี้ เมื่อจัดพื้นที่ใหม่แล้วจะแบ่งออกเป็นโซนสินค้าต่างๆ ดังนี้
ชั้นที่ 1 จะนำเสนอ Flagship Store ขนาดใหญ่บนพื้นที่ประมาณ 200-400 ตรม.ของสินค้า แฟชั่นดีไซเนอร์ไทย และแฟชั่นแบรนด์เนมใหม่สุดเปรี้ยวจากต่างประเทศ พร้อมทั้ง Flagship Store ของเสื้อผ้า Trendy Global Store อีก 10 ยี่ห้อ
ชั้นที่ 2 จะเป็นศูนย์รวมกระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับกว่า 20 แบรนด์เนม ในสไตล์สุดเก๋ถูกใจวัยรุ่น โดยจะมีทั้งสินค้าแบรนด์ไทยและสินค้าดีไซเนอร์จาก อเมริกา อิตาลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ รวมอยู่ด้วย พร้อมนำเสนอ flagship Store ของเครื่องสำอางค์เทรนดี้หลากหลายแบรนด์สำหรับวัยรุ่น พร้อมบริการสอนแต่งหน้า In-trend และ Beauty Salon ทำผมและบริการความงาม
ชั้นที่ 3 จุดรวมของดีไซน์เนอร์ไทยและ Young Designer รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดร้านอวดโฉมคอลเลคชั่นใหม่เป็นที่แรก และยังมี Flagship Store ของดีไซเนอร์ไทยอีกหลายร้านค้า นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ยังได้จัดพื้นที่ประมาณ 500 ตรม.ไว้สำหรับ "Young Designer Gallery" เพื่อใช้เป็นเวทีแสดงผลงานสร้างสรรค์การออกแบบ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า และกระเป๋าของดีไซเนอร์ไทย ในคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจะได้รับคัดเลือกมาแสดงและขายสินค้าอีกด้วย โดยจะเปลี่ยนผลงานของดีไซเนอร์ทุกๆ 2 เดือน เพื่อเสนอความเปรี้ยวแปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง
ชั้นที่ 4 เนื่องจากชั้นนี้เป็นชั้นที่มีสะพานเชื่อมต่อกับสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์และอาคารสำนักงานสยามทาวเวอร์ รวมทั้งเชื่อมกับอาคารจอดรถและอาคารสยามพารากอนในอนาคตอีกด้วย ในชั้นนี้จึงจะจัดเป็นศูนย์รวมร้านอาหาร ที่แต่ละร้านจะตกแต่งในสไตล์บรรยากาศที่คึกคักสนุกสนาน โดยจะย้ายร้านอาหารที่อยู่ในชั้นอื่นทั้งหมดมารวมกันที่นี้ และมีร้านอาหารใหม่ๆ มาเปิดเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 ร้าน
นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอร้านกาแฟ ไอศกรีม และขนมต่างๆ ที่ตกแต่งสวยงามในสไตล์เทรนดี้อีกหลายร้านกระจายอยู่ในชั้นต่างๆ เพื่อให้เป็นจุดหมายแห่งการนัดพบของบรรดาวัยรุ่นอย่างแท้จริง
การปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการรวมพลังระหว่าง สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน ที่จะเปิดให้บริการในปลายปี 2548 โดยเมื่อรวมกันแล้วจะมีพื้นที่ถึง 800,000 ตรม. ซึ่งนับว่าเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร โดยแต่ละอาคารมีจุดเด่นในการนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันคือ
สยามเซ็นเตอร์ ศูนย์รวมแฟชั่นสุดเปรี้ยวและสินค้าอินเทรนด์แห่งยุค กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานอายุ 12-28 ปี
สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ เน้นความเป็น Lifestyle Center เน้นการนำเสนอสินค้าที่ไม่เปิดในศูนย์การค้าอื่นๆ สินค้าตกแต่งบ้านซึ่งเป็นแบรนด์เนมไทยและสินค้าดีไซน์แปลกใหม่จากต่างประเทศ (จะแจ้งความคืบหน้าในการปรับเปลี่ยนสินค้าอีกครั้งในปลายปี 2547 นี้) กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มคนทำงานและครอบครัวผู้มีกำลังซื้อ
สยามพารากอน โครงการที่ยิ่งใหญ่เป็นสุดยอด "Global Retail Entertainment" ระดับโลกมีมูลค่าการลงทุนรวมโรงแรมระดับ 5 ดาว และ Serviced Apartment แล้ว 14,000 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าเป้าหมายครอบคลุมถึงคนไทยทั่วประเทศและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
โดยเมื่อรวมทั้ง 3 โครงการยิ่งใหญ่เข้าด้วยกันแล้ว จะสามารถผนึกกำลังในการสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ และนำเสนอสินค้าได้ครบทุกประเภทอย่างกว้างขวางที่สุดและมีสุดยอด Entertainment ระดับโลก อันได้แก่ โรงละคร "Siam Opera", "Siam Ocean World" Aquarium ที่ใหญ่และดีที่สุดใน Southeast Asia, "Royal Paragon Hall" ศูนย์การจัดแสดงสินค้าและการประชุมที่เป็นสุดยอดไฮเทค 10,000 ตรม. และโรงภาพยนตร์ในเครือ Major Cineplex อีก 15 โรง พร้อม Imax ใหญ่ที่สุด 600 ที่นั่งอีก 1 โรง
สำหรับสยามพารากอนนั้นได้เตรียมพื้นที่ขนาดใหญ่ไว้สำหรับสินค้าแบรนด์เนมไทยด้วย โดยจะมี Top Designer ไทย นำเสนอเสื้อผ้าในลักษณะของ Haute Couture และ Avant-garde ในลักษณะหรูหรา ส่วนในห้างสรรพสินค้า Paragon Department Store จะนำเสนอ สินค้าแบรนด์เนมไทยหลากหลายจำนวนกว่าร้อยแบรนด์อีกด้วย
สยามเซ็นเตอร์จะเริ่มทำการตกแต่งศูนย์ฯ ใช้เวลา 10 เดือน ตั้งแต่มกราคม ถึง ตุลาคม 2548 โดยจะเปิดให้บริการตามปกติทุกวัน และจะใช้เวลาการตกแต่งในช่วงกลางคืน เพื่อให้ทันเปิดรูปโฉมใหม่พร้อมสยามพารากอนปลายปี 2548
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร. 0-2658-1000 ต่อ 234-238
e-mail: prsiam@siampiwat.com--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ