คณะกรรมการปิโตรเลียม อนุมัติ 2 แหล่งผลิตปิโตรเลียมใหม่ คาดสร้างรายได้ให้กับประเทศ มูลค่ากว่า 13,200 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 23, 2012 15:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ คณะกรรมการปิโตรเลียม โดยนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้มีการประชุมประจำเดือนสิงหาคม 2555 และได้มีการสรุปสถานการณ์ด้านการจัดหาและพัฒนาปิโตรเลียมในช่วงเดือนกรกฎาคม 2555 ว่าประเทศไทยมีอัตราการผลิตปิโตรเลียมเทียบเท่าน้ำมันดิบทั้งสิ้น 849,144 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 43 ของความต้องการใช้ในประเทศ โดยแบ่งเป็นก๊าซธรรมชาติ 3,531 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ก๊าซธรรมชาติเหลว 96,904 บาร์เรลต่อวัน น้ำมันดิบ 145,194 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม — กรกฎาคม 2555 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน สามารถจัดเก็บค่าภาคหลวง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 42,300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปี 2554 ร้อยละ 18 สำหรับผลการดำเนินงานในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นบริเวณที่ไทยและมาเลเซียอ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกันในบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2555 มีการผลิตก๊าซธรรมชาติในอัตรา 1,259 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (นำมาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยวันละประมาณ 736 ล้านลูกบาศก์ฟุต) และก๊าซธรรมชาติเหลว 15,825 บาร์เรลต่อวัน โดยในช่วงเดือนมกราคม — กรกฎาคม 2555 ซึ่งสามารถนำส่งรายได้จากการดำเนินงานในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย — มาเลเซีย สู่ประเทศ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,777 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียมดังกล่าว ได้มีการอนุมัติพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติม จำนวน 2 พื้นที่ เนื่องจากผลการสำรวจของบริษัทผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมพบว่าพื้นที่ดังกล่าว มีศักยภาพทางด้านธรณีวิทยาที่จะพัฒนาเป็นแหล่งปิโตรเลียมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ประกอบด้วย - แหล่งดงมูล ของบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด ซึ่งอยู่ในแปลงสำรวจ L27/43 สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 9/2546/43 โดยคณะกรรมการปิโตรเลียมมีมติเห็นชอบให้ได้รับอนุมัติเป็นพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมรวม 31.91 ตารางกิโลเมตร และคาดว่ามีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติประมาณ 96 พันล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งจะเริ่มผลิตในปี 2558 ซึ่งหากดำเนินการพัฒนาสำเร็จและผลิตได้จะผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 14 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน โดยบริษัทจะมีการลงทุนมูลค่าประมาณ 6,774 ล้านบาท และผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับจากโครงการนี้ประมาณ 3,095 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ) ส่วนบริษัทจะได้รับผลตอบแทนหลังหักเงินลงทุน ประมาณ 2,066 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ) แหล่งปะการังตะวันตก ของบริษัท เชฟรอนประเทศสำรวจและผลิต จำกัด ซึ่งอยู่ในแปลง ในทะเล แปลง B11 สัมปทานเลขที่ 1/2515/5 โดยคณะกรรมการปิโตรเลียมมีมติเห็นชอบให้ได้รับอนุมัติเป็นพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมรวม 118.1 ตารางกิโลเมตร และคาดว่ามีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติประมาณ 1 แสนล้านลูกบาศก์ฟุต และน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลวประมาณ 8.97 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเริ่มผลิตในปี 2558 และหากดำเนินการพัฒนาสำเร็จและผลิตได้ คาดว่าจะผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 4,300 บาร์เรลต่อวัน และก๊าซธรรมชาติประมาณ 59 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน โดยบริษัทจะมีการลงทุนมูลค่าประมาณ 19,000 ล้านบาท และผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับจากโครงการนี้ประมาณ 10,200 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณร้อยละ 57 ) ส่วนบริษัทจะได้รับผลตอบแทนหลังหักเงินลงทุนประมาณ 7,584 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณร้อยละ 43 )

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ